ในช่วงขวบปีหนึ่งเรามักเห็นกระทู้ที่ถามกันง่ายๆ สนุกๆ ทำนองว่า “พรี่ จอห์น วิค กับลุง แมคคอล นี่ใครโหดกว่ากันครับ?” เพราะเวลานั้นเป็นช่วงที่ภาพยนตร์แนวแอคชั่นซึ่งมีพระเอกสไตล์ยอดยุทธ์เร้นกายออกมามากพอสมควร และ John Wick กับ Equalizer ภาคแรกก็เริ่มมีชื่อเสียงในเวลาไล่เลี่ยกันในฐานะนักฆ่าหมาตายและมือสังหารโฮมโปร
เวลาผ่านไป John Wick ภาคหลังๆ ขึ้นแท่นเป็นหนังแอคชั่นระดับทรงคุณค่า ขณะที่ Equalizer ของเฮียแดนเซลติดหล่มความเจ๋งภาคแรกของตัวเอก เพราะหนังภาค 2 ไม่สามารถไปถึงระดับเดิมได้ และชื่อของลุงแมคคอลก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากทำเนียบพระเอกเก่งฉกาจ
ว่าแล้วภาค 3 ก็ถูกเข็นมาเพื่อตอกย้ำความคงอยู่ของตัวละครนี้ไปพร้อมภาคปิดฉากอย่างงามๆ แต่อนิจจาจะปิดตำนานทั้งทีดันรู้สึกว่ามันธรรมดาราบเรียบเกินกว่าจะจดจำเสียอย่างนั้น
ภาคนี้จะเล่าเรื่องของลุงแมคคอลที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ได้ชาวเมืองเล็กๆ ช่วยเอาไว้ ซึ่งระหว่างรักษาตัวเองเขาก็เกิดตกหลุมรักเมืองนี้ขึ้นมา ทว่าเมืองนี้ก็ดันมีมาเฟียที่พัวพันกับแก๊งค้ายาข้ามชาติคอยรังควานชาวบ้านอยู่ ซึ่งมันจะเกิดอะไรขึ้นก็คิดว่าหลายๆ คนอาจจะเดากันได้
เรื่องความเรียบง่ายของพล็อตมันคงไม่ถูกพูดถึงหาก The Equalizer 3 สามารถทำสิ่งที่มันทำได้ดีให้ออกมาโดดเด่น ซึ่งช่วงแรกๆ มันก็ดูมีศักยภาพ แถมการเล่าเรื่องพร้อมซ้อนปมอีกชั้่นก็ทำได้ดี บิลด์ความรู้สึกของผู้ชมให้ค่อยๆ ไต่ระดับได้อย่างน่าสนใจ… เพื่อมาตายในตอนปฏิบัติจริง เหลือจะเชื่อ!
ฉากแอคชั่นในห้างขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในภาคแรกนั้นเป็นอะไรที่ตรึงใจสุดๆ แล้วของภาพยนตร์ซีรีส์นี้ และเราก็คาดหวังความเด็ดเดือดยิ่งกว่านั้นหรืออย่างน้อยๆ ก็ใกล้เคียงในภาคจบของมัน
แต่ท้ายสุดกลับเป็นความธรรมดาๆ ไม่หวือหวาอะไร ผู้ร้ายก็แพ้ง่ายแบบไม่มีก๊อก 2 ก๊อก 3 อะไรเลย ซีนแอคชั่นใหญ่ๆ มีแค่ 2 ซีนแค่ต้นเรื่องกับท้ายเรื่องทั้งไม่มีความพิเศษใดๆ เหมือนจบแล้วก็จบไปยังไงยังงั้น
ทั้งๆ ที่ช่วงไม่มีแอคชั่นก็ทำได้ดี ทั้งในพาร์ทการถ่ายทอดชีวิตสงบสุขหรือการสืบสวนของทีมน้อง ดาโกต้า แฟนนิ่ง ที่ค่อยๆ ดำเนินไป คือทั้งเรื่องทำเหมือนจะมีอะไรแต่ก็ไม่มีอะไร บิลท์มาอย่างดีแต่ดันล่มปากอ่าว จบไปแบบมึนๆ อึนๆ
คือที่จริงแล้วจะมาเวย์นี้ก็ไม่ผิดหรอก แต่เราๆ น่าจะอยากได้ซีนแอคชั่นที่ตื่นตากับครีเอตกว่านี้หน่อย อันนี้มันดูง่ายไปหมดไม่ว่าจะการดีไซน์หรือผลลัพท์ต่างๆ ภายในหนัง
The Equalizer 3 เป็นหนังที่ผมค่อนไปทางชอบอยู่แล้วจนกระทั่งท้ายเรื่องที่อาจไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีสมการบิลท์หรือความคาดหวัง บางทีกำแพงความเจ๋งของภาคแรกมันคงสูงเกินที่ทีมสร้างจะพยายามตะกายปีนป่ายหลังขยับพลาดจนร่วงมาแล้วรอบหนึ่ง
แต่หากคุณเป็นแฟนหนังที่อยากดูแอคชั่นง่ายๆ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนไล่อารมณ์ขณะเล่าได้ดี และไม่คาดหวังซีนบู๊ที่เด็ดดวงอะไร The Equalizer 3 ก็ยังเป็นหนังที่สามารถดูให้สนุกได้ครับ
พิสูจน์ได้ด้วยตาตัวเองวันนี้กับ The Equalizer 3 ในโรงภาพยนตร์ครับ
VERDICT
6/10
ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/booking2/search_showtime/movie=2069
ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม
ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station