รีวิวหนัง ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต - แตะทุกขีดสุดความเป็นอนิเมะมูฟวี่

แชร์เรื่องนี้:
รีวิวหนัง ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต - แตะทุกขีดสุดความเป็นอนิเมะมูฟวี่

ผมมักจะรู้สึกว่า ดาบพิฆาตอสูร เป็นมังงะที่เปี่ยมวาสนามากๆ คือคุณเป็นมังงะเรื่องหนึ่งบนหัวอย่างโขเน็งจั๊มซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลายๆ เรื่องที่ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะก็จะมีงานในคุณภาพที่โอเคบ้างแย่บ้าง ไม่ได้สูงหรือดีเด่อะไร โอเคแหละว่าเรื่องที่มีคุณภาพ หรือเรื่องที่หากินได้ยาวๆ มันก็มี แต่น้อยมากที่จะมีอนิเมะระดับกลายเป็นปรากฎการณ์ ได้ทำจนจบเรื่องไม่พอ ยังมีงานคุณภาพสูง มีมูฟวี่ตามมา ขนาดบทที่ดูธรรมดาๆ ก็ยังมีอนิเมะซีซั่นที่จบด้วยความพีคได้ ก่อนจะตบท้ายด้วยการเป็นภาพยนตร์ไตรภาคที่ภาคแรกก็ล่อความยาวไปเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงครึ่ง ทีมสร้างก็มีทั้งงบทั้งเวลาแทบจะหยุดทุกโปรเจ็กต์เพื่อทุ่มสรรพกำลังในการรังสรรค์อนิเมะมูฟวี่เรื่องเดียว แถมยังมีเข้าฉายบนระบบพิเศษอย่าง IMAX อีกต่างหาก

ไม่ใช่ทุกเรื่องจะมาไกลขนาดนี้ และอันที่จริงมันแทบจะยืนหนึ่งเป็นเรื่องเดียวเลยด้วยซ้ำไป

ระหว่างที่รับชมนาฎกรรมชำเราเหล่าอสูรที่ทุกซีนบนจอ IMAX คืออาหารตาชั้นเลิศระดับไม่อาจหาได้ง่ายๆ ในทุกเมื่อเชื่อวัน ภายในหัวก็รันรื่นไปด้วยความตื้นตันแทนเจ้าของผลงาน เพราะผมเองก็มีนิยายที่เขียน มีเรื่องราวในโลกของตัวเองที่อยากจะกลั่นเกลามันออกมาให้ดี ในฐานะของผู้ที่พยายามสร้างเรื่องราวในแบบฉบับของตัวเอง การได้เห็นผลงานสุดรักโลดแล่นมีชีวิตด้วยงานดัดแปลงระดับนี้ ผมบอกจริงๆ ว่าชีวิตคงจะฟูลฟิลไปอีกสามชาติเจ็ดชาติ สามารถคอมพลีตแบบไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกเลยเสียด้วยซ้ำไป เพราะ ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต คืองานที่แทบจะแตะทุกขีดสุดของความเป็นอนิเมะมูฟวี่ มันงดงาม บ้าคลั่ง เร้าใจ ทะเยอทะยาน แม้อาจจะสะดุดเรื่องจังหวะเล่าเรื่องที่ยังไม่ลงตัวอยู่บ้าง แต่คุณอาจจะไม่เจองานอนิเมะแอคชั่นมหาคุณภาพระดับนี้อีกแล้วจนกว่าภาคที่ 2 ของมันจะเข้าฉาย

ดาบพิฆาตอสูร

ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต จะดำเนินเรื่องต่อจากอนิเมะซีรีส์ภาคการฝึกฝนของเสาหลัก เมื่อเหล่านักล่าอสูรรุกเข้าสู่เขตแดนของปราสาทไร้ขอบเขตเพื่อเผด็จศึก "คิบุซึจิ มุซัน" ที่ยังคงเจ็บหนักและใช้พลังไม่เต็มที่ สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่คือความลำเค็ญระดับใดกันแน่ แล้วความมุ่งมั่นตั้งใจจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดไหน โปรดติดตามกันเอาเองในโรงภาพยนตร์ครับ

ดาบพิฆาตอสูร

อย่างที่บอกไปในช่วงต้นว่าพื้นฐานของ ดาบพิฆาตอสูร นั้นมันคือมังงะโชเน็งรายสัปดาห์แบบพวกวันพีชหรือนารุโตะ ดังนั้นแล้วเมื่อเป็นการเล่าเรื่องตอนต่อ ผู้ชมก็อาจจะต้องไปไล่ดูอนิเมะซีรีส์ก่อนหน้ากันมาสักหน่อย ถ้าเข้าโรงแบบหัวโล่งมาเลยแม้อาจพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพราะมันไม่ได้เข้าใจยากอะไร แต่ความอินจะไม่เท่าแน่นอน นอกจากนี้การหยิบเอาเนื้อเรื่องช่วงองค์สุดท้ายมาทำมันก็ไม่ได้มีอะไรไปกว่าการจับคู่สู้ของแต่ละตัวละคร เพื่อฝ่าฟันไปให้ถึงบอสใหญ่ ดังนั้นแล้วในแง่ความหวือหวาของเนื้อเรื่องก็อาจจะไม่ควรคาดหวังกันมากนัก เพียงแต่การทำให้ฉากทั่วๆ ไปดูมีอะไรขึ้นมาก็ถือเป็นงานถนัดของสตูดิโอผู้สร้างอย่าง UFOTABLE อยู่แล้ว

ดาบพิฆาตอสูร

เพราะดูเหมือนพวกเขาจะใช้ทุกศาสตร์ของการเล่าเรื่องมาช่วยร้อยเรียงให้ฉากธรรมดาๆ กลายเป็นพิเศษขึ้นมา พร้อมยกระดับให้ฉากที่พิเศษอยู่แล้ว กลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจหาจากไหนได้อีก งานภาพสุดคลั่งถือเป็นยี่ห้อของทีมนี้ที่อาจจะยากเกินเดินรอยตามเป็นทุนเดิม แต่การเคลื่อนมุมกล้องในปราสาทไร้ขอบเขตก็น่าตื่นตาไม่แพ้กัน ช่วยให้เห็นภาพของความโอ่อ่าชวนลำเค็ญของเหล่านักล่าอสูรเป็นอย่างดี เสริมด้วยการใช้ซาวด์ประกอบในจังหวะที่เป๊ะมากๆ ก็ช่วยรีดเร้นให้หลายๆ ซีนทรงพลังเกินเบอร์อย่างน่าเหลือเชื่อ นั่งๆ ดูอยู่ก็ขนลุกบ่อยมากๆ

ดาบพิฆาตอสูร

ตัวหนังยังมีการเล่าเรื่องเสริมเข้าไปเพื่อความสมบูรณ์ในแง่ของเนื้อเรื่องที่มากกว่าในมังงะ หลายๆ เรื่องดึงอารมณ์เพิ่มจากคนดูได้ดีมากๆ และมันช่วยให้แต่ละตัวละครมีน้ำหนักขึ้นจริงๆ เพียงแต่การจับใส่หรือนำไปใช้มันดูผิดที่ผิดทางไปหน่อย เข้าใจว่าพยายามเล่าแบบมังงะรายสัปดาห์เพื่อให้คล้ายคลึงกับต้นฉบับมากที่สุดพร้อมกับเติมน้ำเติมเนื้อเข้าไปด้วย ทว่าพอมันมาอยู่บนฟอร์แมตภาพยนตร์กลับกลายเป็นไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ หลายครั้งเข้าก็อาจทำให้หลายๆ คนเริ่มรำคาญเพราะต้องพยายามสวิงอารมณ์ตาม ถ้าให้เห็นภาพก็ลองนึกถึงธรรมชาติของมังงะรายสัปดาห์ที่ปิดตอนด้วยไคลแมกซ์ แต่เปิดตอนถัดมาดันกลายเป็นฉากย้อนอดีตอะไรตัวละครแบบนี้ มันไม่กระชับทางอารมณ์แถมยังหักศอกไปอีกทางอย่างกับขับรถบนทางคดเข้าแม่ฮ่องสอน เป็นจุดติจุดเดียวของมูฟวี่ภาคนี้จริงๆ

ดาบพิฆาตอสูร

แต่จุดติงข้างต้นก็คงไม่ใช่อะไรที่จะฉุดรั้งให้ผมห้ามคุณๆ จองตั๋วมาดู ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต ไปได้ ในทางกลับกันมันแทบเป็นไฟต์บังคับให้คุณมาดูในโรงภาพยนตร์เสียด้วยซ้ำไป เพราะนี่คือ Cinematic Experience เป็นประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ที่สตรีมมิ่งเจ้าไหนก็ให้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับสุดยอดระบบอย่าง IMAX ที่ครบครันทั้งจอใหญ่สะใจ ภาพสุดคมชัด และที่สำคัญคือระบบเสียงสะเด่าหูขั้นสุด คือถ้ามีโอกาสยังไงก็แนะนำ IMAX จริงๆ แล้วคุณจะได้เห็นว่าปราสาทนี้มันไร้ขอบเขตยังไงแบบเต็มๆ ตา

ดาบพิฆาตอสูร

โดยสรุปแล้วแม้อาจมีแผลที่ชัดอยู่บ้าง แต่ ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต คืออนิเมะมูฟวี่ระดับปรากฎการณ์ที่ผลักดันตัวเองให้ทะลุแทบทุกขีดจำกัดของงานอนิเมะมูฟวี่ มันมีทั้งงานคราฟต์มือสุดคลั่ง ฉากต่อสู้สุดอลังการและเร้าใจ มุมกล้องที่ยอดเยี่ยมราวกับเราได้เป็นอีกาบินท่องไปในปราสาทเสียเอง นี่คือจุดสูงสุดในแง่ของคุณภาพที่ไม่ใช่ใครก็มาถึงได้ มันมีทุกสิ่งที่คุณอยากเห็น และให้เกินกว่าที่คุณอยากได้ คำว่า "สุดยอดอนิเมะ" ไม่อาจเกินจริง และจากนี้ไปบาร์ใหม่ของงานอนิเมะระดับพระกาฬได้ถูกเซ็ตขึ้นเรียบร้อยแล้ว

VERDICT
9/10

ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม

ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ 


ติดตามดูอนิเมะถูกลิขสิทธิ์ ได้ที่ Online Station แหล่งรวมอนิเมะที่คุณไม่ควรพลาด

ดาบพิฆาตอสูร

Demon Slayer

Original Title:
鬼滅の刃/Kimetsu no Yaiba
Thai Title:
ดาบพิฆาตอสูร
First Released:
6 เม.ย. 19
Season:
Spring 2019
แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ