อีเรียมซิ่ง เป็นภาพยนตร์ไทยซึ่งอันที่จริงต้องเข้าฉายไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นๆ แต่เพราะพิษ Covid-19 ทำให้ต้องเลื่อนฉายมาจนป่านนี้ และกลายเป็นงานภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของพี่โรเบิร์ต สายควัน ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ และหากใครกำลังมองหางานที่จะรับชมเพื่อ Tribute ให้แก อีเรียมซิ่งก็สามารถเป็น 1 ในตัวเลือกนั้นได้อย่างไม่ยากไม่เย็น แต่ถ้าจะไปดูเอาสนุก เอาบันเทิงตามที่หน้าหนังได้โฆษณาไว้… อีเรียมซิ่งก็ยังเป็นคำตอบที่ใช่อยู่ดี เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยฮาจัดส่งท้ายปีที่สามารถไปดูกันได้โดยไม่ติดขิดตะขวงใดๆ
อีเรียมซิ่ง เป็นผลงานกำกับลำดับที่ 4 ของผู้กำกับ “ตุ๋ย” พฤกษ์ เอมะรุจิ ถัดจาก ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ และ ไบค์แมนทั้ง 2 ภาค ซึ่งส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าแกเป็นเหมือน Legacy ของ “ยอร์ช” ฤกษ์ชัย พวงเพชร อดีตผู้กำกับดังที่ตอนนี้ก็นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ค่าย “รฤกษ์” ซึ่งทำหนังเรื่องนี้นี่แหละ เนื่องจากพวกจังหวะยิงมุกหรือการคัทฉากเพื่อให้เกิดเป็นซีนลั่นๆ ขึ้นมานี่คล้ายสไตล์ของคุณยาร์ชสมัยทำหนังซีรีส์ “ส่ายหน้า” มากๆ และด้วยความที่ผมค่อนข้างซื้อมุกสไตล์นี้อยู่พอสมควร เลยค่อนข้างไฮป์ตอนไบค์แมนภาคแรกมากๆ แม้ภาค 2 จะดรอปมาหน่อยแต่ในภาพรวมผู้กำกับพฤกษืก็ยังไม่สิ้นเครดิตในสายตาผมนัก และผมยินดีจริงๆ ที่อีเรียมซิ่งเหมือนเป็นงานคืนฟอร์มเบาๆ ของแกอีกครั้ง แม้เนื้อเรื่องกับพล็อตจะธรรมดาไปหน่อย แต่การเล่าเรื่องที่จงใจให้คอนทราสต์กับยุคสมัยและการรัวมุกจากดาวตลกและดาราสายฮาระดับแถวหน้าของเมืองไทย ก็ช่วยให้อีเรียมซิ่งกลายเป็นเมนูธรรมดาที่อิ่มอร่อยไปโดยปริยาย
ตัวหนังเล่าเรื่องของ “อีเรียม” (เบลล่า) หญิงสาวห้าวเป้งตัวแสบผู้อิจฉาพี่สาวที่เพียบพร้อมความเป็นกุลสตรีจนทำให้เป็นที่นิยมในหมู่บ้าน ทว่าวันหนึ่งก็มีโจรร้ายมาล่าตัวเธอเพื่อไปทำพิธีกรรมชีวิตอมตะ พี่สาวและครอบครัวเสียสละให้เธอหนีไป แต่อีเรียมผู้ไม่เคยหนีปัญหาก็เลือกทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม การผจญภัยสุดอันตรายของเธอและชาวแก๊งค์จึงเริ่มต้นขึ้น
ถึงผมจะเฉยๆ ค่อนไปทางหน่ายๆ พล็อตหลัก รวมไปถึงจริตความเป็นหนังแบบไทยๆ อยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเซ็ตติ้งตัวละครของอีเรียมและพี่สาว “อีแรม” ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้ง 2 ตัวละครมีด้านคอนทราสต์ของความเป็นมนุษย์ รายแรกแม้จะขี้อิจฉาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดี ส่วนรายหลังถึงจะเป็นคนเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ แต่เวลาที่น้องสาวขอให้ทำอะไรก็เต็มที่กับมันเสมอแม้ว่าจะขัดกับภาพลักษณ์ก็ตาม
ตัวผู้แสดงอย่าง เบลล่า และ แพท เองก็ทำได้ดีกับบทบาทตัวละคร โดยเฉพาะรายแรกคือไปสุดมากๆ แม้ว่าจะเป็นหนังตลก แต่ก็ได้โชว์พลังความเป็นนักแสดงคุณภาพอยู่หลายฉากเลย มีทั้งฉากที่ต้องรั่ว ฉากที่ต้องสวย สักพักต้องเล่นให้เป็นมีม คือมาทุกบทบาทจนคนดูก็รู้สึกว่าเออ “นักแสดง” มันต้องแบบนี้ เข้าถึงในทุกบทบาทที่แท้ทรู ถ้าเบลล่าได้เข้าชิงรางวัลจากบทบาทอีเรียมนี่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เอาจริงๆ
ขณะที่สมทบหลักของเรื่องอย่างแก๊งค์ 3 ดาวดำ พี่โรเบิร์ต, พี่บอล และ น้าค่อม ก็ปล่อยพลังกันอย่างเต็มที่ บอกเลยว่าไม่มี 3 คนนี้เรื่องจะกร่อยจัดๆ ทุกฉากที่โผล่มาจะต้องมีอย่างน้อย 1 ฮา นอกจากนี้ทั้ง 3 คนยังถูกเซ็ตคาแรคเตอร์มาพาโรดี้ภาพยนตร์ฮีโร่มาร์เวลชัดเจน คนหนึ่งถือค้อน คนหนึ่งถือโล่ อีกคนเป็นหมอ ทำให้หลายๆ ครั้งแค่เห็นเข้าฉากก็ขำแล้ว ยังไม่รวมมุขแซวตัวละครต้นตำรับที่รู้แหละว่าจะเล่นแน่ๆ แต่ก็หัวเราะลั่นอยู่ดี
ในส่วนของพี่โรเบิร์ตกับบทบาทเรื่องนี้คือจะมาแนวตัวตบมุขท้ายสุด เห็นแล้วก็คิดถึงความเฮฮา และความตลกธรรมชาติที่แค่พูดประโยคธรรมดาก็สามารถฮาได้ ในหมู่ตัวละครสบทบต้องบอกว่าโด่นเด่นมากๆ ถึงได้บอกว่าหากใครอยากจะมาดูภาพยนตร์เพื่อ Tribute แกก็โอเคมากครับ Remind ถึงบทบาทแกในวงการได้เป็นอย่างดีเลย แฟนๆ น่าจะคิดถึงกัน
อีกเรื่องที่ช่วยยกระดับความธรรมดาให้ดูมีคลาสขึ้นอีกขั้นคือการเลือกจะเล่าเรื่องด้วยบริบทที่เป็นปัจจุบัน อันเป็นการจงใจให้ตัวหนังดูมีความคอนทราสต์เพิ่มความน่าสนใจ กล่าวคือตัวหนังดำเนินเรื่องในยุคเก่าๆ ทั้งยังมีความเป็นต่างจังหวัดและภูธรสูง แต่การพูดการจากลับเป็นประโยคที่จงใจให้ดูไม่เก่า รวมถึงการล้อศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่าง มโหรีบีทบ็อกซ์ หรือ ค้อนของตัวละครน้าค่อม เป็นต้น
อีเรียมซิ่ง จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการคัด Cast ได้ถูกต้อง พุท อะ ไรต์ แมน ออน อะ ไรต์ จ็อบ แล้วคุณจะ พุท ยัวร์ แฮนด์ส อัพ เพราะทีม Cast ที่ยอดเยี่ยมและเข้าขา เมื่อมาผนวกกับสไตล์การเล่าเรื่องที่แปลกต่างและการคัทมุกที่มีลายเซ็นต์ชัดเจนก็สามารถช่วยยกระดับให้หนังพล็อตธรรมดาๆ ดูมีจุดขายและความโดดเด่นได้ แม้จะมีบางช่วงที่ดรอปไปบ้างจนดูไม่ลื่นไหลนัก แต่คือโดยรวมแล้วหนังมันสนุกมันตลกไง แถมยังมีเซอร์ไพรส์พล็อตทวิสต์เล็กๆ ตอนท้ายให้ได้ฮือฮากันอีก เท่านี้ก็พอตอบสนองความเป็นหนังเพื่อความบันเทิงได้แล้วครับ