Su FEVER: อดีตนักบาสฯ ไอดอลผู้เขินอาย!

Highlight
– เคยเล่นบาสเก็ตบอล
– ยังไม่ชินการสื่อสารกับภาพเพศตรงข้ามนัก
– ไม่เหนื่อยกับการแบกปายใน PUBG

 

     เราหมดเวลาที่ร้าน My Magic ก็พากันย้ายสัมโนครัวกลับมายังบริเวณ Co-Working ของ The Street ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเป็นสถานที่ซึ่งเราขอกับทางห้างไว้ตั้งแต่ทีแรก เพื่อจะสัมภาษณ์เมมเบอร์อีก 1 ชุด (3 คน) ที่เหลือ ซึ่งคนแรกของชุดที่ 2 นี้ก็คือ ซู FEVER สาวนักบาสลุคสุดแมนของเรานี่เอง

 

     ในระหว่างที่คาเมร่าแมนอย่างพี่อาร์ท ซาโตชิกำลังเซ็ตกล้องอีกรอบเพื่อให้เหมาะควรกับสถานที่สัมภาษณ์แห่งใหม่ และผมเองก็กำลังง่วนอยู่กับการเซ็ตไมค์ใหม่อีกรอบ ระหว่างนั้นก็พลางนึกย้อนไปถึงตัวตนของซูในหัวเวลาที่ได้เห็นตามอีเวนต์ต่างๆ ของวง นับรวมถึงในคลิปต่างๆ ที่นางเคยออก ก็พบว่าซูเป็นคนที่เท่จัดๆ แถมมีภาพลักษณ์แมนสุดๆ ซึ่งไม่ว่าน้องจะตั้งใจให้เป็นแบบนั้นหรือไม่ หากอยากจะไขความจริงให้กระจ่าง เราก็ต้องลองมานั่งคุยกับน้องกันครับ

 

     ผมหันมองซูที่ดูจะพร้อมแล้ว ก่อนจะเปิดปากเอ่ยคำถามเพื่อเริ่มยกที่ 2 กับการสัมภาษณ์เมมเบอร์ของ FEVER

 

ไม่แมนเท่าใคร 

 

     คิดว่าเราเป็นคนที่คาแรคเตอร์แมนสุดในวงรึเปล่า? ด้วยความที่เป็นคนซึ่งมีอินฟอร์เมชั่นเกี่ยวกับซุไม่มากนัก ทำให้ผมเลือกที่จะถามเกี่ยวกับอิมเพรสชั่นแรกที่มีต่อตัวน้องออกไป พลางนึกต่อว่าคำตอบของซูน่าจะช่วยปลดล็อคอะไรหลายๆ อย่างในหัวผมได้

 

     “หนูว่าปายก็แมนนะ (ขำ) ใบบัวก็แมนถ้าเขาแต่งตัวแบบเท่ๆ แต่ก็อาจจะเพราะการแต่งตัวนี่แหละค่ะทำให้หนูดูแมนแบบโดดเด่นออกมา แต่ก็ยังอยากบอกว่าปายกับใบบัวดูแมนกว่าอยู่ดี”

 

     จากคำตอบข้างต้นซูไม่ได้ปฎิเสธในสิ่งที่เราสงสัยแต่แค่นำเสนอออกมาจากมุมมองของเธอว่าอีก 2 คนดูจะเข้าเค้ากว่า ดังนั้นแล้วเราจึงถามต่อว่า ด้วยภาพลักษณ์แมนๆ แบบนี้ตัวของซูเองเคยคิดไหมว่ามันอาจจะเป็นอุปสรรคกับความเป็นไอดอลหรือไม่?

 

     “ไม่ค่ะ เพราะหนูคิดว่าวงเราค่อนข้างให้อิสระ แบบว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่น สามารถเป็นตัวเองได้ 100 เปอร์เซ็นต์เลยอะไรอย่างงี้” แม้ตอนพูด 100 เปอร์เซ็นต์เธอจะไม่ได้ทำเสียงแบบแบบลุงไนท์ แต่เราสัมผัสได้ถึงความเด็ดขาดในคำตอบ และย้ำเตือนกับเราถึงความหนักแน่นในสิ่งที่สื่อออกมา

 

 

     ภาพจำถัดมาที่เราจำได้เกี่ยวกับซูก็คือตัวเธอเองกับลูกบาสซึ่งดูเหมือนว่าเมื่อก่อนจะเป็นไอเทมที่เธอขาดไม่ได้เลยในชีวิตประจำวัน หากทว่าในปัจจุบันนั้น “ไม่ได้จับมาปีกว่าๆ แล้ว ตั้งแต่มาเข้าวงค่ะ” ซูตอบด้วยอาการยิ้มแห้งนิดๆ พลางอธิบายต่อ “คือแบบว่าการซ้อมวงมันจะเป็นช่วงเย็นๆ แล้วกว่าคนเขาจะมาเล่นบาสฯ กันก็ตอนแบบเลิกงาน เลิกเรียน เป็นช่วงเย็นๆ เหมือนกัน ก็จะแบบเสียดายอยู่ค่ะที่ไม่ได้เล่น แต่ก็ยังชอบอยู่นะคะ”

 

     ในเมื่อความชอบบาสเก็ตบอลยังมีอยู่ นักกีฬาที่ชอบก็ต้องมีเช่นกัน สำหรับซูแล้วไอดอลทางด้านการกีฬาของเธอก็คือ Ricky Rubio พอยต์การ์ดของ Utah Jazz ทีมดังจาก NBA โดยจุดที่ทำให้เธอชอบ Ricky ทั้งๆ ที่อาจจะไม่ใช่ผู้เล่นระดับสตาร์ก็คือความใจสู้นั่นเอง

 

     “เขาเคยหายไปช่วงหนึ่งเพราะอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ชอบความเป็นนักสู้ค่ะ คือถ้านับจากใน NBA เขาค่อนข้างจะเป็นคนตัวเล็กนะ แต่สำหรับหนูเขาเก่งมาก ก็เลยชอบค่ะ”

 

     ซูตอบโดยที่มีความปลื้มฉายผ่านแววตาเล็กน้อย เรารู้สึกได้ว่าน้องยังชอบและอยากเล่นบาสอยู่จริงๆ เพียงแต่ในบางสถานการณ์ชีวิตก็จำเป็นต้องเลือก และแม้จะเสียดายโอกาสเล่นบาสขนาดไหน แต่ซูเองก็ดูจะมุ่งมั่นกับทางนี้ที่เธอเลือกแล้วไม่ต่างกัน

 

 

เรียนจีน

 

     แต่ก่อนจะก้าวไปสู่ประเด็นของไอดอล เรายังทราบมาอีกว่าซูนั้นมีความสามารถในการใช้ภาษาจีนอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเธอจะถล่มตัวอยู่แทบทุกครั้งว่าไม่ได้เก่งอะไรนัก “ก็พอสื่อสารได้ค่ะ ในระดับเป็นการเป็นงาน” ซึ่งเราเองขอไม่เห็นด้วยกับเธอในเรื่องนี้ และพอสวนกลับไปว่านี่ไม่น่าเรียกว่าเล็กน้อยนะ เจ้าตัวก็กระแอมขำนิดๆ แต่ก็ไม่ได้กลับมาเยินยอตัวเองแต่อย่างใด

 

     เราถามต่อไปอีกหน่อยว่าภาษาจีนสำคัญขนาดไหนในความคิดของซู พอได้ยินคำถามซูก็ปั้นหน้าเป็นการเป็นงานและตอบกลับมาอย่างจริงจัง “สำคัญมากๆ ค่ะ คือตอนนี้หนูเริ่มกลับไปทบทวนกลับไปเรียนใหม่แล้ว แบบเรียนด้วยตัวเอง ท่องศัพท์เยอะๆ เพราะไม่ว่าจะทั้งภาคธุรกิจหรือว่าจะวงการทัวร์อะไรแบบนี้ ก็มีคนจีนเข้ามาเยอะมาก อย่างไปเดินห้างก็เจอแต่คนจีนก็มีค่ะ”

 

     งานนี้เรียกได้ว่าน่าจะเกินเบอร์งานอดิเรกไปเยอะ เพราะดูซูน่าจะจริงจังกับการเรียนภาษาจีนมากจริงๆ ยิ่งผนวกกับพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ก่อนชนิดว่าไม่น้อยแล้ว เราเองก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หากซูจะไปได้ไกลในด้านนี้ครับ

 

 

ไอดอลที่อยากจะชัดเจนในตัวเองมากขึ้น

 

     จากที่พูดคุยกันมาสักพักดูซูเป็นคนที่มี Interest ที่น่าสนใจไม่เบา ทั้งบาสเก็ตบอล, ภาษาจีน หรือแม้กระทั่งไอดอล ซึ่งหากเรามองว่าบาสเก็ตบอลคือสิ่งที่สะท้อนความเป็นนักสู้, การเรียนจีนสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ ไอดอลก็น่าจะสะท้อนไปถึงความฝันหรือความเป็นเด็กสาวของซูนั่นเอง และ มาอยู่ฟีเวอร์ได้อย่างไร? คือคำถามเปิดประเด็นจากเรา

 

     “เอ่อ… ก็ออดิชั่น คือเห็นเขารับสมัครใน Facebook อ่ะค่ะ มันเด้งขึ้นมาเราก็รู้สึกว่าน่าสนใจ เลยลองส่งวิดิโอแนะนำตัวไป แล้วก็ติดค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ติด ที่สนใจเพราะว่าตอนเด็กๆ ชอบร้องชอบเต้น ชอบทำกิจกรรม การเป็นไอดอลก็เป็นอีกหนึ่งฝันที่เคยคิดถึงแต่ไม่เคยลองทำให้สุดๆ เลยขอใช้โอกาสนี้มาลองทำมันดีกว่าค่ะ”

 

     ในชณะเดียวกันซูก็ยืนยันว่าตั้งแต่อยู่ในวงมาสิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือเหล่าแฟนๆ 

 

     “ก่อนอื่นก็เลยก็อยากขอบคุณแฟนคลับ แล้วก็ขอบคุณทีมงาน ประทับใจหลายด้านมากๆ ส่วนที่ประทับใจที่สุดน่าจะวันเดบิวต์ค่ะ แบบขอบคุณทุกๆ คนมากๆ เลยค่ะ มันตื้นตัน ไม่คิดว่าเขาจะมารอดูเราเยอะขนาดนี้”

 

     เราสามารถยืนยันถึงความจริงใจในสิ่งที่ซูพูดออกมาได้ เพราะแม้ในความย้อนแสงนิดๆ ก็ยังสังเกตได้ถึงดวงตาที่รื้นน้ำขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเราถามถึงจุดเด่นตัวเองในความคิดของเธอเอง ตัวซูกลับบอกว่าไม่มีและยังมีเรื่องต้องพัฒนาอีกมาก

 

     “หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีจุดเด่นค่ะ สำหรับตัวหนูเองนะ เราไม่รู้ว่าคนภายนอกจะมองยังไง แต่ในมุมมองของตัวเองหนูรู้สึกว่าธรรมดามาก แต่ก็ เอ๊ะ!? หรือหนูจะเป็นคนลุยๆ รึเปล่า? ทำอะไรสบายๆ ไปไหนไปกัน ส่วนที่อยากพัฒนาตัวเอง จะเป็นด้านการพูด แล้วก็ภาพลักษณ์อีกนิดหนึ่ง คืออยากให้มันชัดเจนมากขึ้น แฟนบางคนก็มีบอกมาบ้างว่าอยากให้แต่งตัวมากขึ้น ก็จะพยายามในแบบที่ยังเป็นตัวหนูเองอยู่ค่ะ”

 

     ทั้งๆ ที่เป็นคนซึ่งตอบคำถามอย่างมั่นใจมาตลอด แต่กับคำถามที่เกี่ยวกับจุดเด่นตัวเอง ซูกลับฉายแววแห่งความลังเลออกมา เพราะว่าดูเหมือนปัญหาดังกล่าวจะรบกวนใจอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรเสียคำตอบจากปากเธอก็ยังหนักแน่นเหมือนเคย ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าในอนาคตซูจะแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน

 

 

คนแมนแสนอายสายซัพ

 

     ซูมีความฝันว่าอยากจะเห็นวงตัวเองได้มีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวก็เข้าใจดีว่ามันอีกแสนไกลเหลือเกิน กระนั้นก็อยากจะไปให้ถึงในสักวัน แต่กับความฝันส่วนตัว ซูขอตั้งเป้าเรียบง่ายไว้ก่อนพลางสำทับถึงเรื่องความมั่นใจตัวเองก่อนหน้า

 

     “อยากเป็นคนที่มั่นใจตัวเองมากกว่านี้ ตอนนี้หนูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แบบจะค่อนข้างเขินง่าย ชอบอาย ไม่ค่อยสู้หน้าใคร หนูอาจจะยังไม่ค่อยชินกับเพศตรงข้ามด้วย แต่ว่าตอนเด็กๆ หนูเล่นกับเพื่อนผู้ชายนะ พอโตมาค่อยๆ ห่างกันก็เลยกลายเป็นเขินๆ ไป สรุปคืออยากพัฒนาตัวเองตรงนี้ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้นในการพูดคุยค่ะ”

 

     อันที่จริงเราวางแผนว่าจะจบบทสัมภาษณ์ของซูไว้ตรงจุดนี้ อีกทั้งคำตอบของคำถามเกี่ยวกับความฝันซึ่งมีบทสรุปอยู่ที่การอยากจะพัฒนาตัวเองของซูก็เป็นอะไรที่งดงามไม่หยอก เพียงแต่การสัมภาษณ์เมมเบอร์คนก่อนหน้าซูนั้นก่อให้เกิดประเด็นใหม่สดๆ ร้อนๆ ซึ่งเราไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ

 

 

     เราจัดการถามซูถึงเรื่องดังกล่าว ‘มีเพื่อนเม้าต์บอกว่าซูเล่นเกมเก่งมากคอยช่วยคุมหลังให้ตลอด’ ซูออกอาการขำแรงก่อนตอบ คำถามแบบถล่มตัวตามสไตล์

 

     “หนูไม่เก่งขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าอยากเป็นคนซัพพอร์ตเฉยๆ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เล่นเกมแล้ว เน้นไปทางฟังเพลงแทน แบบว่าอยู่กับตัวเอง จริงๆ แล้วมันจะเป็นช่วงๆ มากกว่า คือบางช่วงก็จะติดฟังเพลงมาก บางช่วงก็ติดอ่านหนังสือ บางช่วงก็ติดเล่นเกมอะไรแบบนี้ มาเป็นฤดูกาลเป็นซีซั่นค่ะ”

 

     และเมื่อถามว่า ‘แบกปายเหนื่อยไหม?’ 

 

     “ไม่ค่ะ คือส่วนใหญ่ปายจะชอบลุยเดี่ยวแล้วเราค่อยตามไปทีหลัง บางทีก็ตายไปเลยไม่ค่อยกลับมาหาทีมเท่าไหร่ แต่เราก็อยากให้เขาทำตามใจ อยากไปไหนหรือไปยิงใครก็ไปเหอะ เดี๋ยวเราค่อยตามไปเก็บงานอะไรงี้”

 

     ไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากสมเป็นพิซูคนแบกทีมจิงๆ ทั้งนี้หากตัดเรื่องเกมออกไปก็จะเห็นได้ว่าซูดูจะเป็นคนที่มีสติและใจเย็น หัวร้อนยาก เป็นที่พึ่งให้ทีมเมทได้อย่างดี ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมซูถึงได้เท่ขนาดนี้ บางทีคาแรคเตอร์สาวเท่อาจไม่ต้องพยายามทำอะไรก็ออกมาเองจากภายใน

 

     แต่เท่แล้วใช่ว่าต้องแข็งกระด้าง เพราะจากที่พูดคุยกันวันนี้ก็อยากบอกว่าจริงๆ แล้วภายในซู เป็นเด็กสาวที่เปี่ยมความละมุนไม่แพ้สตรีรายใดเช่นกัน ลองทำความรู้จักเพิ่มเติมอีกสักนิด คุณอาจจะติดกับเสน่ห์ของ ซู FEVER คนนี้ก็เป็นได้

 

 


 

ติดตามซูได้ที่: SU FEVER
ติดตามวง FEVER ได้ที่: FEVER
ผู้ให้สัมภาษณ์: ซู
ผู้สัมภาษณ์: ท่านหลอด
ภาพนิ่ง,วิดิโอ: ท่านหลอด, ซาโตชิ
ทั่วไป: ติดตี๊ Mugen
เอื้อเฟื้อสถานที่: The Street Ratchada

 


 

บทสัมภาษณ์เพิ่มเติมเมมเบอร์ FEVER: ใบบัว, ซี, ปาย
 

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้