Pray For Japan!! ทุกอารมณ์ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ยากที่เราภาวนาให้พวกเขาผ่านมันไปได้ด้วยดี

แชร์เรื่องนี้:
Pray For Japan!! ทุกอารมณ์ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ยากที่เราภาวนาให้พวกเขาผ่านมันไปได้ด้วยดี

ไหนๆ ก็มีการอัพเดตภาพชุดใหม่ๆ และข่าวคราวใหม่ๆ ของเหตุการณ์หายนะสะเทือนขวัญโลกในครั้งนี้ กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญที่ญี่ปุ่น เราก็มีภาพอื่นๆ และเหตุการณ์น่าประทับใจมาแชร์ให้เห็นกันค่ะ

 หนุ่มชาวญี่ปุ่นขี่จักรยานผ่านซากเรือ (อาโอโมริ)

 หญิงสาวร้องไห้อย่างโล่งอกเมื่อได้ข่าวว่าคนอื่นๆ ปลอดภัย

 เหล่าหญิงชราที่ถูกอพยพในเขตฟุกุชิมะ ติดตามข่าวสารทางหนังสือพิมพ์อย่างสนอกสนใจ

 ชายผู้รอดตายกำลังบรรยายเหตุการณ์ที่เขาเห็นกับตาให้เหล่ากู้ภัยฟังอย่างออกรส

 หน่าวยกู้ภัยอาสาสมัครจากอังกฤษใช้สุนัขเข้าช่วยค้นหา (โอฟุนาโตะ)

 หน่วยกู้ภัยเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิต

 ภาพถ่ายเปรียบเทียบก่อน (ด้านซ้าย)และหลัง (ด้านขวา)ภัยพิบัติ
นาโทริ

ปาฎิหารย์

หน่วยกู้ภัย เข้าช่วยเหลือชายชราวัย 60 ปี ที่อยู่บนชิ้นส่วนหลังคาบ้าน ลอยอยู่กลางน้ำถึง 2 วัน

หลังจากพ่อแม่ของทารกน้อยสูญเสียลูกสาวคนนี้ไปถึง 3 วัน จนถอดใจแล้ว ปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นเมื่อทีมกู้ภัยตามเสียงร้องไห้ของทารกไปยังซากปรักหักพังของบ้านหลังหนึ่งและช่วยเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย

น้ำใจ..พลังยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อให้อีกหลายชีวิต

โดย JaOh Tongneam เมื่อ 15 มีนาคม 2011 เวลา 14:47 น.
Credit: Adisak Chua


 Adisak Chua
: คิดว่าทุกคนกำลังเครียด เลยอยากแบ่งปันเรื่องดีๆที่เกิดในช่วงแผ่นดินไหว (อ่านเจอลิ้งค์จาก ศูนย์กลางข่าวสารแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น โดย สนญ. และ สนทญ.) เป็นเรื่องราวที่คนต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นประสบ http://prayforjapan.jp/tweet.html ขอแปลด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มี

 เรื่อง ที่หนึ่ง ข้าพเจ้าได้เห็นเด็กน้อยพูดกับพนักงานรถไฟ "ขอบคุณค่ะ/ครับ ที่เมื่อวานพยายามอย่างสุดชิวิตทำให้รถไฟเดินรถได้อีกครั้ง" พนักงานรถไฟร้องไห้ส่วนข้าพเจ้าร้องไห้ฟูมฟายไปแล้ว (คืนวันที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟหยุดวิ่ง กว่าจะวิ่งได้ก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว)

 เรื่องที่สอง ที่ดิสนีย์แลนด์ คนติดกลับบ้านไม่ได้จำนวนมาก และทางร้านขายของก็ได้เอาขนมมาแจกนักท่องเที่ยว ก็ได้มีนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มหนึ่งไปเอามาจำนวนมาก มากเกินพอ แว่บแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีคือ อะไรของมึงวะ เอาไปซะเยอะ แต่วินาทีต่อมากลายเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเด็กกลุ่มนั้นเอาขนมไปให้เด็กๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่สามารถไปเอาเองได้เพราะต้องดูแลลูกๆ

 เรื่องที่ สาม ในซุปเปอร์แห่งหนึ่ง ของตกระเกะระกะเพราะแรงแผ่นดินไหว แต่คนซื้อก็เดินไปช่วยกันเก็บของ แล้วก็หยิบส่วนที่ตนอยากซื้อไปต่อคิวจ่ายเงิน ในรถไฟที่เพิ่งเปิดให้ใช้บริการและคนที่ตกค้างจำนวนมากกำลังเดินทางกลับก็ ได้เห็นคนแก่คนหนึ่งลุกให้สตรีมีครรภ์นั่ง คนญี่ปุ่นแม้ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ก็ยังมีน้ำใจ มีระเบียบ

 เรื่อง ที่สี่ ในคืนแรกที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟไม่วิ่ง ทำให้คนจำนวนมากต้องเดินกลับบ้านแทนการนั่งรถไฟ ขณะที่ข้าพเจ้าต้องเดินกลับจากมหาลัยมายังที่พัก ร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ผ่านร้านขนมปังร้านหนึ่งซึ่งปิดไปแล้ว แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็ได้เอาขนมปังมาแจกฟรีแก่คนที่กำลังเดินกลับบ้าน แม้ภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ น้ำใจเช่นนี้ทำให้หัวใจข้าพเจ้าอบอุ่น ตื้นตัน

 เรื่อง ที่ห้
า ในขณะที่รอรถไฟให้กลับมาวิ่งได้ ข้าพเจ้าก็ได้รออยู่ในอาคารสถานีอย่างเหน็บ หนาว โฮมเลสก็ได้แบ่งปันแผ่นกล่องกระดาษให้ *โฮมเลสที่ข้าพเจ้ามองด้วยหางตาทุกวันที่มาใช้สถานี คืนนั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

 เรื่องที่หก  ด้วยระยะเวลาสี่ชั่วโมงที่ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ก็ได้ผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตาก็ไปสะดุุดกับแผ่นกระดาษที่เขียนว่า "เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ" หญิงสาวท่านหนึ่งได้เปิดบ้านตัวเองให้แก่คนที่กำลังเดินกลับบ้านได้ใช้ วินาทีที่ได้เห็นแผ่นกระดาษนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้ำใจคนญี่ปุ่น
 
เรื่อง ที่เจ็ด แม้ว่าไฟดับ ก็ยังมีคนที่สู้ทำงานให้ไฟกลับมาติด น้ำไม่ไหลก็ยังมีคนไม่ยอมแพ้ทำให้น้ำกลับมาไหล เกิดปัญหากับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีคนที่พร้อมจะเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมมัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้กลับมาสู่สภาพปกติด้วยตัวมันเอง ขณะที่พวกเราอยู่ในบ้านอันอบอุ่นแล้วก็พร่ำบ่นว่าเมื่อไรไฟมันจะติด น้ำจะไหลน้าา ก็มีคนที่อยู่ข้างนอกท่ามกลางความหนาวเหน็บกำลังพยายามสู้อยู่

เรื่อง ที่แปด ในจังหวัดจิบะ คนลุงคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ก็ได้เปรยออกมาว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรน้า เด็กหนุ่มม.ปลายก็ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไปเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พวกผมจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน (ไม่เป็นไร พวกเรายังมีอนาคต!!!)

เรื่อง ที่เก้า ขณะที่กำลังได้รับความช่วยเหลือ หลังจากที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านมากว่า 42ชั่วโมง คุณลุงก็ได้กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ เคยมีประสบการณ์ทซึนามิที่ชิลีมาแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเรามาช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันนะ" แกกล่าวด้วยรอยยิ้ม (สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราคือ ต่อจากนี้ไปเราจะทำอะไรต่างหาก)

เรื่อง สุดท้าย ก่อนหน้านี้เมืองมันสว่างเกินไป เกินที่จะมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่จริงๆแล้วดาวสวยเช่นนี้เอง ชาวเซนไดทุกคนลองแหงนมองขึ้นไปข้างบนดูซิ (ตรงนี้ไม่มั่นใจว่าแปลว่า ชาวเซนไดทุกคนมองขึ้นไปบนฟ้า รึเปล่า)

**โฮมเลส คนเร่ร่อนที่ญี่ปุ่น มักใช้ลังกระดาษมาสร้างเป็นที่นอน

ภาพจาก
http://www.boston.com
http://www.nytimes.com/interactive/2011/03/12/world/asia
เครดิตข้อความให้กำลังใจจากเฟสบุ๊คคุณ Adisak Chua และ JaOh Tongneam

 

ลิงค์อื่นๆ ทีเ่กี่ยวข้อง
http://www.online-station.net/entertainment/story/82
http://www.online-station.net/entertainment/cartoon/116

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ