The Witcher กับสิ่งที่ชาวเกมไม่ถูกใจในเวอร์ชั่นซีรีส์
แม้ The Witcher ในตอนนี้จะได้รับเสียงชื่นชมในหลายๆ ด้าน แต่สำหรับชาวเกมที่เคยเล่น The Witcher มาก่อน ก็มีหลากหลายความเห็นบ้างก็ชอบบ้างก็ไม่ชอบแล้วแต่คนกันไป แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องภายในซีรีส์ที่เหล่าคนเล่นเกมจะต้องรู้สึกขัดใจกันเกือบทุกคนแบบไม่ได้นัดหมาย งานนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสิ่งที่เหล่าชาวเกม The Witcher ไม่ชอบในฉบับซีรีส์บน Netflix นั้นมีอะไรกันบ้าง
หน้าตาตัวละครนักแสดง
หน้าตาของตัวละครนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างนึงเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนอาจจะไม่คิดอะไรมาก แต่คนที่เคยเล่นมาแล้วมักจะคุ้นชินกับหน้าของตัวละครในเกมเสียมากกว่า และการที่ต้องมาเห็นภาพตัวละครของเราที่ชวนผิดหวังในฉบับซีรีส์ก็ทำเอาแทบใจสลายได้เช่นกัน ซึ่งตัวละครที่คนพูดถึงกันมากที่สุดนั้นมีดังนี้
Triss
สาวจอมเวทย์ผมแดงซึ่งเป็นอีกหนึ่งคู่รักของ Geralt โดยในเกมเธอจะมีบทบาทเด่นในภาค 2 และ 3 ซึ่งจากจุดเด่นตรงสีผมและหน้าตาที่สวยงามของเธอทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่คนชอบมากเช่นกัน แต่กลับกันในซีรีส์ Triss ได้ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ ด้วยสีผมที่อิงจากฉบับนิยาย (Chestnut) ซึ่งจะออกน้ำตาลแดงมากกว่า แต่ที่หนักใจสุดคืองาน Costume ของฉบับซีรีส์ที่ทำเอา Triss ดูแก่มาก และดูไร้ความเป็นแม่มดสาวสุดสวยแบบเต็มประดา ทำเอา Triss มักจะถูกยกมาเป็นหัวข้ออันดับ 1 ในประเด็นนี้ตลอด
Fringilla
อีกหนึ่งจอมเวทย์สาวที่คนเล่นเกมมาต้องมึนงงไปตามๆ กัน (รวมไปถึงคนที่อ่านนิยาย) เพราะงานนี้ตัวเธอกลับกลายเป็นสาวผิวสีไปซะอย่างงั้น แม้ในฉบับนิยายจะไม่ได้พูดถึงสีผิว แต่ก็มีพูดถึงสีดวงตาซึ่งเป็นสีเขียว ก็ไม่มีในซีรีส์เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำเอาคนเล่นเกมมาก่อนขัดใจอย่างมาก
ยังมีอีกหลายตัวละครที่มักจะถูกพูดถึงอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Yennefer, Vilgefortz, Sabrina และจอมเวทย์คนอื่นๆ แต่ก็ไม่เป็นประเด็นหนักเท่า 2 คนข้างบนที่กล่าวถึง
บทที่ไม่เหมือนในเกม
สำหรับเหตุการณ์ที่ชวนให้ชาวเกม The Witcher พูดถึงมากที่สุดก็คือ Mousesack ซึ่งเป็นจอมเวทย์อีกคนหนึ่ง (Druid) ที่ค่อนข้างมีบทบาทในภาค 3 ของเกม แต่กลับกันในเวอร์ชั่นซีรีส์ Mousesack นั้นกลับตายไปเสียแล้ว ซึ่งหากนำมาเทียบกับนิยาย หลังจากเหตุการณ์ในเมือง Cintra ไม่ได้มีการกล่าวถึง Mousesack อีก และไม่ได้มีการบอกด้วยว่าตายหรือไม่ ซึ่งฉบับเกมก็ตีความว่ารอดมาได้ แต่ในเวอร์ชั่นซีรีส์ก็ตีความว่าเขานั้นได้ตายไปซะแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ชาวเกมบางส่วนรู้สึกขัดใจบ้างอยู่ดี
นอกจากนี้ก็มีชื่อของนักดนตรีผู้ติดตาม Geralt นั่นก็คือ Dandelion หรือชื่อในซีรีส์ Jaskier ซึ่งแปลกว่า Buttercup เป็นชื่อในนิยายแบบต้นฉบับภาษาโปแลนด์ แต่ที่ถูกเปลี่ยนมาเป็น Dandelion ก็ตอนที่นิยายแปลมาเป็นภาษาอังกฤษนี่เองและภายในเกมก็ใช้ชื่อนี้เช่นกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ชาวเกมบางส่วนรู้สึกแปลกๆ และไม่คุ้นเคยกับชื่อ Jaskier อย่างที่เห็นและหลายๆ คนก็ยังเผลอเรียกเป็น Dandelion ตลอด
นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ยิบย่อยที่จะถูกพูดถึงในวงคนอ่านนิยายเสียมากกว่า เช่นเหตุการณ์ของ Ciri ที่ไปเจอกับเอลฟ์เด็กมาช่วยระหว่างหนีจากทัพ Nilfgaardian ซึ่งไม่มีในนิยายเช่นกัน
ชุดเกราะของ Nilfgaardian
อีกหนึ่งประเด็นที่คนพูดถึงกันมากที่สุดเกี่ยวกับ Costume ก็คือชุดเกราะของกองทัพ Nilfgaardian ที่ค่อนข้างต่างจากในเกมอย่างสิ้นเชิง โดยชุดในเกมของทัพ Nilfgaardian จะดูมีความหรูหรา เป็นชุดแบบกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ดูมีสกุล แตกต่างจากชุดในซีรีส์ที่ทางผู้กำกับบอกว่า ต้องการทำให้ดูเป็นชุดแบบป่าเถื่อนโหดร้าย แต่กลายเป็นโดนแซวกันว่าเป็นชุดเกราะหนังไข่ซะอย่างงั้น ซึ่งใน Season 2 ก็มีแนวโน้มว่าชุดเกราะนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพราะมีข่าวการเปลี่ยนผู้ออกแบบ Costume ในซีรีส์เรียบร้อยแล้ว
ลักษณะตัวสัตว์ประหลาด
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดหลายๆ ตัวอาจจะมีเปลี่ยนไปจากในเกมบ้าง แต่สิ่งที่หลายคนเห็นพ้องต้องกันมากที่สุดแม้จะไม่ใช่คนที่เล่นเกมมาก่อนก็ตามนั่นก็คือ มังกรทอง (Villentretenmerth) หรือ Borch Three Jackdraws ที่โผล่มาในซีรีส์ ช่างเป็นมังกรที่ดูไม่เท่เอาเสียเลย ด้วยส่วนหัวที่กลมๆ หม่นๆ ทำให้ความเป็นมังกรสุดเท่ กลับเหมือนจิ้งจกตัวใหญ่เสียมากกว่า ทำเอาคนที่เคยเห็นภาพในเกมมาก่อนรู้สึกแปลกๆ กันทุกคน (ขนาดคนไม่เล่นเกมยังรู้สึกมังกรมันตลกเลย ฮา)