ถ้าหากพูดถึงอนิเมชั่นแล้ว ใครหลายๆ คนเองก็คงไม่พลาดที่จะนึกถึง Studio Ghibli อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเติบโตมาพร้อมๆ กับอนิเมชั่นสุดโด่งดังอย่าง Spirited Away ที่สร้างเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกแล้ว ยังมีสุดยอดอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ ที่พร้อมจะทำให้ประทับใจไปกับมันอีกด้วย และก็เช่นกันในขณะที่ Studio Ghibli ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับเหล่าคนดูแล้ว ก็ยังสามารถสร้างความทรงจำสุดเศร้าจนเสียน้ำตาได้อย่างน่าทึ่ง เราไปดูกันดีกว่าว่า อนิเมชั่นชวนเสียน้ำตาจากสตูดิโอผู้โด่งดังนี้จะมีอะไรบ้าง
แม่มดน้อยกิกิ หรือ Majo no Takkyubin
กำกับโดย Hayao Miyazki ทุกๆ คนคงสงสัยว่า แม่มดน้อยกิกิเนี่ยนะจะทำให้ร้องไห้ แม้ว่าแม่มดน้อยกิกิจะเป็นอนิเมชั่นน่ารักสดใส แต่ช่วงเวลานึงของอนิเมชั่นก็ได้นำเสนอความจริงบางอย่างที่คนมักมองข้ามไป ช่วงเวลาที่กิกิกำลังสับสนเธอสูญเสียกระทั่งพลังและเพื่อนคนสำคัญไป หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของคุณยายที่อบพายเพื่อหลานสาวที่รักแต่กลับโดนหลานเบื่อหน่าย แม้ว่าจะไม่ใช่ความเศร้าจนทำให้น้ำตาไหล แต่ก็พอที่จะบีบคั้นหัวใจได้แล้ว
Only Yesterday
อีกหนึ่งเรื่องที่คนอาจจะงงเป็นไก่ตาแตก เอ๊ะ เรื่องนี้มันเศร้ายังไงกัน? Only Yesterday เป็นอนิเมชั่นที่นำเสนอเรื่องราวของ Taeko ตัวเอกสาวของเรื่องที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านความทรงจำต่างๆ ซึ่งความทรงจำต่างๆ นั้นก็มีทั้งสุขและเศร้าเคล้ากันไป อย่างไรก็ดี Only Yesterday เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พาให้คนดูย้อนกลับไปนึกถึงอดีตสมัยเด็กของตนได้แม้ว่าสิ่งที่นำเสนอจะเป็นประสบการณ์ของ Taeko ก็ตาม อาจเพราะเนื้อเรื่องนั้นีการนำเสนอประสบการณ์ใกล้ตัวเราซึ่งทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับตัวอนิเมชั่นได้มากกว่าที่คิด เรื่องราวที่อาจจะไม่เศร้าหรือหดหู่แต่ก็พอที่จะให้เราย้อนไปคิดถึงช่วงเวลาสมัยเด็กได้เช่นกัน
เจ้าหญิงแห่งพงไพร หรือ Mononoke Hime
เป็นอีกไม่กี่เรื่องจาก Studio Ghibli ที่มีบรรยากาศสีหม่นไปจนดำ เนื้อเรื่องจาก Princess Mononoke นั้นรุนแรงและหนักหน่วงมาก มีการนำเสนอความตาย สงคราม และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อย่างชัดเจน ทำให้เป็นอีกอนิเมชั่นที่ไม่ค่อยเหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลายนัก อย่างไรก็ดีการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ผ่านอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ยังคงสร้างความตราตรึงให้กับผู้คนได้อย่างน่าอัศจรรย์
The Red Turtle
กำกับโดย Michaël Dudok de Wit เป็นหนึ่งในอนิเมชั่นที่ไม่ได้กำกับการสร้างจาก Studio Ghibli โดยตรง ซึ่งอนิเมชั่นนี้เป็นผลงานร่วมกันสร้างระหว่าง Studio Ghibli และ Wild Bunch อย่างไรก็ดีตัวอนิเมชั่นก็ยังคงความงดงามไว้ได้เป็นอย่างดี เรื่องราวของชายผู้ติดเกาะและไม่สามารถไปไหนได้ และการพบกันของเต่าแดงจากทะเลใหญ่ เนื้อเรื่องถูกดำเนินอย่างเรียบง่ายแต่ก็แฝงไปด้วยความกดดันบางอย่างอาจเพราะตัวอนิเมชั่นนั้นไม่มีการใช้บทพูดเลยทำให้รู้สึกถึงความหนักอึ้งกับการกระทำต่างๆของตัวละคร มีกลิ่นอายดราม่าซุกซ่อนอยู่ตามท้องเรื่อง และฉากจบที่ชวนบาดใจอีก
สุสานหิ่งห้อย หรือ Hotaru no haka
กำกับโดย Isao Takahata เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยสองพี่น้องชาวญี่ปุ่นท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นหนึ่งในอนิเมชั่นที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นอนิเมชั่นที่เศร้าและเนื้อหาหนักที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะเนื้อเรื่องนั้นนำความเป็นจริงของบ้านเมืองในญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกมานำเสนอ และสื่อออกมาในรูปแบบของอนิเมชั่นสุดเศร้า ที่สร้างความหดหู่ให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี โดยเพียงเปิดเรื่องได้ไม่ถึง 15 วินาที Studio Ghibli ก็สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าคนดูกับการจบชีวิตของตัวเอกตั้งแต่ต้นเรื่อง ก่อนจะพาทุกคนย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมสงครามทั้งความหดหู่จากการสูญเสียทุกสิ่งในสงคราม ทั้งการเอาตัวรอดของเด็กน้อยทั้งสองโดยปราศจากผู้ใหญ่คอยชี้นำ เรื่องราวที่เริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ชวนให้บีบคั้นหัวใจตลอดจนจบ แม้ว่าตัวอนิเมชั่นจะสามารถตีความได้ทั้งในแง่บวกและลบ แต่สิ่งที่สื่อออกมาก็ยังทรงพลังสมกับเป็นฝีมือ Studio Ghibli อยู่ดี
ก็หมดไปแล้วกับรวม 5 อนิเมชั่นจากทาง Studio Ghibli มีหลายเรื่องที่ชวนคิดถึงจนอยากจะกลับไปหาแผ่นมาดูเลยนะเนี่ย มีใครที่คิดว่าเรื่องไหนตรงใจบ้างไหมคะ หรือใครที่มีเรื่องอื่นและโมเมนต์ที่อยากจะแชร์ล่ะก็คอมเมนต์มาได้เลย!