Katanagatari ตำนานรักดาบเทวะ

    ตอนแรกว่าจะข้ามไปแนะนำเรื่องที่กำลังฉายในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากเขียนในช่วงวันวาเลนไทน์ ประกอบกับเคยแนะนำเรื่อง Bakemonogatari ไปแล้ว ทำให้นึกถึงเรื่อง Katanagatari ขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ก็วางจำหน่ายแผ่นแรกในไทยพร้อมกับ Bakemonogatari เมื่อต้นเดือนไปแล้ว เลยเขียนแนะนำต่อเลยก็แล้วกัน

    Katanagatari (Sword Story หรือ ตำนานรักดาบเทวะ) เป็นเรื่องที่ดัดแปลงจากฉบับ Light Novel แต่งเรื่องโดย Nisio Isin วาดภาพประกอบนิยายโดย Take  ทำเป็นแบบ TV Anime ความยาวตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง จำนวน 12 ตอนจบ ผลิตโดยบริษัท White Fox (ผลงานเก่า คือ Steins;Gate, Tears to Tiara) ฉบับนิยายค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่วางขาย 12 เล่มจบ ความยาวเล่มละ 200 – 300 หน้า วางเล่มละเดือนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจนจบ ซึ่งตรงกับเวลาที่ตัวละครในเรื่องออกเดินทางตั้งแต่เดือน 1 – 12 ฉบับอนิเมะจึงใช้วิธีเดียวกัน คือ เริ่มฉายตั้งแต่มกราคม 2010 เดือนละ 1 ตอน จนไปถึงธันวาคม 2010

 

เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซีรีส์ Bakemonogatari ?
    เป็นอีกซีรีส์หนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวกับของ Monogatari เลย เพียงแต่คนแต่งเดียวกัน Nisio Isin พล็อตเรื่องก็แตกต่างกันชัดเจนระหว่างสองซีรีส์นี้ คือ
    – Monogatari จะเกี่ยวกับยุคปัจจุบัน จากพวกสาวๆ ที่มีเรื่องภูติ, ปีศาจ, ความเชื่อ, คำสาป มาผสมผสานกับชีวิตจริง แนวเรื่องค่อนข้างสบายๆ มากกว่า ฉบับนิยายทั้งชุดมีทั้งหมด 15 เล่ม และกำลังจะจบในปีนี้
    – Katanagatari เรื่องนี้เป็นแนวต่อสู้ในยุคโบราณ ที่ตัวเอกต้องเดินทางไปรวบรวมดาบทั้ง 12 เล่ม , เดินทางผ่าน 12 แคว้นในญี่ปุ่น, ในเวลา 12 เดือน, ต้องพบกับผู้ใช้ดาบ 12 รูปแบบ และนินจาอีก 12 คนที่มาขัดขวางเพื่อชิงดาบ ทั้งนิยายและอนิเมะออกแบบเดือนละ 1 เล่ม/ตอน จนจบเหมือนกัน แต่คนละปีกัน
    สิ่งที่คล้ายกันของ 2 ซีรีส์นี้ มีเพียงสไตล์การเขียนบรรยายแบบพล่ามกันยาว กับเล่นคำภาษาญี่ปุ่น ตามรูปแบบที่ถนัดของผู้แต่ง Nisio Isin เท่านั้น กล่าวคือ ถึงไม่เคยดูซีรีส์ Monogatari ก็สามารถดูเรื่องนี้รู้เรื่องได้

    สำหรับข้อมูลเรื่อง Bakemonogatari ปกรณัมของเหล่าภูต ดูได้ที่นี่
   
เรื่องย่อ
    หลังจากหมดยุคเซนโกคุไม่นาน โชกุนองค์ปัจจุปันได้ออกคำสั่งให้ "โทกาเมะ" นักวางแผนกลกลยุทธ์สาว ไปหาดาบในตำนาน 12 เล่มสุดท้ายจากจำนวน 1,000 เล่มของ "ชิคิซาคิ คิคิ" ที่เชื่อกันว่าเป็นดาบกลุ่มที่ดีที่สุด หลังจากโทกาเมะรับคำสั่ง เธอว่าจ้างยอดฝีมือและนินจามาช่วยค้นหา แต่ทว่ากลับล้มหายตายไป บ้างก็หลงไหลในพลังลึกลับของดาบจนทรยศเธอ
    สุดท้าย โทกาเมะจึงไปขอร้อง "ยาซึริ ชิจิกะ" ผู้สืบทอดคนสุดท้ายของสำนักไร้ดาบ "เคียวโตริว" ที่อาศัยอยู่กับพี่สาวเพียงสองคนในเกาะร้างอันห่างไกล เพราะพ่อของเขาโดนโชกุนองค์ก่อนเนรเทศ เมื่อโทกาเมะได้พบเขา จึงขอให้เขาช่วยและออกคำสั่งว่า "นายจงรักฉันซะ!" เพื่อไม่ให้เขาหักหลังเหมือนกับคนอื่นๆ
    แม้ว่าชิจิกะจะปฏิเสธเธอในตอนแรก แต่ชิจิกะก็ได้รู้ความจริงจากนินจาที่หมายหัวเขา ว่า ในอดีตพ่อของชิจิกะจะเป็นคนล้มล้างตระกูลของโทกะเมะ และฆ่าพ่อของเธอต่อหน้าต่อตาโทกาเมะในวัยเยาว์ก็ตาม ความจริงนั้นทำให้เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงยอมมาขอร้องให้ลูกชายของคนที่ฆ่าพ่อเธอให้ช่วย จึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือโทกาเมะ และออกเดินทางตามหาดาบทั้ง 12 เล่มด้วยกัน

 

ตัวละคร
    ยาซึริ ชิจิกะ
    ผู้นำตระกูลคนปัจจุปันของยาซึริ เติบโตที่เกาะและฝึกฝนกับวิชากับพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้วิชาไร้ดาบเหนือกว่าบิดาที่ล่วงลับเสียอีก การใช้วิชาของเขาถ้าออกหมัดแล้วหวังผลถึงตายทีเดียว นิสัยเป็นคนซื่อๆ ตรงไปตรงมาเพราะอยู่กับพี่สาวเพียงสองคน แต่กลับใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากไม่เคยออกจากเกาะเลย ทำให้มีหลายๆ เรื่องที่ไม่รู้ในโลกกว้าง

    โทกาเมะ
    หญิงสาวผู้มีใจแกร่งกล้าไม่กลัวสิ่งใด เมื่อตัดสินใจอะไรแล้วจะลงมือทำอย่างมั่นใจในทันที ถึงแม้โทกาเมะจะบอกว่าตัวเองเป็นนักวางแผนกลกลยุทธ์ที่ฉลาดแต่กลับทำอะไรผิดพลาดบ่อยครั้ง หลังจากโดนหักหลังหลายต่อหลายครั้งในการตามหาดาบเธอได้มาหาชิจิกะที่เกาะเพื่อขอให้ช่วย

    ยาซึริ นานามิ
    ลูกสาวคนโตของตระกูลยาซึริ พี่สาวเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่กับชิจิกะสองคนในเกาะ เธอมีร่างกายเหมือนเด็กสาวตัวเล็กและไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่กลับฉลาดเฉลียวทันคน เยือกเย็น มีความรู้สูงสามารถพูดดักคอโทกาเมะได้ในไม่กี่คำ นานามิอยากให้น้องชายออกจากเกาะไปสู่โลกกว้างโดยไม่ต้องมาเป็นห่วงตัวเธอ

    โดยรวมถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ถือว่าสนุก และรูปแบบแตกต่างกับอนิเมะปัจจุบันหลายๆ เรื่อง ถ้าเปรียบกับการ์ตูนยุคก่อนคงอารมณ์ประมาณซามูไรพเนจร (ด้านการต่อสู้) เป็นแนวออกเดินทางตามสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นยุคก่อน ผสมระหว่างเรื่องราวความสัมพันธ์ของชิจิกะกับโทกาเมะที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือน (1 ตอน = 1 เดือน) กับปริศนาบางอย่างที่คลี่คลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกตอน อย่างเช่น เรื่องประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน และตัวความลับของดาบทั้ง 12 เล่ม การเล่าเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้แต่งก็ทำให้ผู้ชมติดตามอย่างสนุกได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อครับ

    ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : moe-board.net, shielru.exteen, Pantip, Wikipedia

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้