หูฟังเกมมิ่งเป็นอีกหนึ่ง Gaming Gears ที่ขาดไม่ได้ของชาวเกมเมอร์ และในปัจจุบันก็มีหูฟังเกมมิ่งไร้สาย หรือ Wireless Headphone ออกมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น ทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ และดีไซน์สวยงาม หูฟังไร้สายจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ใช้ยอมจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายในการใช้งาน ผู้ที่กำลังลังเลและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเลือกซื้อหูฟังไร้สายรุ่นไหนดี เราจึงได้รวบรวม 10 หูฟังเกมมิ่งไร้สาย Wireless Headphone รุ่นไหนดี 2023 มาไว้เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อหูฟังไร้สายของทุกคน
10 หูฟังเกมมิ่งไร้สาย Wireless Headphone 2023
1. Razer BlackShark V2 Pro
Razer BlackShark V2 Pro มาพร้อมกับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 50 มม. ที่มีระบบ TriForce Titanium ที่ออกแบบมาเพื่อให้เสียงคมชัดและมีความลึก ช่วยเพิ่มประสบการณ์เสียงในเกม รองรับเทคโนโลยี THX Spatial Audio เพื่อสร้างประสบการณ์เสียง 7.1 สามารถเชื่อมต่อไร้สายโดยใช้เทคโนโลยี HyperSpeed ของ Razer ซึ่งมีความเร็วและความเสถียรสูง ทำให้คุณสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในระยะห่างสูงสุดถึง 12 เมตร รองรับการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม (PC, Mac, PlayStation, Xbox, Nintendo Switch) อีกทั้งแบตเตอรี่ยังมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน
ข้อดี
– คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมจากเทคโนโลยี THX Spatial Audio
– การเชื่อมต่อไร้สาย HyperSpeed Wireless
– รองรับการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม
ข้อควรระวัง
– ราคาสูง
– ขนาดและน้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับหูฟังอื่น ๆ
2. ASTRO A50
ASTRO A50 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Dolby Digital 7.1 Surround Sound ให้ประสบการณ์เสียงที่เสมือนจริง การเชื่อมต่อไร้สายใช้ระบบการส่งสัญญาณแบบ 5 GHz ซึ่งมีความเสถียรและความเชื่อมต่อที่คงที่ และเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณได้โดยมีหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถปรับขนาดและรูปทรงให้เข้ากับการสวมใส่ มีการเชื่อมต่อแบบออปติคอลสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ และยังรองรับการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม (PlayStation 4/5, PC/Mac, Xbox Series X/S, Xbox One, Nintendo Switch)
ข้อดี
– ระบบเสียง Dolby Audio 7.1 Surround Sound
– การปรับแต่งเสียงและการควบคุมระดับเสียงในตัวหูฟังเอง
– รองรับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
ข้อควรระวัง
– ราคาสูง
– ขนาดและน้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับหูฟังอื่น ๆ
3. SteelSeries Arctis 9 Wireless
SteelSeries Arctis 9 Wireless มาพร้อมกับเทคโนโลยี Lossless 2.4 GHz ที่ให้เสียงคุณภาพและความละเอียดสูง มีการเชื่อมต่อแบบไร้สายโดยใช้เทคโนโลยี 2.4 GHz ที่มีความเสถียรและสัญญาณที่มีความเสถียรสูง รองรับระบบเสียง Surround 7.1 สามารถควบคุมเสียงบนหูฟัง และมีฟังก์ชั่นปรับแต่งเสียงต่าง ๆ เช่น ปรับระดับเสียงแยกตามช่องทางได้ มีแบตเตอรี่ที่สามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง
ข้อดี
– คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมจากเทคโนโลยี Lossless 2.4 GHz
– มีไมโครโฟนที่สามารถพับลงได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
– รองรับระบบเสียง Surround 7.1
ข้อควรระวัง
– ราคาสูง
– มีขนาดที่ใหญ่ ไม่สะดวกต่อการพกพา
4. EPOS H3PRO Hybrid
EPOS H3PRO มาพร้อมกับไดรเวอร์คุณภาพสูงที่ให้เสียงที่ละเอียดและคมชัด วัสดุที่ใช้มีโครงสร้างที่เบาและรองรับน้ำหนักได้ดี ทำให้สวมใส่สบาย มีเทคโนโลยี Dual Wireless ทำให้สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายและใช้สาย รองรับระบบเสียง Surround 7.1 และมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 37 ชั่วโมง
ข้อดี
– สามารถเชื่อมต่อไร้สายและใช้สายได้
– แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 37 ชั่วโมง
– วัสดุมีน้ำหนักเบาและปรับเข้ากับศีรษะได้ดี
ข้อควรระวัง
– ไม่มีไฟ RGB
5. Razer Hammerhead True Wireless 2nd Gen
Razer Hammerhead True Wireless 2nd Gen เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ให้เสียงคุณภาพสูงกับไดรเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ 13 มิลลิเมตร มีการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 ที่มีระยะการเชื่อมต่อได้ไกลและมีความเสถียรภาพสูง ออกแบบให้พับเก็บและพกพาได้ง่าย หูฟังมาพร้อมกับการควบคุมแบบสัมผัสบนซีกหูซ้าย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเปิดหรือปิดเสียง สลับเพลง หรือรับสายโทรศัพท์ได้โดยง่ายผ่านการแตะหูฟัง มีเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน CVC สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้โดยใช้เคสชาร์จเสริม
ข้อดี
– การใช้งานที่สะดวกสบายและพกพาง่าย
– มีการควบคุมแบบสัมผัส
– การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่มีเสถียรภาพสูง
ข้อควรระวัง
– แบตเตอรี่น้อยเมื่อเทียบกับหูฟังรุ่นอื่น ๆ
– ไม่สามารถปรับแต่งเสียงแบบละเอียดได้
6. Logitech G733
Logitech G733 มาพร้อมกับดีไซน์ทันสมัย สวยงาม มีให้เลือก 2 สี คือขาวและดำ และสามารถปรับแต่งสายคาดได้อีกด้วย มีไดรเวอร์ Pro-G ขนาด 40 มิลลิเมตรที่ให้เสียงที่คมชัดและรายละเอียดสูง ใช้การเชื่อมต่อแบบ LIGHTSPEED ที่ให้ความเร็วและเสถียรภาพสูงสุดในการเชื่อมต่อไร้สาย สามารถปรับแต่งแสง RGB ได้อย่างอิสระ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 29 ชั่วโมง
ข้อดี
– การเชื่อมต่อแบบไร้สายและเสถียรภาพสูง
– ปรับแต่งแสง RGB ได้อย่างอิสระ
– สามารถออกแบบและสร้างสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ได้
ข้อควรระวัง
– ไม่มีระบบเสียงสเตอริโอแบบสังเคราะห์ในหูฟัง
7. Corsair HS80 Wireless
Corsair HS80 Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งที่รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos สำหรับประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่มีความคมชัดและสมจริง มีการเชื่อมต่อแบบ SLIPSTREAM WIRELESS ที่ให้เสถียรภาพสูงและความล่าช้าต่ำ มีไมโครโฟนออดิโอแบบคู่ที่สามารถตั้งค่าแบบไดนามิกได้ วัสดุมีความทนทานและน้ำหนักที่เบา จึงสามารถสวมใส่เป็นระยะเวลานานได้ดี
ข้อดี
– รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos
– ใช้การเชื่อมต่อแบบ SLIPSTREAM WIRELESS
– ไมค์ออดิโอแบบคู่ที่สามารถปรับแต่งได้
ข้อควรระวัง
– ราคาสูง
8. Asus ROG Delta S
Asus ROG Delta S ใช้ไดรเวอร์เสียง Hi-Res ESS สองชิ้นที่ให้เสียงที่คมชัดและละเอียด รองรับเทคโนโลยี MQA (Master Quality Authenticated) สำหรับการเล่นเสียงคุณภาพสูง สามารถใช้งานได้ทั้งแบบไร้สายและใช้สาย USB-C มีซอฟต์แวร์ Armory Crate ที่ให้คุณปรับแต่งการตั้งค่าเสียงได้อย่างอิสระ รวมถึงการปรับแต่งเอฟเฟกต์สเตอริโอแบบสดในเกม สามารถใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม (PC/macOS, Nintendo Switch, PlayStation 5) วัสดุที่ใช้มีความทนทานและคุณภาพสูง
ข้อดี
– รองรับการใช้งานหลากหลายแพลตฟอร์ม
– รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายและสาย
– สามารถปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระ
ข้อควรระวัง
– ราคาสูง
9. Logitech G Pro X
หูฟังที่เหล่าโปรเพลย์เยอร์เลือกใช้ Logitech G Pro X Wireless มาพร้อมกับไดรเวอร์ Pro-G 50 มิลลิเมตร ที่ให้เสียงที่ละเอียดและคมชัด สามารถเชื่อมต่อไร้สายแบบ 2.4 GHz และยังมีเทคโนโลยี Blue VO!CE ที่ให้คุณภาพเสียงไมค์ที่เหนือชั้น มีซอฟต์แวร์ Logitech G HUB ที่ให้คุณปรับแต่งหูฟังของคุณได้อย่างอิสระ Logitech G Pro X Wireless ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมมืออาชีพและนักกีฬา eSports มีการปรับแต่งให้สามารถใส่หูฟังได้ตามต้องการและมีสายไมค์ที่สามารถถอดออกได้
ข้อดี
– มีเทคโนโลยี Blue VO!CE
– การเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียรและคุณภาพสูง
– ปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย
– มีน้ำหนักเบา
ข้อควรระวัง
– ไม่มีไฟ RGB
10. SteelSeries ARCTIS 7P+
SteelSeries Arctis 7P+ เป็นหูฟังไร้สายที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมบนเครื่องเกม PlayStation 5 และ PlayStation 4 โดยเฉพาะ ให้เสียงคุณภาพสูงโดยไดรเวอร์ 40 มม. รองรับเทคโนโลยี DTS Headphone:X v2.0 ที่ให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางแบบสมจริง มีเสาอากาศแบบคู่ที่ออกแบบมาเพื่อให้สัญญาณและการเชื่อมต่อที่เสถียรภาพ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และมีซอฟต์แวร์ SteelSeries Engine ที่สามารถปรับแต่งการตั้งค่าเสียงได้อย่างอิสระ รวมถึงการปรับแต่งอีควอไลเซอร์แบบสดในเกม แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุดถึง 24 ชั่วโมง
ข้อดี
– เสียงคุณภาพสูงและสมจริง
– สามารถปรับแต่งการตั้งค่าเสียงได้อย่างอิสระ
– อายุแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
ข้อควรระวัง
– รองรับเฉพาะ PlayStation 5 และ PlayStation 4 เท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ หูฟังเกมมิ่งไร้สาย Wireless Headphone รุ่นไหนดี 2023 ที่เราได้นำมาแนะนำในวันนี้ เรียกได้ว่าทุกแบรนด์ ทุกรุ่นนั้นก็มีข้อดีและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเลือกซื้อหูฟังที่ถูกใจ และครอบคลุมการใช้งานของเราจะดีที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูล: TOP 5: Best Wireless Gaming Headset 2023 – YouTube
Best Wireless Gaming Headset of 2023 | The 5 Best Wireless Headsets Review – YouTube
ติดตามเทรนอุปกรณ์เกมมิ่งอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station