ถ้าใครติดตามข่าววง BNK48 รวมถึง AehSyndrome มาบ้างในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่าตั้งแต่ที่เพลง ชู้กะชู้ ถูกปล่อยออกมาบนแอพพลิเคชั่น Joox เมื่อช่วงต้นเดือน ตัวเพลงก็โดนแฟนๆ กลุ่มหนึ่งตั้งข้อสงสัยในทำนองที่เกือบๆ จะดราม่าว่าเพลงนี้ไป "ลอก" เพลงดังทางฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Koi ของ Hoshino Gen มารึเปล่า? นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของเนื้อร้องที่เอาไอดอลสาวๆ ใสๆ มาเต้น แต่กลับฟังแล้วลามกอนาจารจนเกินไปหรือไม่ ซึ่งพอมีคนเปิดก็มักจะมีคนตามครับ แม้กระทั่ง MV ที่ปล่อยออกมาแล้วก็ยังไม่สามารถอุดรูแห่งความแคลงใจที่เกิดขึ้นของแฟนๆ บางกลุ่มได้ ดังนั้นก็เช่นเคยครับ เรามาสำรวจกันดีกว่าว่าดราม่าเพลงชู้กะชู้ และ AehSyndrome มีเรื่องอะไรที่ถูกตั้งข้อสังเกตบ้าง
แต่ก่อนจะไปสรุป เราขอแปะวิดีโอไลฟ์ของทางครูเอ๊ะและครูแมน ซึ่งน่าจะช่วยเคลียร์ชัดปัญหาในบางข้อได้ครับ แต่เราไม่ได้ขอให้เชื่อใคร จงใช้ใจเป็นกลาง ฟังหูไว้หูแล้วลองพิจารณาดูเองครับ
ลอกหรือไม่ลอก Koi?
ประเด็นใหญ่ที่ตัดสินใจให้ฟันธงชัดๆ ได้ยากที่สุดครับ เพราะถ้าแค่ให้บอกว่ามีส่วนคล้ายหรือไม่ เสียงผู้ฟังก็คงไปในทางเดียวกันอยู่ แต่ถ้าบอกว่า "ลอก" เนี่ย ก็จะกลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่รุนแรงกว่า และระดับความคิดของแต่ละคนไม่เท่ากัน คือมันมีส่วนที่สามารถบอกได้ว่าคล้ายจริงๆ แต่บางคนก็จะบอก "แค่คล้ายแหละ" ส่วนคนอีกกลุ่มก็จะพูด "นี่ไงเอามาทั้งดุ้นเลย"
อย่างไรก็ดีถ้าความคล้ายคลึงมันถูก Bold ในหลายๆ จุดมากขึ้น ความรู้สึกหลายๆ คนก็อาจจะโน้มเอียงไปในทางทีศทางประมาณว่า "เหมือน" กว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีธีมการแต่งตัวใน MV ดูคล้ายๆ กัน แถมพอ MV ปล่อยแล้วคนลองเอามาตัดเทียบกันดูโดยเอาเพลง Koi มาใส่ MV ชู้กะชู้ ก็ดันจบในจังหวะพร้อมๆ กันอีก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความสงสัยจะแผ่ไกลขึ้นเรื่อยๆ
กระนั้นในไลฟ์ด้านบนที่แปะไว้ ครูแมนในฐานะ Co-Producer ก็ได้อธิบายเรื่องดนตรีในเพลงไว้อย่างค่อนข้างชัดเจนว่าดัดแปลงมาจากเพลงโห่สามลาซึ่งคนไทยมักจะใช้ในงานบวช พร้อมกันนั้นก็เป่าขลุ่ยเป็นเพลงโห่สามลาให้ฟังสดๆ เลย ซึ่งก็กระจ่างอยู่ว่ามันคือจังหวะดนตรีของชู้กะชู้นั่นเองครับ นอกจากนี้แม้จะมีความคล้ายในด้านดนตรี แต่จังหวะการร้องก็ไปคนละทาง ทำให้หลายๆ คนเลือกจะสรุปว่าในกรณีนี้สามารถใช้คำว่า "แรงบันดาลใจ" ได้อยู่เหมือนกัน
เนื้อเพลงสองแง่สามง่ามเกินไป
ท่อนที่เป็นประเด็นขึ้นมาน่าจะช่วงแรกๆ ของเพลงที่หากฟังเอาแต่เวิร์ดดิ้งก็อาจจะตีความไปแบบนั้นได้จริงๆ ซึ่งก็มีคนที่ออกมาโจมตีแรงๆ อยู่ด้วย อาจจะเพราะว่าตัว MV นั้นนำแสดงโดยกลุ่มเด็กสาวที่ขายความสดใส แถมคนอายุน้อยที่สุดก็ยังเพิ่งแค่ 14 ก็ การใช้คำที่หมิ่นเหม่ชวนคิดลึกจึงดูไม่เหมาะสม
ขณะที่อีกฝ่ายก็แย้งกลับมาว่าาถ้าตีความเพลงจากการเล่าเรื่องของมันสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดราม่าเลย เพราะท่อนฮุคจบด้วยท่อน "ชู้ก็ชู้ในใจก็พอ" ซึ่งก็สามารถตีความได้ว่าทุกอย่างควบคุมได้แค่เอามันไว้ในใจ โดยที่ตัวครูเอ๊ะก็พูดเสริมประเด็นนี้ไว้ในไลฟ์ว่า อยากแต่งเพลงสนุกสนานแบบธรรมชาติๆ ของมนุษย์ ที่ไม่อาจห้ามความคิดได้ แต่ก็ห้ามคำพูดและการกระทำได้เพื่อไม่ให้เลยเถิดไปไกลนั่นเอง
เกาะลูกศิษย์ดัง?
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันชื่อเสียงของ BNK48 นั้นขจรขจายไปไกลมากๆ และน่าจะสามารถบอกได้ว่าไปไกลกว่ากว่าตัวครูเอ๊ะ และวงละอองฟองเอง การที่ครูเอ๊ะตัดสินใจฉายเดี่ยวและรีแบรนด์ตัวเองในฐานะ AehSyndrome พร้อมเชิญไอดอลกรุ๊ปที่ดังที่สุดในประเทศมาร่วมเล่น MV ตัวแรกในฐานะลูกศิษย์จึงสามารถถูกหลายๆ คนตั้งคำถามกลับได้ไม่ยาก
ในกรณีทั้งครูเอ๊ะและครูแมนก็อธิบายในไลฟ์ว่าเตรียมงานเพลงนี้มานานแล้ว และได้มีการพูดคุยกับน้องๆ BNK48 ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นครูและลูกศิษย์กันว่าถ้าหากมีงานเดี่ยวจะช่วยผลักดันด้วยการให้เล่น MV ของตน อันเนื่องมาจากวงละอองฟองเองก็มีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่แมสเท่าวงดังอื่นๆ แต่ ณ เวลานั้นก็มีพาวเวอร์มากกว่า BNK48 อย่างแน่นอน ซึ่งก็จะเป็นคำถามกลับไปว่าถ้าหาก BNK48 ยังไม่ดังเท่าในปัจจุบัน ถ้ายังคงเป็น BNK48 ในช่วงเริ่มโปรโมท Aitakatta แรกๆ ดราม่าเรื่องนี้มันจะบังเกิดขึ้นหรือไม่? เพราะในช่วงแรกคงมีน้อยคนจริงๆ ที่จะอาจหาญคิดว่า BNK48 จะกลายเป็นหมากสำคัญของโลกโฆษณาในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีดีนับตั้งแต่วันเดบิวต์
หรือพอโลกมันหมุนไวเกินไปก็กลายเป็นดูเหมือนลูกศิษย์ต้องกลับไปช่วยดันอาจารย์เสียอย่างนั้น...
จริงๆ ยังมีอีกประเด็นเรื่องการนำน้องๆ BNK48 ทั้งวงมาเต้นให้กับเพลงตัวเองนั้นเหมาะควรหรือไม่แล้วมีการจ้างงานน้องๆ อย่างถูกต้องรึเปล่า แต่ด้วยว่าเราไม่มีข้อมูลในส่วนนี้มากนัก จึงไม่ขอพูดถึง และคิดว่าหากการดีลทางธุรกิจครั้งนี้มันวิน-วิน หรือมีการยินยอมพร้อมใจใดๆ ก็ตามจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันก็คงจะดีแหละ... มั้ง? เพราะถ้านับแค่ตอนนี้ต้องบอกว่าได้ประโยชน์กันทุกๆ ฝ่ายน่ะนะ
แต่ถ้าถามผม... ผมว่าน้องเฌอปรางใน MV นี้คือของโคตรดีย์ อ่ะคับ อ่ะคับ แอร๊ย~~