Danny Choo จากหนุ่มโอตาคุ สู่บุคคลดังระดับโลก

แชร์เรื่องนี้:
Danny Choo จากหนุ่มโอตาคุ สู่บุคคลดังระดับโลก

    เมื่อวานเห็นข่าว คุณ Danny Choo กำลังจะมาเมืองไทยในงาน Thailand Game Show 2013 (TGS 2013)  ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงต้นปีหน้า ส่วนตัวผมก็เคยเห็นรูปของชายคนนี้มาบ้าง แต่พอได้ย้อนไปอ่านประวัติของชายคนนี้ดูก็พบว่ามีอะไรน่าสนใจกว่านั้น และในไทยก็ไม่ค่อยมีการกล่าวถึงชายคนนี้มากนัก เลยลองรวมข้อมูลประวัติย่อๆ ของชายคนนี้มาให้รู้จักกัน

ทายาทเจ้าของแบรนด์รองเท้าและสินค้าไฮโซ Jimmy Choo

    ชื่อ Danny Choo เป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่มคนชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เข้าเว็บไซต์ต่างประเทศบ่อยๆ ในไทยจึงไม่ค่อยรู้จักเขานัก แต่ถ้าเป็นชื่อ Jimmy Choo แบรนด์สินค้าดังทั่วโลก น่าจะพอเคยได้ยินกันบ้าง ซึ่งเขาเป็นบิดาแท้ๆ ของ Danny Choo
    Jimmy Choo นักออกแบบรองเท้าชื่อดัง เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน แล้วไปเรียนต่อกับทำงานที่อังกฤษ จนเปิดกิจการในลอนดอน เป็นเจ้าของบริษัท Jimmy Choo Ltd ตั้งแต่ปี 1986 ผลิตรองเท้าระดับไฮเอนด์ เป็นที่รู้จักในหลายประเทศ รวมถึงมีตัวแทนจัดจำหน่ายในไทย
    ถึงตัว Jimmy Choo จะกลายเป็นเศรษฐีระดับโลกและมีหลานชายเตรียมสืบทอดกิจการต่อ แต่ลูกชายแท้ๆ ของเขา Danny Choo ไม่ได้เดินตามธุรกิจที่ครอบครัววางไว้ เลือกเส้นทางที่ตัวเองชอบแทน

การรู้จักญี่ปุ่น ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

    Danny Choo เกิดในปี 1972 ซึ่งช่วงเวลานั้น ครอบครัวเขายังไม่ได้เป็นเศรษฐีระดับหมื่นล้านแบบในปัจจุบัน ตัวเขาจึงไม่ต่างจากวัยรุ่นทั่วไปเป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนในลอนดอน ที่ต้องช่วยพ่อกับแม่ทำงานเป็นบางครั้ง เพื่อค่าใช้จ่ายส่วนตัว และได้ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบและผลิตรองเท้า
    เขาเริ่มสนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นตอนเล่นเครื่อง Sega Megadrive เขาเริ่มอยากรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้ต้องเดินไปตามร้านค้าที่มีสินค้าเกี่ยวกับญี่ปุ่น จนเขาเริ่มหลงไหลวัฒนธรรมต่างๆ ทั้งมังงะ อนิเมะ และไอดอลจากญี่ปุ่น

    เขาเริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองจากตำราญี่ปุ่น และการ์ตูนจากญี่ปุ่นอย่าง Ranma 1/2 กับ Crayon Shin-chan ในสมัยนั้น  (สมัยนั้นยังไม่มี Internet)
    จนกระทั่งศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในลอนดอน โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับฝึกภาษาเกาหลีด้วย ปัจจุบันตัวเขาพูดได้หลายภาษา คือ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง และ เกาหลี

    ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ถึงครอบครัวจะฐานะดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เขายังคงต้องทำงานพิเศษอยู่เสมอ ในระหว่างนั้นเขายังคงต้องทำงานพิเศษที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งต้องไปทำงานแทบทุกวัน พร้อมกับฝึกภาษาไปในตัว ที่ร้านอาหารแห่งนี้ยังเป็นที่ๆ เขาพบว่าที่ภรรยาในอนาคต

 

ชีวิตการทำงาน

    หลังจากเรียนจบ เขาเริ่มงานจากการทำงานเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่ Japan Airlines ก่อนจะได้ย้ายไปทำงานในญี่ปุ่นในปี 1999 กับ Nature Japan
    จากนั้นเขาก็ทำงานต่อในหลายที่ซึ่งเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต อย่าง Website Manager ใน Amazon Japan, CGM Product Manager ที่ Microsoft (สำหรับ Live.com)
    ตอนเพิ่งมาญี่ปุ่นเขาได้จดโดเมน Dannychoo.com ไว้ใช้ในอนาคต และระหว่างที่ทำงาน เขาก็เริ่มศึกษา กับทำธุรกิจหารายได้อีกทางหนึ่งผ่านโลกไซเบอร์

การเติบโตของเว็บไซต์

    Blog ของเขา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างช่วงปี 2004 - 2005 โดยเนื้อหาเกี่ยวกับ Gundam, ฟิกเกอร์ (Figure) และชีวิตของเขาในญี่ปุ่น โดยแสดงความชอบในวัฒนธรรมต่างๆ อย่างชัดเจน
    เขาลงทุนซื้อกล้องดิจิตอลในยุคนั้น เพื่อถ่ายภายทิวทัศน์และงาน Event ต่างๆ อัพขึ้น Blog ส่วนตัว อีกทั้ง เขาใช้ความรู้จากการทำงานด้านอินเตอร์เน็ตทั้งด้านการปรับแต่งเว็บและ SEO
    ความนิยมของเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขายังมีการดึงดูดผู้ชม โดยแต่งชุด StormTrooper ที่เขาซื้อมาจาก eBay ไปเดินตามถนน Tokyo พร้อมถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ รวมถึงคลิปวีดีโอลง Youtube ในช่วงปี 2006
    ยิ่งได้กระแสการเต้นในโตเกียว แบบ Tokyo Dance Trooper ในปี 2007 ซึ่งมีผู้ชมจำนวนมาก แล้วยังไปลงในเว็บไซต์หลักของทาง Star Wars ซึ่งถูกใจแฟน Star Wars ทำให้ผู้ชมมากยิ่งขึ้นอีก และรู้จักเว็บเขามากขึ้น

 

Danny Choo ในปัจจุบัน

    หลังจากสะสมประสบการณ์มาหลายปี เขาเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่เขาต้องการจะทำ จึงเริ่มลงทุนตั้งบริษัทเล็กๆ ที่เรียกว่า Mirai Inc. ขึ้นโดยตั้งเป้าที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมของญี่ปุ่น (ในทุกด้าน) ให้โลกได้รู้จักผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะ TV, เว็บไซต์, มือถือ, ผลิตภัณฑ์ และการสัมมนาในประเทศต่างๆ

    ตัว Danny Choo ยังเป็นพาร์ทเนอร์ของอีกหลายบริษัทมากมาย อย่าง Good Smile Company, Bushiroad, Dentsu, Ascii Media Works, King Records (Starchild), Sega, Nitroplus, Kadokawa, Kotobukiya, Konami, Production IG, Panasonic, JC Staff, Google Japan, Japanese Red Cross และอีกหลายบริษัท
    ตัวเขายังเป็นผู้กำกับรายการที่ชื่อ "Culture Japan" ที่ฉายผ่านช่อง Tokyo MX ในญี่ปุ่น ฉายผ่านทั่วเอเชียผ่านทาง Animax Network และช่อง Mnet America ในอเมริกา แล้วยังปรากฏตัวในรายการโชว์ทาง TV ช่วงเช้า ที่ชื่อ Check Time

    เขายังได้รับเชิญไปร่วมรายการสำคัญอีกหลายสถานที่, แสดงโฆษณาในสินค้าหลายรายการ และเป็นวิทยากรในงานต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ

    ในปีนี้ เขายังถูกเลือกจากทาง กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (Japanese Ministry of Economy, Trade and Industry (METI)) ให้เขาดำรงตำแหน่ง Creative Director เพื่อปรึกษาด้านโปรเจ็กต์ใหม่ของญี่ปุ่นที่ชื่อ Mazar เพิ่งตั้งกลางปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันวัฒนธรรมญี่ปุ่นทุกด้าน ทั้ง Japanese Anime, Manga, Fashion, Design และอาหารไปสู่สายตาชาวโลก

    เขายังเป็นผู้สร้าง มัสคอตสำหรับบริษัทโดยเฉพาะ ให้ชื่อว่า Mirai Suenaga ซึ่งออกแบบโดย Azami Yuko มีการสร้างสินค้าออกมาหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องกับมัสคอตตัวนี้ และปรากฏตัวในอนิเมะหลายเรื่อง

    ในเมษายน ปีนี้ยังร่วมกับบริษัทฟิกเกอร์ชื่อดัง Good Smile Company ผลิตสินค้าสำหรับสอนภาษาญี่ปุ่นในชื่อ Moekana ซึ่งขายหมดตั้งแต่ช่วงเปิดให้สั่งจองครั้งแรก   

     ถึงแม้ว่าตัว Danny Choo จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายเท่า Jimmy Choo พ่อของเขา แต่ก็ถือเป็นบุคคลหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจากสิ่งที่เขารัก และชีวประวัติของเขาที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของเขาเอง ยังเป็นแบบอย่างของผู้ที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกหลายคนในต่างประเทศ

อ้างอิงข้อมูล : Dannychoo.com, รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต

เตรียมพบ Danny Choo ได้ในงาน TGS 2013 โดยมาในฐานะ Speaker ในงานสัมมนา พร้อมกับมี Fan Meeting ด้วยพร้อมกับพื้นที่ในงานที่จะมาแสดงผลงานส่วนตัว (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก FB TGS 2013)

บทความการ์ตูนอื่นๆ ประจำสัปดาห์

129/64018_1352455311.jpg 25 อันดับ ตัวละครหญิงยอดนิยม ปี 2555 (Anime)

128/63844_04_Tonari_no_Kaibutsu_kun.jpg 10 อันดับ อนิเมะสำหรับผู้หญิงที่ผู้ชายควรดู

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ