นอกจากความศิวิไลซ์ทั้งด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องดีๆ เวลาเราได้ไปเยี่ยมเยียนแดนปลาดิบก็คือคุณภาพชีวิตของผู้คนครับ อย่างใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาบ้างอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่เขาพูดกันว่า ถ้าเราเผลอทำกระเป๋าตังค์หายในญี่ปุ่น ยังไงเดี๋ยวเราก็ได้คืน เพราะคนญี่ปุ่นไม่คิดจะหยิบฉวยของคนอื่นเด็ดขาด ประเด็นที่เราจะพูดถึงนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เพื่อนๆ ได้ครับ
เรื่องราวประทับใจดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ณ พิพิธภัณฑ์ชิโด จังหวัดยามากาตะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่จัดแสดงบ้านของเหล่าซามูไร และสิ่งปลูกสร้างสไตล์ตะวันตกที่อยู่ในสมัยเมจิ โดยในพิพิธภัณฑ์ชิโดนี้ก็มีมุม Lost & Found หรือที่เรานิยมเรียกกันว่ามุมติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องของหายนั่นเอง แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ของชิ้นหนึ่งที่มีผู้ทำตกแล้วทางพิพิธภัณฑ์เก็บได้ก็คือตุ๊กตาโดนัลด์ เป็ดน้อยที่เป็นตัวการ์ตูนจากดิสนีย์ ซึ่งมีคนทำหล่นไว้ในพิพิธภัณฑ์นานถึง 30 ปีมาแล้ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์รายหนึ่งได้นำเรื่องราวนี้เผยแพร่ลงทวิตเตอร์ พร้อมกับเล่าว่าตนเองเคยทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ตอนที่ทีมเจ้าหน้าที่พบตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าเขาก็ได้ลาออกจากงานที่พิพิธภัณฑ์ไปในอีก 10 ปีให้หลัง แต่ก็กลับเข้ามาทำงานในพิพิธภัณฑ์ตามเดิมใน 5 ปีถัดมา และก็พบว่าตุ๊กตาโดนัลด์ก็ยังอยู่ดีในพิพิธภัณฑ์และเจ้าของก็ยังไม่มารับตุ๊กตาคืนไปสักที กระทั่งเวลาผ่านไปครบ 30 ปี ตุีกตาก็อยู่ในสภาพฝุ่นเขรอะ ทางเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จึงตัดสินใจนำตุ๊กตาโดนัลด์ไปซักทำความสะอาด พร้อมกับเย็บซ่อมแซมให้ดูเหมือนใหม่ด้วย
จากนั้นชาวเน็ตก็เข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมากมาย ตามตัวอย่างด้านล่างครับ
"แหม มีอาบน้ำให้มันด้วย น่ารักจังเลย"
"เรื่องนี้ดูแล้วอบอุ่นใจจัง ขนาดมันไม่ใช่ตุ๊กตาของเราเองยังรู้สึกดีขนาดนี้เลย อยากจะขอบคุณทางเจ้าหน้าที่จริงๆ ที่ดูแลมัน"
"โดนัลด์ดูมีความสุขดีนะ"
"ฉันอยากจะซื้อตุ๊กตาเดซี่ (แฟนของโดนัลด์) มาวางไว้ข้างๆ มันจัง จะได้ไม่เหงา"
นี่แหละครับ แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมานานถึง 30 ปีแล้ว และมีแนวโน้มว่าเจ้าของตุ๊กตาตัวนี้อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าลืมมันไว้ที่พิพิธภัณฑ์ชิโดรึเปล่า แต่ก็ถือเป็นเหตุการณ์ดีๆ ที่สะท้อนถึงจิตสำนึกของคนญี่ปุ่นครับ ที่ต่อให้เจ้าของยังไม่มารับคืน เจ้าหน้าที่ก็ไม่คิดจะนำมันไปทิ้งหรือเอาไปให้ใครแทน เห็นแบบนี้แล้วยิ่งเพิ่มความน่าเที่ยวให้กับญี่ปุ่นขึ้นไปอีกเนอะ
เครดิต: Soranews24