“JAM” ผนึกกำลังพันธมิตร เสริมทัพจัด “JAMNIME FESTIVAL 2022” งานเทศกาลภาพยนตร์อนิเมะ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

JAMNIME FESTIVAL 2022

“JAM” ผนึกกำลังพันธมิตร เสริมทัพจัด “JAMNIME FESTIVAL 2022” งานเทศกาลภาพยนตร์อนิเมะ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เจแปน อนิเมะ มูฟวี่ ไทยแลนด์ หรือ “แจม” (JAM) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด ร่วมกับ พันธมิตรค่ายหนังนำเข้าภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นชื่อดังของประเทศไทย ได้แก่ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด และบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เตรียมจัดงาน “JAMNIME FESTIVAL 2022” งานเทศกาลภาพยนตร์อนิเมะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พร้อมกันในวันที่ 29 ม.ค. – 2 ก.พ. 65 นี้

สำหรับงาน “JAMNIME FESTIVAL 2022” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากการจัดงานครั้งแรกในปี 2020 โดยในปีนี้ได้รวบรวมสุดยอดภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นชื่อดังที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ชื่นชอบจากคอหนังอนิเมะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และยังไม่เคยเข้าฉายในประเทศไทยมาก่อน ทั้ง 7 เรื่อง ได้แก่ Pompo: The Cinéphile, Sing a bit of harmony, Summer ghost, Mashin Eiyuden Wataru Shichi Tamashii No Ryujinmaru, Eureka seven hi evolution3, Misaki no mayoiga, Fortune Favors Lady Nikuko

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีภาพยนตร์ที่เคยเข้าฉายแล้วได้รับการตอบรับที่ดี สร้างความประทับใจและเกิดกระแสอยากชมอีกเข้าฉายอีก 2 เรื่อง ได้แก่ Josee, the tiger and the fish และ Violet Evergarden the movie โดยภาพยนตร์ทั้ง 9 เรื่องนี้ จะเข้าฉายระหว่างวันที่ 29 ม.ค. – 2 ก.พ. 65 นี้ ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์, หาดใหญ่ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่, ศรีราชา ซีนีเพล็กซ์, โคราช ซีนีเพล็กซ์ และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ จำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ทุกที่นั่งราคา 250 บาท พิเศษ! ทุกที่นั่ง จะได้รับ Pamphlet 1 เล่ม เป็นหนังสือที่รวบรวมเนื้อหาพิเศษจากภาพยนตร์ พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรชมภาพยนต์ ในวันที่ 25 ม.ค. 65 เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง Box Office หรือตู้ E-Ticket ทั้ง 5 สาขาที่ร่วมรายการ หรือผ่านเว็บไซต์ www.majorcineplex.com แล้วนำบัตรชมภาพยนตร์มาแลกรับของพรีเมียมที่สาขาที่เลือกชมภาพยนตร์นั้นๆ

พบกับกิจกรรมพิเศษเฉพาะวันที่ 29 – 30 ม.ค. 65 กับการเสวนาพูดคุยกับสุดยอดกูรูผู้เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการอนิเมชั่นจากหลากหลายค่ายภาพยนตร์ชั้นนำ, ช้อปสินค้าของพรีเมียมลิขสิทธิ์แท้ญี่ปุ่น จากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย และสนุกสุดมันส์ไปกับมินิคอนเสิร์ตจากวงดนตรีสายอนิเมะชื่อดัง “Scarlette Band” ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ ลานอินฟินิซิตี้ ฮอลล์ ชั้น 5 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

นางสาวพิชชาภา ณรงค์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด ผู้ก่อตั้ง เจแปน อนิเมะ มูฟวี่ ไทยแลนด์ หรือ “JAM” (แจม) กล่าวว่า “JAM” เกิดขึ้นจากการที่เราได้มีโอกาสทำโปรเจคร่วมกับพันธมิตรค่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ และอีกหลายพาทเนอร์มีชื่อเสียงในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค. ปี 60 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ถือได้ว่าเราคือเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาดูแลและบริหารงานการตลาดแบบครบวงจรให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่น ตั้งแต่การคิดคอนเซ็ปต์ คอนเทนต์ การโปรโมทภาพยนตร์ผ่านช่องทางและแพลตฟอร์มต่างๆของบริษัท การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการทำโปรโมชั่น ตลอดจนเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ โดยหลักการทำการตลาดของ “JAM” มุ่งเน้นสร้างกลุ่มเป้าหมายไปที่เป็นคนรักภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นในไทย ให้มีช่องทางสื่อสารชัดเจน สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสอบถามรายละเอียดต่างๆ ของภาพยนตร์ได้โดยทีมงานมืออาชีพ มีความรู้และความเข้าใจในด้านภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่น รวมทั้งมีประสบการณ์ในการทำงานด้านลิขสิทธิ์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นเองโดยตรง

พิชชาภา ยังกล่าวต่ออีกว่า “การสร้างตลาดของภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นให้เติบโตนั้น เราไม่ได้มองว่าแค่นำภาพยนตร์เข้ามาฉายแล้วจบไป แต่ต้องวางแผน คิดวิธีการ และทำให้สอดคล้องกับการทำตลาดของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น นั้นหมายความว่า ที่ญี่ปุ่นมีอะไร แบบไหน แล้วทางเราจะสามารถทำได้หรือไม่? เราต้องพยายามศึกษาและขออนุญาตไปทางต้นสังกัดว่า “เราขอทำแบบนี้ได้หรือไม่?” ทุกอย่างต้องมีการเจรจา พูดคุย ซึ่งหากทำได้ นั่นก็หมายความว่า ลูกค้าของเราก็จะได้รับความสนุกและความสุขกลับไปแบบเดียวกับที่คนญี่ปุ่นได้รับเช่นกัน ซึ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีกลุ่มแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา “JAM” ได้มุ่งเน้นการทำตลาดภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่น ให้ได้รับการยอมรับจากลุ่มคนทั่วไปมากขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างตลาดอนิเมะให้เติบโตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จำนวนภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นในประเทศไทยมีการเติบโตมากกว่า 50% จากปีแรก ซึ่งในช่วงฝ่าวิกฤตโควิด19 และการรับชมภาพยนตร์แบบผิดลิขสิทธิ์ ทางบริษัทฯได้พยายามรักษาจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายในประเทศให้ไม่น้อยไปกว่าแผนเดิม และคาดหวังให้ตลาดเติบโตขึ้นอีก 20% ในปีนี้ โดยที่ผ่านมาเราได้ทำการตลาดให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 40 เรื่อง และเรื่องที่ถือได้ว่าเป็นผลงานการทำการตลาดได้อย่างโดดเด่นและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้แก่ เรื่อง “One Piece Stampede” วันพีซ เดอะมูฟวี่ สแตมปีด และ “Demon Slayer” ดาบพิฆาตอสูร ภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก และสามารถกวาดรายได้ทั่วประเทศไทยทะลุ 100 ล้านบาทไปเมื่อปี 63 และล่าสุดกับ เรื่อง “My Hero Academia the movie3” รวมพลฮีโร่กู้วิกฤตโลก ที่เข้าฉายอยู่ในปัจจุบันและยังคงทำกระแสได้ดีอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้” พิชชาภา กล่าว

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารจาก “JAM” เจแปน อนิเมะ มูฟวี่ ไทยแลนด์ ได้ทาง Facebook Fanpage: Japan Anime Movie Thailand หรือเว็บไซต์ http://shop.fivestaragency.co.th/

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้