Final Fantasy 3 ครบรอบ 35 ปี ภาคหลักที่ลงส่งท้ายเครื่อง Famicom

FF3

วันที่ 27 เมษายน 1990 หรือวันนี้เมื่อ 35 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Final Fantasy 3 บนเครื่อง Famicom ที่ประเทศญี่ปุ่น (ขอเรียกย่อว่า FF3) โดยภาคนี้ในเวอร์ชั่นออริจินัลไม่เคยมีการทำเป็นเวอร์ชั่นอังกฤษแบบออฟฟิเชียลเลย กระทั่งตัวเกมถูกนำมารีเมคในปี 2006 และภาค Pixel Remaster ในปี 2021 จึงจะมีการแปลภาษาอังกฤษในภายหลัง

นอกจากนี้ FF3 ยังเป็นภาคสุดท้ายที่ลงให้กับเครื่อง Famicom ก่อนที่ทาง Square (หรือ Square Enix ในปัจจุบัน) จะไปพัฒนาภาค 4-6 เพื่อลงเครื่อง Super Famicom ซึ่งเป็นเครื่องเจนถัดไป

(ล่าง) ปกเกม FF3 บนเครื่อง Famicom

เกมเพลย์ของ FF3 มีการนำองค์ประกอบบางอย่างจากเกมสองภาคแรกมาปรับใช้ร่วมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ โดยระบบต่อสู้ยังคงเป็นแบบเทิร์นเบสเช่นเคย แต่ในภาค 3 เวลาตัวละครของเราหรือศัตรูได้รับความเสียหายจะมีตัวเลขแสดง HP ที่เสียไปกระดอนออกมาจากตัวให้เห็น หรือตอนที่เราใช้ไอเทมหรือเวทฟื้นพลังก็จะมีตัวเลข HP ที่ได้รับเด้งออกมาจากตัวเช่นกัน ซึ่งแต่เดิมในภาค 1-2 นั้นจะเป็นป๊อบอัปข้อความแสดงบอกว่าทำดาเมจได้เท่านี้ หรือฟื้นพลังได้เท่านี้ครับ

หากใครยังจำกันได้ ระบบอาชีพใน FF1 จะให้ผู้เล่นได้เลือกอาชีพของตัวละครหลักทั้ง 4 คนตั้งแต่ต้นเกม และไม่สามารถเปลี่ยนได้ระหว่างเกม (แต่อัปเกรดสายอาชีพที่เลือกไปได้ในช่วงครึ่งหลังของเกม) ทว่าในภาค 3 มีการปรับปรุงให้ผู้เล่นเลือกเปลี่ยนอาชีพได้อิสระ โดยแต่ละอาชีพจะสวมใส่อาวุธและชุดป้องกันที่ไม่เหมือนกัน บางอาชีพมีทักษะการใช้อาวุธโจมตีที่รุนแรง บางอาชีพเน้นเวทมนตร์โจมตี ขณะที่บางอาชีพก็เด่นในเรื่องเวทมนตร์รักษาและบัฟให้เพื่อน

อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนอาชีพจากอาชีพหนึ่งไปอีกอาชีพ จะต้องเสียค่า Capacity Point ในการเปลี่ยน โดยค่า Capacity Point ที่ต้องใช้จะผันแปรตามอาชีพที่เราจะเปลี่ยน ซึ่งค่าดังกล่าวจะได้รับหลังจบการต่อสู้แต่ละครั้ง ในกรณีที่ผู้เล่นเก็บค่าประสบการณ์ให้กับอาชีพนั้น ๆ จนมีเลเวลอาชีพสูงขึ้น ก็จะมีค่า Stat ต่าง ๆ สูงตามไปด้วย ตลอดจนค่า Capacity Point ที่ต้องใช้ในการเปลี่ยนมายังอาชีพที่เป็นอยู่ก็จะน้อยลงเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ระบบอาชีพของภาคนี้ก็มีการเพิ่มคำสั่งเฉพาะที่มีบางอาชีพเท่านั้นที่ใช้ได้ เช่น คำสั่งขโมยที่เป็นของอาชีพโจร หรือคำสั่งกระโดดสำหรับอาชีพอัศวินมังกร โดยแต่เดิมในภาคแรกจะไม่มีคำสั่งเฉพาะแบบนี้ ความต่างกันระหว่างอาชีพนักรบกับอาชีพโจรเลยมีแค่ของที่สวมใส่ได้ และค่า Stat เท่านั้น

เนื้อเรื่องเบื้องต้นของ FF3 เวอร์ชั่นออริจินัลจะกล่าวถึงเด็กกำพร้า 4 คนจากหมู่บ้าน Ur ได้ไปพบกับคริสตัลแห่งแสงที่มอบพลังให้แก่พวกเขา พร้อมทั้งแนะนำให้ทั้ง 4 ออกผจญภัยเพื่อคืนสมดุลให้กับโลก ที่กำลังถูกซานเด้ (Xande) พ่อมดจอมชั่วร้ายหมายที่จะป่วนอยู่

ตอนที่ตัวเกมถูกนำมารีเมคลง Nintendo DS ในปี 2006 ทางทีมงานมีการปรับแก้เซ็ตติ้งบางอย่างใหม่ โดยเพิ่มความลึกของทั้ง 4 ตัวละครให้มีชื่อเป็นของตัวเอง ได้แก่ ลูเนธ (Luneth), อาร์ก (Arc), เรเฟีย (Refia) และ อิงกุส (Ingus) อีกทั้งให้เริ่มเกมที่ตัวลูเนธคนเดียวก่อน แล้วค่อยปูเรื่องราวให้เจ้าตัวไปพบกับอีก 3 ตัวละครที่เหลือ เพื่อเพิ่มความน่าติดตามมากขึ้น

Final Fantasy 3 ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ใช้เนื้อที่มากที่สุดของยุค Famicom โดยบรรจุอยู่ในตลับที่มีความจุ 512 KB ซึ่งเป็นตลับที่มีความจุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของคอนโซลเจนดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ตัวเกมเวอร์ชั่นออริจินัลไม่เคยถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษแบบออฟฟิเชียลนั้น คุณฮิโรมิจิ ทานากะ (Hiromichi Tanaka) ที่เป็นนักออกแบบเกมได้เผยว่า ณ เวลานั้น Square กำลังโฟกัสกับการทำเกมป้อนลงเครื่องเจนใหม่ของ Nintendo อยู่ ซึ่งก็คือ Super Famicom นั่นเอง


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้