[p]ถ้าเป็นการตีบ้านธรรมดาอาชีพ Scholar อาจจะไม่เด่นเท่ากับอาชีพ High Wizard แต่ถ้าเป็นระดับการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศอาชีพ Scholar คือตัวเลือกอันหนึ่งที่ทุกกิลด์จะต้องมีอย่างแน่นอน การจะเล่นให้เป็นมันต้องทำอย่างไร เรามาดูกัน[p]หน้าที่หลักๆ ของ Scholar ไม่ใช่ Killer เพราะตัว Scholar เองแทบจะไม่มีสกิลโจมตีเลยต้องอาศัยสกิลตอนที่ยังเป็น Mage ซะส่วนใหญ่ ดังนั้นสายการเล่นในกิลด์วอร์หลักๆ แล้วจะเน้นในทางป้องกันหรือช่วยเพื่อนร่วมทีมมากกว่า[b][color=green][size=3]สาย Land Protector (DEX – VIT)[/b][/color][/size][p]Land Protector เป็นสกิลที่ทำให้ผู้คนรู้จักอาชีพนี้มากขึ้นเพราะด้วยคุณสมบัติของสกิล Land Protector ที่ป้องกันเวทย์ที่ร่ายลงมาบนพื้น ทำให้สกิลที่น่ากลัวอย่าง Storm Gust หรือ Meteor Storm ไม่สามารถผ่านทะลุมาทำอันตรายต่อเพื่อนร่วมทีมได้ และการอัพค่าสเตตัสไปที่เน้นความอึดมากกว่าจะสนใจเรื่อง SP สายนี้จึงดุดันไม่น้อยเลย [center][img=45996]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]สกิลที่ทำให้ทุกคนรู้จัก Scholar [/color][/center][b][color=darkred]การอัพค่าสเตตัส[/b][/color][p]เนื่องจากหน้าที่คือต้องรีบกาง Land Protector ให้ไวกว่าการร่ายเวทย์ของ High Wizard ดังนั้นเราจึงต้องทำค่า DEX ให้สูงกว่า High Wizard ค่า DEX จึงต้องอัพ 99 ไปเลยและ DEX รวมต้อง 140-150 ขึ้นไป[p]ส่วนค่าสเตตัสที่สองคือค่า VIT ที่ควรจะอัพให้ค่า VIT รวมอย่างน้อย 80 ขึ้นไป ส่วนค่าสเตตัสที่สามมีให้เลือก 2 แบบคือ[b]1.[/b] INT ถ้าชอบใช้สกิลอื่นๆ ของ Scholar ก่อกวนแล้วกลัว MP เด้งไม่ทัน[b]2.[/b] STR เน้นแบกยาเพิ่มมากขึ้น[b][color=darkred]วิธีทำ DEX 150[/color][/b][center][img=45997]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]ทำได้แน่ แต่ต้องเงินถึง[img=45998]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]ถ้าขึ้เกียจหาการ์ด Amon Ra[/color][/center][p]อย่างที่บอกไปแล้วว่า Scholar จะต้องกาง Land Protector ให้ไวกว่าการร่ายเวทย์ของ High Wizard ดังนั้นการทำค่า DEX ให้สูงที่สุดจึงจำเป็นอย่างมาก วิธีการทำค่า DEX ให้สูงถึงระดับ 150 นั้นสามารถทำได้ แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงพอสมควร[p]- หมวกใส่ Apple of Archer = DEX +3[p]- เกราะ Valkyrian Armor [Rocker Card] = DEX +2[p]- อาวุธ Rod [Drop Card] = DEX +4[p]- เครื่องประดับ Glove [Zerom] (ใส่ 2 ข้าง) = DEX +8[p]- Gloomy Box (ได้รับผลของสกิล Improve Concentration Lv.1) = DEX +3[p]- Blessing Scroll (ได้รับผลของสกิล Blessing Lv.10) = DEX +10[p]- Herb Camila Wine (อาหารเพิ่มค่า DEX +10) = DEX +10[color=olive][b]เมื่อสรุปแล้ว DEX 150 จะได้ตามสูตรนี้[/b][p]• Stat = DEX +99[p]• Bonus DEX ที่จ๊อบเลเวล 70 = DEX +11[p]• หาของได้ตามรายการข้างบน = DEX +40[/color][b][color=darkred]การอัพสกิล[/b][/color][p]การอัพสกิลของสายนี้จะเน้นไปที่สกิลหลักอย่าง Land Protector และด้วยการที่อัพค่า INT มาน้อย จึงมี Max SP น้อย ทำให้เราต้องอาศัยสกิล Indulge ที่เลเวล 5 มีความสามารถแลก HP 10% จาก Max HP เพื่อเปลี่ยนเป็น SP 50% แล้วให้พระคอยฮีล HP ที่เสียไปแทน (แต่ต้องสเต็ปดีๆ หน่อยนะ) [p]ส่วนสกิลธาตุนั้นแนะนำว่าให้เลือกธาตุไฟอย่าง Fire Bolt เพราะ Scholar เองจะมีสกิล Fiber Lock ที่ใช้ใยแมงมุมตรึงและเป้าหมายที่ถูกตรึงจะโดนเวทย์ไฟแรงขึ้น 2.5 เท่า ทำให้ Scholar เหมาะที่จะเล่นธาตุไฟมากกว่าธาตุอื่นๆ และเมื่อใช้คู่กับสกิล Double Casting จะยิ่งทำให้อาชีพนี้สามารถทำดาเมจได้ดีในระดับหนึ่ง[p]- Increase SP Recovery 1 [p]- [b]Sight 1[/b][p]- Napalm Beat 7[p]- Soul Strike 5[p]- [b]Safety Wall 10[/b][p]- Fire Bolt 10[p]- Fire Ball 5[p]- Fire Wall 8 [p]- Lightning Bolt 1[p]- Cold Bolt 1[p]- [b]Stone Curse 7 [/b][p]- Book Mastery 9[p]- Dragonology 4 [p]- [b]Fiber Lock 1 [/b] [p]- Magic Rod 3 [p]- [b]Indulge 5 [/b][p]- [b]Spell Breaker 3[/b][p]- [b]Soul Exhale 1[/b] [p]- [b]Dispel 5[/b] [p]- Cast Cancel 1 [p]- Free Cast 4[p]- Hindsight 1 [p]- [b]Double Casting 5[/b] [p]- Flame Launcher 2 [p]- Frost Weapon 2 [p]- Lightning Loader 2 [p]- Volcano 3[p]- Violent Gale 3 [p]- Deluge 3 [p]- [b]Land Protector 5[/b][color=olive][b]หมายเหตุ :[/b] สายการเล่นนี้ใช้ Point ในการอัพทั้งหมด 118 Point และจะมี Point เหลือ 0 Point แล้วตอนเป็น Mage จะต้องเล่นจ๊อบเลเวล 50 และบางสกิลของคลาส Mage ให้ย้อนกลับมาอัพหลังจากเป็น Scholar เช่นสกิล Stone Curse[/color][b][color=darkred]อาวุธและชุด[/b][/color][p]เรื่องชุดและอาวุธถ้าเราไม่เน้นทำค่า DEX 150 เราจะสามารถเปลี่ยนใส่อุปกรณ์ลุยกิลด์วอร์อื่นๆ ได้ อุปกรณ์ที่ใส่ไปแนะนำให้เน้นความอึดเข้าไว้ เพราะเราจะเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่จะถูกเก็บแน่นอน แต่การที่เราอัพค่า VIT มาเยอะพอสมควรดังนั้นเราจะได้เปรียบขึ้นมาอีกนิดหน่อย ส่วนอุปกรณ์ชุดยอดนิยมที่จะใส่กันส่วนใหญ่เช่น[p]หมวก Poo Poo Hat, หมวก Circle 1 slot หรือแว่นตา Glasses ใส่การ์ด Mistress (ร่ายเวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องใช้ Gem ซึ่งสกิลของ Scholar ส่วนใหญ่จะใช้ Gem ในการร่าย) [p]ลำตัวใส่เกราะอะไรก็ได้ (แรงที่สุดเท่าที่หาได้) แล้วจะเลือกใส่การ์ด Marc, Evil Druid หรือ Ghostring ก็ขึ้นอยู่กับว่าชอบแบบไหน อาวุธสามารถเลือกได้อิสระแล้วแต่ชอบ โล่ใส่การ์ด Thara Frog ตามสเต็ป ผ้าคลุมใส่การ์ด Raydic รองเท้าใส่การ์ด Matyr แต่ถ้ารวยๆ จะใส่การ์ด Firelock Soldier ก็ได้ สุดท้ายคือเครื่องประดับยังไงก็ต้องใช้ Glove 1 slot การ์ด Zerom แน่นอน เพราะคุ้มที่สุดแล้วครับ[center][img=45999]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]มีการ์ด Mistress ติดตัว เหมือนเสือติดปีก (ใช้ Gem ฟรี)[/color] [/center][b][color=darkred]เทคนิคการเล่น[/b][/color][p]หน้าที่หลักๆ ของสายนี้จะแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบคือเชิงรุกและเชิงรับ [b][color=blue]• เชิงรุก :[/color][/b] ด้วยค่า INT ที่น้อยของตัวเราทำให้ไม่สามารถฆ่าใครไม่ได้เลย จึงได้แค่วิ่งไล่แช่ Stone Curse ให้เพื่อนเราฆ่า แต่ต้องระวังในจังหวะที่วิ่งเข้าไปให้ดี เพราะการร่ายเวทย์ Stone Curse ระยะร่ายจะประชิดกับเป้าหมายมากวิ่งพรวดเข้าไปไม่ดีมีดับเอง เวลาแบกของให้แบกไปที่น้ำหนัก 89% ไปเลยเพราะยังไงสายนี้ก็ต้องพึ่ง High Priest 100% อย่างเช่นตอนที่ SP หมดก็อาศัยสกิล Indulge พอเลือดลดไป 10% ก็ให้ High Priest ฮีล ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่อง HP, SP จะไม่พอ เห็นท่าไม่ดีก็กาง Safety Wall ป้องกันตัวเองเอาไว้ (อย่าลืมระวังพวก Sniper ด้วยละ)[b][color=blue]• เชิงรับ :[/b][/color] คอยกาง Land Protector ให้กับกลุ่มเพื่อนๆ ของเรา ซึ่งนี้คือหัวใจของสายการเล่นนี้ การกาง Land Protector จะต้องอาศัยความชำนาญในการคอยๆ เดินกางรุกคืบไปเรื่อยๆ สิ่งที่จะต้องจำเอาไว้ก็คือสิ่งที่สามารถเจาะวง Land Protector ของเราได้ซึ่งจะมีด้วยกันอยู่ 3 แบบ[p][b]1.[/b] เราถูกฆ่าตาย[p][b]2.[/b] มี Land Protector อื่นมาทับของเรา ซึ่งจำนวนช่องที่หายจะเท่ากับช่องที่ถูกวางทับ[p][b]3.[/b] โดนสกิล Hermod’s Ganbantein ของอาชีพ High Wizard ซึ่งสามารถลบวง Land Protector ได้ 3 x 3 ช่อง [p]ตอนที่อยู่ในวง Land Protector เราสามารถขยับไปก่อกวนฝั่งตรงข้ามด้วยการแช่แข็งหรือดูด SP ก็ได้ และถ้าเห็น Assassin Cross มุดหายไปให้กดใช้สกิล Sight อยู่ตลอดเวลาป้องกันการโดยตุ๋ย[center][img=46000]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]จากการทดสอบ ขอบวง Land Protector ยังคงกันเวทย์ได้ (มีบางคนบอกว่ากันไม่ได้) [/color][/center][b][size=3][color=green]สาย Land Protector (DEX – INT)[/b][/color][/size][p]รูปแบบการเล่นแบบนี้ถือว่าเป็นเบสิกของอาชีพตระกูลนักเวทย์ การอัพแบบนี้จะเน้นที่การใช้สกิลได้บ่อยๆ ทำให้สามารถเปรี้ยวได้มากขึ้น[b][color=darkred]การอัพค่าสเตตัส[/b][/color][p]ค่าสเตตัสหลักคือ DEX (อัพ DEX รวมให้ลงท้ายด้วยเลข 0) และ INT จะต้องอัพให้เต็ม 99 เพราะนอกจากจะเอา Support ทีมได้ดีแล้วยังสามารถไล่ฆ่าคนอื่นได้ด้วย ส่วนค่าสเตตัสที่เหลือลง STR ให้หมดเพื่อที่จะได้แบกยาเพิ่มมากขึ้น [b][color=indigo]ลองมาดูโบนัสค่า INT กันว่าจะเพิ่มอะไรให้บ้าง[/color][/b][color=violet]- ทุกๆ INT หารด้วย 6 ลงตัว จะเพิ่มจำนวนการเด้งของ MP- ทุกๆ Max SP หารด้วย 100 จะเพิ่มจำนวนการเด้งของ MP- ทุกๆ INT หารด้วย 5 ลงตัว จะเพิ่ม Max MATK- ทุกๆ INT หารด้วย 7 ลงตัว จะเพิ่ม Min MATK[/color][p]เห็นสูตรนี้แล้วคงจะรู้แล้วนะครับว่าต้องทำค่า INT รวมให้ลงท้ายด้วยอะไร ถึงจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ผมดูแล้วก็ยังตาลายเลยครับ แต่ก็ถือว่าเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน [b][color=darkred]การอัพสกิล [/b][/color][p]การอัพสกิลของสายนี้จะคล้ายๆ กันกับสาย DEX – VIT ทุกอย่าง ซึ่งเราสามารถพลิกแพลงได้บางสกิล เช่น ไม่ต้องอัพสกิล Indulge หรือ Soul Exhale แต่ไปอัพสกิล Increase SP Recovery ให้เลเวลสูงๆ ก็ได้ แต่โดยหลักๆ แล้วก็จะเหมือนกันเกือบทุกอย่าง [b][color=darkred]อาวุธและชุด[/b][/color][p]สำหรับอาวุธและชุดเราก็จะเน้นหนักไปทาง DEX และ INT มากขึ้น ส่วนจะใส่ของอะไรบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับเงินทุนและความพึงพอใจของเรามากกว่า เพราะของที่เพิ่ม DEX และ INT ใน Ro มีหลายรูปแบบแนวทางในการเลือกหยิบมาใช้ ตัวอย่างชุดที่ยอดนิยม อย่างเช่น [p]- หมวก Apple of Archer, Crown, Circlet 1 slot ใส่การ์ดต่างๆ เช่น Mistress Card, Elder Wilow Card[p]- เกราะ Mink Coat ใส่การ์ด Marc Card[p]- ผ้าคลุม Muffler ใส่การ์ด Raydric Card[p]- โล่ห์ Guard ใส่การ์ด Thara Frog Card[p]- รองเท้า Shoes ใส่การ์ด Matyr Card[p]- อาวุธ Rod 4 slot, Arc Wand 2 slot, Evil Bone Wand หรือ Wizardry Staff, ฯลฯ สามารถเลือกใส่การ์ดได้ตามความชอบและสถานการณ์ [b][color=darkred]เทคนิคการเล่น[/b][/color][b][color=blue]• เชิงรุก :[/color][/b] เนื่องจากเราอัพค่า INT มาเยอะทำให้นอกจากจะไล่แช่แข็งชาวบ้านให้เพื่อนฆ่าแล้ว หากเราคันไม้คันมือจะฆ่าเองก็ได้เช่นกันสเต็ปคือ หลังจากแช่ Stone Curse เสร็จให้กางใยด้วยสกิล Fiber Lock 2 ครั้งจากนั้นกดบัฟสกิล Double Casting เสร็จแล้วยิงด้วยสกิล Fire Bolt และด้วยผลของสกิล Double Casting เราจึงมีโอกาสร่าย Fire Bolt ออกมาเองโอกาสติดสูงถึง 9 ใน 10 [p]ส่วนสาเหตุที่เราต้องกางใย Fiber Lock ถึง 2 ครั้งเพราะว่า Fire Bolt ที่ร่ายออกมาเองจากผลของสกิล Double Casting ก็จะแรงเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเพราะผลของ Fiber Lock ครั้งที่ 2 ด้วยนั่นเอง หากเป้าหมายยังไม่ตายก็ทำสเต็ปนี้วนลูปไปเรื่อยๆ[center][img=46001]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]จับ Stone Curse เสร็จกางใย 2 ครั้ง[img=46002]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]ยิงด้วยสกิล Fire Bolt เลเวล 10 x 2 ทีเดียวจอด[/color][/center][b][color=blue]• เชิงรับ : [/color][/b]ยังคงเน้นหนักไปที่การกาง Land Protector และด้วย DEX ที่มีอยู่เยอะทำให้สามารถเดินกางไปข้างหน้าได้ด้วยความรวดเร็ว ถ้าเจอ Scholar ด้วยกันการกดวาง Land Protector จะต้องแข่งกันกางทับกันไปมาเพื่อรักษาความได้เปรียบของทีมตัวเองไม่ให้ถูก Storm Gust ซึ่งต้องใช้ MP ค่อนข้างเปลือง สายนี้จึงค่อนข้างได้เปรียบนิดหน่อยไม่เหมือนสาย DEX – VIT ที่ต้องมี High Priest อยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าจังหวะเป็นใจให้เราการเดินอยู่ริมๆ วงแลนด์ คอย Dispel ผู้เล่นฝั่งนู้นเพื่อก่อกวนก็ได้นะครับ (ถ้าสต็ปดีจริง)[b][color=green][size=3]สายกระหน่ำเวทย์ (AGI – INT – DEX)[/b][/color][/size][p]Scholar สายนี้จะอัพสเตตัส AGI 99 INT 99 ที่เหลือลง DEX ซึ่งสามารถร่ายเวทย์พร้อมกันทีเดียว 5 ชุด เป็นสายที่ทำดาเมจได้โหดที่สุดเหนือกว่า Scholar ด้วยกันในสายอื่นๆ การเล่นกิลด์วอร์นั้น Scholar สายนี้จะทำดาเมจอย่างรวดเร็วจากเวทย์ที่ยิงพร้อมกันทีเดียวถึง 5 ชุด ซึ่งจะช่วยในการทำดาเมจให้กับฝูงเป็ดที่พยายามฝ่าดงทีนเข้าไปกระแทกหินกิลด์ ได้เหมือน Assassin Cross สายคริติคอลเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่สามารถร่ายเวทย์พร้อมกันทีเดียว 5 ชุดได้นั้น ให้ทำตาม Step นี้ครับ[b]1. [/b]ใช้สกิล Double Casting และ Auto Spell[b]2.[/b] ร่ายเวทย์ใส่เป้าหมายตระกูล Bolt เลเวล 10 ใส่เป้าหมาย (เวทย์ออกมาครั้งที่ 1) [b]3.[/b] ผลจากสกิล Double Casting จะทำให้เวทย์ตระกูล Bolt เลเวล 10 ออกมาอีกครั้งหนึ่งแบบไร้เวลาร่าย และไม่เสีย SP ด้วย (เวทย์ออกมาครั้งที่ 2)[b]4. [/b]ย้อนกลับไปที่ข้อ 2 ในขณะที่กำลังร่ายเวลาตระกูล Bolt เลเวล 10 อยู่นั้น ด้วยความสามารถของสกิล Free Cast จะทำให้ Scholar สามารถเดินไปจิ้มมอนสเตอร์ได้ด้วย และผลของสกิล Auto Spell จะทำให้ร่ายเวทย์ตามที่เรากำหนดไว้ออกมา (เวทย์ออกมาครั้งที่ 3)[b]5.[/b] ด้วยความสามารถของสกิล Double Casting อีกครั้ง ที่จะทำให้เวทย์ออกมาเองตามสกิล Auto Cast (เวทย์ออกมาครั้งที่ 4)[b]6.[/b] ย้อนกลับข้อ 4 ในขณะที่จิ้ม เราจะใส่การ์ด Wing Ghost ในเครื่องประดับ มีคุณสมบัติเมื่อโจมตีทางกายภาพ มีโอกาสที่จะร่ายเลเวล 3 Jupiter Thunder ใส่คู่ต่อสู้ (เวทย์ออกมาครั้งที่ 5)[p]จาก 6 ขั้นตอนนี้ถ้าเพื่อนๆ ได้ลองทำกันในหลายๆ โอกาส จะได้เห็นการลงเวทย์พร้อมกันถึง 5 ครั้ง จึงไม่ต้องสงใส่เลยว่าดาเมจที่จะเกิดขึ้นนั้นจะรุนแรงขนาดไหน และการโจมตี Step นี้ไม่ต้องถืออาวุธนะครับเพื่อการโจมตีที่รวดเร็ว และถึงโจมตี Miss เวทย์ที่ออกมากจาก Auto Spell และการ์ด Wind Ghost ก็ยังคงออกมาอยู่ดี[center][img=46009]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]โหดแบบนี้เวลากิลด์วอร์จะเอาไว้ดักเก็บหน้าประตูวาร์ปก็คงจะแสบน่าดู[/color][/center][b][color=green][size=3]ถือคทาหรือหนังสืออันไหนดีกว่ากัน ?[/b][/color][/size][p]Scholar จะมีสกิลที่เกี่ยวข้องการใช้หนังสืออยู่นั้นก็คือสกิล Book Mastery (เพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้หนังสือ) และตัวอาชีพ Scholar สามารถถือหนังสือได้ทุกชิ้น แต่ High Wizard กลับถือไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเทียบหนังสือกับไม้เท้า ไม่ว่าจะดูยังไงคทาก็ดีกว่าทั้งด้าน MATK ที่แรงกว่าแถมยังบวกสเตตัสมากกวาด้วยยกเว้นค่า STR แต่อาชีพเราก็ไม่ได้เน้นค่า STR มากอยู่แล้ว คทาที่แนะนำคือพวก Rod 4 slot, Surviver’s Rod 1 slot ธาตุต่างๆ เป็นต้น[center][img=46003]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][img=46004]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]เปรียบเทียบแล้วยังไงคทาก็น่าใช้กว่า[/color][/center][b][color=green][size=3]การเปลี่ยนธาตุ[/b][/color][/size][p]การเปลี่ยนธาตุมอนสเตอร์ให้เป็นธาตุดิน, น้ำ, ลม หรือไฟ ด้วยสกิลเควสต์ Elemental Charge นั้น เราจะต้องอัพสกิลเปลี่ยนธาตุอาวุธซะก่อน เช่น ถ้าเราต้องการเปลี่ยนมอนสเตอร์ให้เป็นธาตุไฟก็ต้องอัพสกิล Flame Launcher ที่มีความสามารถเปลี่ยนอาวุธให้เป็นธาตุไฟซะก่อน แล้วก็จะไปทำเควสต์ Elemental Charge เพื่อเปลี่ยนมอนสเตอร์ให้เป็นธาตุไฟได้ ซึ่งสกิลเควสต์นี้ทำได้ครั้งเดียว เท่ากับว่าสามารถเลือกเปลี่ยนมอนสเตอร์ได้แค่ 1 ธาตุ เท่านั้น ก็ตัดสินใจให้ดีว่าจะเปลี่ยนมอนสเตอร์ให้เป็นธาตุอะไร เพราะไม่สามารถเลือกได้อีกแล้ว (แนะนำให้เปลี่ยนมอนสเตอร์เป็นธาตุดิน) และสกิลเควสต์นี้จะไม่มีผลต่อผู้เล่นด้วยกัน จึงเป็นคำตอบว่าทำไมเรายังคงอัพท่า Stone Curse เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายให้เป็นธาตุดิน[b][color=green][size=3]การไปสดกิลด์วอร์ของ Sage[/b][/color][/size][p]ตอนที่ยังเป็น Sage ก็ยังคงเป็นการเล่นสายกาง Land Protector เหมือนกับของ Scholar ดังนั้นเทคนิคการเล่นจึงจะแทบไม่แตกต่างจากตอนเป็น Scholar เลย เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถเล่นสาย DEX + VIT ได้เพราะเราจะไม่มีสกิลที่ช่วยเพิ่ม MP อย่างเช่น Indulge, Soul Siphon, Soul Exhale จึงมีเพียงสายการเล่นเดียวที่เราเล่นได้คือ DEX + INT[b][color=darkred]การอัพค่าสเตตัส[/b][/color][p]อัพค่า DEX 99 เพื่ออาศัยการร่ายให้ไวกว่าพวก Wizard ส่วนค่า INT อัพแค่พอให้มีใช้ร่ายเวทย์สามารถอัพได้ตั้งแต่ 70-90 แล้วแต่ชอบที่เหลืออัดลง STR ให้หมดเพื่อทำน้ำหนักไว้แบกของ[center][img=46005]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]อยู่ในวง Land Protector Strom Gust ไม่ได้แอ้มหรอก[/color][/center][b][color=darkred]การอัพสกิล[/b][/color][p]การอัพสกิลจะเน้นพุ่งเป้าไปที่สกิล Land Protector เป็นหลักและอัพสกิล Stone Curse เอาเป็นท่าไม้ตายก้นหีบ หรือจะเลือกสกิล Frost Diver มาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยก็ได้แต่ต้องระวังพวกใส่การ์ดกันโดนแช่แข็งมาให้ดีๆ แต่ถ้าไม่คิดจะใช้ Frost Diver พ้อยท์ที่เหลือก็เอาไปอัพได้ตามอิสระเลยครับ – Increase SP Recovery 10- Fire Bolt 1- Lighting Bolt 1- Cold Bolt 5- Stone Curse 10- Frost Diver 9- Napalm Beat 7- Soul Strike 5- [b]Safety Wall 10[/b] – [b]Sight 1[/b]- Book Mastery 5- Magic Rod 1 – Spell Breaker 3 – Dispel 5 – Flame Launcher 2- Frost Weapon 2 – Lightning Loader 2 – Volcano 3 – Violent Gale 3 – Deluge 3 – [b]Land Protector 5[/b][color=olive][b]หมายเหตุ :[/b] สกิลช่วงคลาส Mage จะใช้ทั้งหมด 60 Point ซึ่งเราอาจจะต้องเล่นให้ Mage จ๊อบเลเวล 50 แล้วค่อยเอา Point ของ Sage มาไล่อัพเพื่อให้ครบตามสูตรข้างบน รวมแล้วใช้ Point ในการอัพทั้งหมด 93 Point เหลือ 5 Point (หรือจะเล่น Mage แค่จ๊อบเลวเล 45 ก็ได้)[/color][b][color=darkred]เทคนิคการเล่น[/b][/color][b][color=blue]• เชิงรุก :[/color][/b] การเล่นแบบแนวหน้านั้นจะต้องใส่การ์ด Marc Card (กันแข็ง) วิ่งเข้าประตูวาร์ป แล้วพยายามกาง Land Protector ให้ได้เพื่อเปิดทางให้กับแนวหลังเข้ามาสมทบ แล้วค่อยๆ เดินกาง Land Protector คุ้มครองจนกว่าจะถึงจุดที่ปลอดภัย (จุดปลอดภัยคือฆ่า Wizard Class ได้หรือเดินทะลุไปจนถึงประตูวาร์ปต่อไป)[p]การเล่นแบบแนวหลัง เราต้องคอยกาง Safety Wall ให้เพื่อนๆ แล้วใช้สกิล Sight เพื่อขุดหาพวกที่มุดดินคอยลอบกัด หากจังหวะเป็นใจใช้สกิล Stone Cruse ล็อกตัวเอาไว้ให้เพื่อนร่วมทีมสายทำดาเมจฆ่าซะ[b][color=blue]• เชิงรับ :[/b][/color] การเล่นในเชิงรับคอยใช้ Sigh ขุดหาพวกที่ชอบมุดมาตุ๋ยห้องหินอย่าง Assassin ไม่แนะนำให้อยู่คนเดียวเพราะถึงแม้ว่าจะขุดเจอตัวแล้ว แต่เราก็อาจจะถูกพวก Assassin ฆ่าตายได้ ดังนั้นขุดมาให้เพื่อนฆ่าจะดีกว่า แต่ถ้าจังหวะเป็นใจจะแช่ Stone Cruse ก็ได้เช่นกัน (โดยมาก Sage จะถูกมอบหมายให้เฝ้าห้องหินเป็นหลัก)[center][img=46006]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img][color=green]Sigh ขุดหาตัวให้เจอ[img=46007]//online-station.net/wp-content/uploads/2020/03/default-image.jpg[/img]จับแช่ Stone Curse ซะให้เข็ด[/color][/center][p]ก็หมดไส้หมดพุงของอาชีพ Scholar แล้ว ในส่วนของเทคนิคการเล่นสเต็ปต่างๆ เพื่อนๆ ก็สามารถนำไปฝึกฝนต่อได้ รวมไปถึงพวกสกิลต่างๆ ที่เราสามารถนำไปประยุกต์เป็นแนวทางตัวเองได้เช่นกัน ขอให้มีความสุขกับการเล่น Scholar นะครับ แล้วเจอกันครับ ^^/