The Callisto Protocol เป็นเกมแนวแอ๊กชั่นสยองขวัญจากอดีตทีมผู้สร้าง Dead Space ตัวเกมจะนำเสนอรูปแบบการเล่นที่ท้าทาย มีระบบการต่อสู้ทั้งในระยะประชิดและระยะไกล กราฟิกสาวยงามสมจริง และทีมงานกล่าวว่าตัวเกมจะเน้นความสยองขวัญเอาตัวรอด เชื่อว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนรอคอยที่จะสัมผัสประสบการณ์สยองขวัญในห้วงอวกาศที่หาได้ยากยิ่ง และก่อนที่จะได้ไปสัมผัสกับตัวเกม ทางทีมงาน Online Station ขอรวม 10 ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนการเล่นเกม The Callisto Protocol กันครับ
1. เนื้อหาภายในเกม The Callisto Protocol
เรื่องราวภายในเกม The Callisto Protocol นั้นจะกล่าวถึงปี 2320 ผู้จะได้รับบทเป็น Jacob Lee นักโทษชายที่ถูกส่งไปยังคุก Black Iron Prison ที่อยู่บนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีที่มีชื่อว่า Callisto แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อเหล่านักโทษกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด ทำให้ Jacob จำเป็นต้องเอาตัวรอดและพยายามหนีออกมาจากคุก Black Iron Prison ให้ได้ นอกจากนี้เขาจำเป็นต้องค้นหาความลับที่น่าสะพรึงของเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย
2. เบื้องหลังทีมพัฒนาเกม The Callisto Protocol
ตัวเกม The Callisto Protocol นั้นพัฒนาโดยทีมงาน Striking Distance Studios (อยู่ภายใต้ของ Krafton/PUBG อีกที) ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2019 โดยคุณ Glen Schofield เป็นหัวเรือใหญ่คอยนำทัพ พวกเขาเป็นอดีตทีมผู้สร้างเกมสยองขวัญที่ยังคงเป็นตำนานอย่าง Dead Space นั่นเอง ดังนั้นทำให้เรามั่นใจได้ว่าเกมนี้จะไม่ทำให้เหล่าแฟน ๆ เกมสยองขวัญผิดหวังได้อย่างแน่นอน!
3. เกมเพลย์สุดมันส์
The Callisto Protocol นำเสนอรูปแบบการเล่นในมุมมองบุคคลที่สามที่มีความคล้ายคลึงกับ Dead Space ตัวเอกภายในเกมสามารถโจมตีศัตรูในระยะใกล้ด้วยกระบองไฟฟ้า แถมยังสามารถเอี้ยวตัวหลบการจู่โจมของศัตรูบางประเภทได้อีกด้วย ศัตรูภายในเกมก็มีความหลากหลาย ทั้งโจมตีเราได้ในระยะใกล้หรือระยะไกล เชื่อได้ว่าทางทีมงานจะนำเสนอรูปแบบการเล่นสุดมันส์ผสมกับความสยองขวัญออกมาได้อย่างลงตัว
4. อาวุธและระบบอัปเกรด
หากใครที่ติดตามดูพวกเทรลเลอร์ใหม่ ๆ ที่ทางทีมงานนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องจะพบว่าในตอนแรก ๆ นั้น Jacob Lee ใส่ชุดแบบธรรมดา แต่หลังจากนั้นเขาจะเปลี่ยนไปใส่ชุดเกราะทรงประสิทธิภาพ นั่นเเสดงถึงว่าภายในเกมจะมีการอัปเกรดพวกอาวุธหรือชุดเกราะอย่างแน่นอน!
5. มี Achievement ที่ต้องดูทุกฉากการตายถึงจะปลดได้
ตัวเกมจะมีรูปแบบการตายที่หลากหลายที่มาพร้อมกับ Achievement ที่จะปลดล็อกได้ด้วยการดูฉากการตายให้ครบทุกฉากด้วย โดยคุณ Mark James หนึ่งในทีมงานผู้พัฒนาเกมได้กล่าวว่า “มันกลายเป็นลายเซ็นของเราไปแล้วครับ เรามีการตายที่เป็นลายเซ็นในทุกตัวอย่างที่ปล่อยออกไป เราไม่ต้องการให้คุณคิดว่าการตายมันคือการลงโทษ แต่มันคือเวลาที่คุณจะได้เรียนรู้ว่าทำอะไรผิดพลาด และมันก็เป็นความบันเทิงเชิงหยิกแกมหยอกอะไรประมาณนั้นมากกว่า”
6. ระยะเวลาในการเล่น
คุณ Glen Schofield หัวเรือของทีมพัฒนา Striking Distance Studios ได้ออกมากล่าวถึงความยาวของตัวเกมว่าผู้เล่นสามารถเล่นเกมนี้จบโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 12-14 ชั่วโมง แต่เนื่องจากตัวเกมนั้นมีทางเลือกที่หลากหลาย พร้อมความลับมากมายที่รอการสำรวจ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 14 ชั่วโมงเพื่อการเล่นเกมจบแบบ 100 เปอร์เซนต์
7. ตัวเกมไม่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น
Striking Distance Studios ได้แถลงผ่านทางทวิตเตอร์ว่าทีมงานไม่ได้เดินหน้าในการวางจำหน่ายเกม The Callisto Protocol ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เนื่องจากไม่ผ่านการพิจารณาจากณะกรรมการเรตติ้ง CERO ของญี่ปุ่น ที่ต้องการให้เกมมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพื่อให้เหมาะสม ซึ่งทางทีมงานไม่อยากเปลี่ยนเนื้อหาในเกมเพราะอาจจะทำให้ผู้ทำใหู้เล่นได้รับประสบการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยผู้ที่สั่งจองเกมล่วงหน้าในประเทศญี่ปุ่นก็จะได้รับการคืนเงินให้เต็มจำนวน
8. ราคาบน Steam
The Callisto Protocol ที่จะวางจำหน่ายบน Steam นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชั่น ดังนี้
The Callisto Protocol – Day One Edition ราคา 1,490 บาท
The Callisto Protocol – Digital Deluxe Edition ราคา 1,990 บาท
เพื่อน ๆ สามารถสั่งซื้อเกมได้ล่วงหน้าบน Steam ได้ที่ลิงค์ store.steampowered.com
9. มีคอนเทนต์เสริมรองรับตัวเกมไปอีก 1 ปีหลังเกมวางขาย
คุณ Mark James ตำแหน่ง CEO ของสตูดิโอ Striking Distance ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ทางทีมผู้พัฒนาจะสนับสนุนตัวเกมถึง 1 ปีเต็ม ๆ และจะมีพวก DLC เพิ่มเติมเข้ามาแน่นอน ซึ่งมันจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่พร้อมจะมาเล่าเพิ่มเติม
10. กำหนดและแพลตฟอร์มการวางจำหน่าย
The Callisto Protocol มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 2 ธันวาคม 2022 บนเครื่อง PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC
เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของตัวเกมเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ callisto.sds.com กันได้เลยครับ
อ่านข่าวเกมคอนโซลเพิ่มเติมได้ที่นี่ Online-Station.Net สื่อเกมและอนิเมะอันดับ 1 ของไทย