Shin Megami Tensei เป็นซีรีส์เกมที่โด่งดังในหมู่ผู้เล่นเกม RPG จากญี่ปุ่นมาช้านาน โดยหากจำกันได้นี่คือซีรีส์รากฐานให้กับ Persona ได้สร้างที่สร้างทางของตัวเองอย่างแข็งแรงได้ในปัจจุบัน ขณะที่ตัวของมันเองก็ได้วางจำหน่ายภาค Shin Megami Tensei V หรือ ภาค 5 ไปเมื่อปี 2021 และได้รับผลตอบรับในเชิงบวกอย่างมาก
ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นการจำกัดเฉพาะกลุ่มอยู่ดี เพราะ Shin Megami Tensei V วางจำหน่ายเฉพาะบนเครื่อง Nintendo Switch เท่านั้น มีเกมเมอร์อีกจำนวนมาก (ซึ่งรวมถึงผมเอง) ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน แต่อย่างไรเสียแม้จะลงให้กับเครื่องเดียว Shin Megami Tensei V ก็สามารถทำยอดขายไปมากกว่า 1 ล้านชุดด้วยกัน ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
มาวันนี้ในปี 2024 เกือบๆ 3 ปีถัดมา Shin Megami Tensei V กลับมาขายอีกครั้งในชื่อ Shin Megami Tensei V: Vengeance ที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนจะเป็นการขายเกมเดิมแบบ Definitive Edition หรือ GOTY Edition อะไรแบบนี้ พร้อมกับลงให้กับพีซีและคอนโซลแทบทุกเครื่อง แต่ผมบอกเลยว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นมากในระดับที่แทบจะเป็นเกมใหม่ ซึ่งนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเกมนี้มาก่อนครับ
เนื้อเรื่อง
Shin Megami Tensei V จะเล่าเรื่องสงครามในฉากหลังของโตเกียวระหว่าง เทพและปีศาจ โดยที่มีมนุษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องและเกี่ยวข้องกับสงครามนี้ โดยที่ตัวเอกของเราจะเป็นคนที่จับพลัดจับผลูไปโผล่อีกมีติและได้พบกับ Aogami สิ่งมีชีวิตรูปร่างสูงใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ ซึ่งพวกเขาทั้งคู่จะรวมร่างกันก่อกำเนิดเป็นตัวตนที่ถูกเรียกว่า Nahobino และร่วมต่อสู้กันหลังจากนี้
นั่นคือเนื้อเรื่องคร่าวๆ ในส่วนของภาคต้นฉบับหรือ Canon of Creation แต่ในภาค Vengeance นั้นแม้โครงเรื่องจะคล้ายเดิม แต่ได้มีการเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามานั่นคือ Yoko Hiromine เด็กสาวปริศนาที่จะโผล่มาร่วมสู้กับเราตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของเกม รวมไปถึงศัตรูกลุ่มใหม่อย่าง Qadištu ซึ่งจะมีบทบาทและเส้นเรื่องที่สำคัญเอาการ
ความพิเศษคือเราสามารถเลือกเล่นได้ว่าจะเล่นในส่วนของ Canon of Creation หรือ Canon of Vengeance อยากได้อรรถรสที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับก็ไปอย่างแรก อยากได้เนื้อเรื่องที่ถูกบิดไปสู่ประเด็นใหม่ๆ และมีเรื่องราวที่เสริมเข้ามาก็เลือกอย่างหลัง ทำให้แม้แต่ผู้เล่นเก่าก็ยังรู้สึกว่าเซอร์ไพรซ์หรือสดใหม่ไปกับเกมได้ครับ ขณะที่ผู้เล่นใหม่ยิ่งคุ้มเลย เพราะแต่ละเนื้อเรื่องก็มีความยาวระดับ 60-80 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นแล้วหากเล่นให้ครบทุกคอนเทนต์ก็การันตี 150 ชั่วโมง+ แน่นอนจุกๆ กันไป
เสียง
ตัวเสียงพากย์มีให้เลือกเป็น English กับ Japanese ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามตัวเกมไม่ได้เป็นฟูลวอยส์ บทสนทนาภายในเกมก็จะเน้นใช้เท็กซ์เอาคล้ายๆ กับ Persona โดยที่เน้นการลงเสียงไปกับมูฟวี่ซิเนมาติคของเกมมากกว่า
ขณะที่เพลงจะเน้นความอีปิคคลาสสิค ไม่ได้เน้นความสมัยใหม่มากนัก ให้อารมณ์หม่นๆ หลอนๆ ในบางที ที่สำคัญคือตามสไลค์ค่ายนี้ก็จะมี Soundtrack หลายเพลงหน่อยครับฟังกันเพลินๆ ในส่วนนี้ถือว่าช่วยเสริมอารมณ์ระหว่างเล่นได้ดีทีเดียว
กราฟิกและเพอร์ฟอร์แมนซ์
ตัวเกมถูกพอร์ตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กราฟิกคมชัดเฟรมเรตไหลลื่นสุดๆ ไม่ใช่แค่ช่วงเกมเพลย์แต่ยังรวมถึงซิเนมาติคในหลายๆ ช่วงที่ดูดีขึ้่นจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมมากๆ ทั้งยังแทบไม่มีบั๊กใดๆ ให้กวนใจ นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ Vengeance ทำได้ดีมากที่สุด
แม้เท็กซ์เจอร์ฉากหลังอาจจะไม่ได้เน็กซ์เจนอะไรขนาดนั้น แต่พวกตัวละครหรือเหล่าปีศาจต่างๆ ก็คมชัดสมราคา ตัวเกมอาจไม่มีตัวเลือกกราฟิกให้ปรับแต่งมากมายอะไร แต่เนื้อแท้มันก็ไม่ใช่เกมที่กินสเปคอยู่แล้ว แถมเฟรมเรตสามารถปรับได้แต่แต่ 30, 60 ,120 หรือ Unlimited เล่นกันได้ลื่นๆ ไม่เสียอรรถรสแน่นอน
เกมเพลย์
Shin Megami Tensei V: Vengeance ถือเป็นเกมที่มีความเป็น RPG แบบดั้งเดิมสูงมาก เพราะตัวเกมเป็นเทิร์นเบสผลัดตากันตี มีการจัดทีมลงไปสู้ ศัตรูมีการแพ้ธาตุ และมีความ RNG อยู่ประมาณหนึ่งแต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด ตัวเกมยังมีระบบเฉพาะของซีรีส์นั่นคือการไล่เก็บมอนสเตอร์เพื่อเอามาผสมหรือเป็นพวก เพื่อสร้างทีมสุดแกร่งไว้สู้กับบอสตอนท้าย
ฉากของเกมก็ไม่ใช่โอเพ่นเวิร์ลแต่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้วิงเล่นให้สำรวจ หาเควสต์ต่างๆ ตามรายทาง แม้สำหรับคอเกมรุ่นใหม่มันอาจเป็นเกมที่ไม่ได้ดูเข้าถึงง่ายขนาดนั้น แต่ Shin Megami Tensei V: Vengeance ก็มีการปรับ Quality of life ของเกมมาแบบยกใหญ่นับร้อยรายการจากภาคดั้งเดิม เพื่อให้เกมสนุกขึ้น สะดวกขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แม้มันอาจไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องอะไรนัก แต่มันมีผลอย่างมากกับความติดลมลื่นไหลของผู้เล่นครับ อย่างเช่นแท่นเดินทางไวเดินทางลัด Magatsu Rails ที่ช่วยให้การวิ่งเควสต์สะดวกสบายขึ้น หรือ Innate skills อันเป็นความสามารถเฉพาะของมอนสเตอร์ชนิดนั้นๆ ที่จะทำให้ผู้เล่นมีทางเลือกในการต่อสู้สามารถวางแผนได้มากกว่าเดิม
สิ่งที่อาจมองว่าเป็นช้อสังเกตขอเพซของเกมที่นิ่งๆ ไม่ได้เร่งร้อน ไม่ได้เร้าให้เราออกวิ่งหรือเข้าสู้อะไร ซึ่งหากถือคุณเป็นเกมเมอร์ที่ชอบความฉับไวก็อาจจะทนเล่นมันได้ไม่นานครับ
สรุป
Shin Megami Tensei V: Vengeance ถือเป็นอีกหนึ่งเกม RPG คุณภาพแห่งปี ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้เล่นใหม่ แต่ผู้เล่นเก่าก็จะได้สัมผัสกับเนื้อเรื่องที่อาจจะเคยคุ้นแต่มีความผิดแปลกไป นับรวมไปถึงระบบการเล่นชวนติดหนึบหากคุณชอบเทิร์นเบส และการปรับปรุงพร้อมกับอัดของใหม่เข้าไปเป็นกระบุงโกยของทีมพัฒนาที่ทำงานเกินการเป็น Definitive Edition ของเกมไปเยอะเลย กับเกมที่ตั้งใจทำขนาดนี้ กดราคาไหนก็คุ้มครับ
Shin Megami Tensei V: Vengeance มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 14 มิถุนายนนี้ บนเครื่อง PC, PS4/5, Xbox Seeries และ Switch ครับ
VERDICT
9/10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station