รีวิวเกม Blood & Truth – สู้ยิบตา ล่าล้างทรชน

ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณทางบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกมเพื่อใช้ในการรีวิว มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ผู้พัฒนา: Sony Interactive Entertainment (London Studio)
แพลตฟอร์ม: PS4 (ต้องเล่นร่วมกับอุปกรณ์เสริม PlayStation VR)


หากว่ากันตามตรง ก่อนจะได้เล่นเกมนี้ สำหรับผมแล้ว Blood & Truth นั้นมีฉากหน้าที่ดูเหมือนเกมนอกกระแสเกมนึง เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาเกมแนวยิงปืนสำหรับ PlayStation VR (PS VR) ส่วนมากก็อยู่ในระดับที่พอเล่นได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก ทว่าสำหรับ Blood & Truth กลับเปลี่ยนโลกทัศน์และความคิดเดิมๆ ของผมไปมาก ยิ่งเมื่อได้เริ่มเกมมาก็พบกับเนื้อเรื่องสุดระทึกราวกับภาพยนตร์ชั้นดีที่น่าค้นหา บทของเกมจะมีการตัดเรียงลำดับน่าสนใจ โดยค่อยๆ เล่าย้อนไปว่าตัวเราเป็นใครและเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว นอกจากนี้ ระบบของเกมเพลย์ก็มีการใช้งาน PS VR และ PlayStation Move (PS Move) ได้หลากหลายและลงตัว นี่จึงนับได้ว่าเป็นเกมยิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเกมหนึ่งสำหรับ PS VR ก็ว่าได้


เนื้อเรื่อง

เราจะได้เล่นเป็น ไรอัน มาร์คส (Ryan Marks) อดีตทหารหน่วย SAS ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นผู้มีอิทธิพลในกรุงลอนดอน แต่หลังจากกลับถึงบ้านเพื่อจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว บริษัทก็ถูกโจมตีโดยคู่อริและจับกุมตัวครอบครัวของเขาไว้ หลังจากที่เขาหนีรอดออกมาได้คนเดียว ไรอันก็ถูกควบคุมตัวและสอบสวนโดยหน่วยปฏิบัติการลับของ CIA จากนั้นก็ได้รับการยื่นขอเสนอในการร่วมปฏิบัติการพิเศษครั้งนี้เพื่อแก้แค้นและช่วยครอบครัวออกมา


เกมเพลย์

Blood & Truth เป็นเกมยิงแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ที่บนจอจะเห็นแค่ช่วงมือของไรอันกับอาวุธปืนที่เขาถืออยู่แค่นั้น เราสามารถพกปืนติดตัวได้ 2 กระบอกซึ่งสามารถสลับใช้งานได้ตลอดเวลา รวมทั้งสลับมือที่ถือปืนได้ด้วยว่าจะให้ถือมือซ้ายหรือขวา หรือจะถือปืนคู่ด้วยสองมือก็ย่อมได้ ในส่วนของการบังคับด้วย PS Move นั้น ผู้เล่นจะต้องรีโหลดกระสุนด้วยการขยับท่าทางเหมือนเปลี่ยนแมกกาซีนปืนเองจริงๆ แต่ถ้าเล่นเกมด้วยจอย DualShock 4 ก็เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น ซึ่งอาจจะง่ายกว่าแต่อรรถรสก็จะแตกต่างกัน อีกทั้งการบังคับอะไรหลายๆ อย่างโดยใช้จอย DualShock 4 อย่างเดียวจะทำกิจกรรมในเกมได้ลำบากกว่าใช้ PS Move มากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสะเดาะกลอน หรือปีนบันได เป็นต้น

 

ในการเดินนั้นไม่สามารถทำได้อิสระ เราสามารถทำได้เพียงแค่เลือกขยับไปตามพื้นที่ได้เป็นบางจุดเท่านั้น แต่เราจะบังคับมือทั้งสองข้างของตัวละครเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นสองมือแล้ว การใช้จอย DualShock 4 ควบคุมมันจะไม่สมจริงเท่า PS Move สองอันแน่นอน ในช่วงดำเนินเรื่องจะเลือกทำท่ายกนิ้วของตัวละครได้หลายแบบด้วย นับเป็นลูกเล่นขำๆ เล็กๆ น้อยๆ และในระหว่างเล่นเราต้องบิดลูกบิดประตู โดยคันโยกควบคุมกลไกต่างๆ ด้วยตนเอง อย่างไรก็ดี เกมจะมีระบบนำทางให้ตลอดโดยมีลูกศรชี้บอก หรือมีแถบเงาสีขาวแสดงให้เห็นว่าเราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับจุดนั้นได้

แม้ว่าในการเล็งยิงยังรู้สึกว่าค่อนข้างจะไม่แม่นยำเท่าไหร่นักเหมือนกับเกมอื่นทั่วไปบน PS VR แต่ตัวควบคุมการเคลื่อนไหวของเกมนี้ต้องเรียกว่าสามารถขยับตามเราได้สมจริงเลย เราจะต้องทำการก้มตัวหลบในที่กำบังด้วยตัวเอง และก็ยื่นมือออกไปเพื่อทำการเล็งยิง เกมเหมือนจะเล่นแบบพื้นฐานทั่วไปง่ายๆ แต่ในช่วงที่กำลังคับขันอยู่จากศัตรูที่ปรากฏตัวมาจำนวนมากหรือศัตรูตัวเป้งๆ ออกมา ก็ยังมีลูกเล่นพิเศษในเกมให้ใช้ นั่นก็คือโหมดสโลว์โมชั่น ซึ่งภาพในเกมจะเคลื่อนไหวช้าๆ และจะเห็นกระสุนของศัตรูเหมือนหยุดอยู่กลางอากาศนั่นเป็นช่วงเวลาให้เล็งยิงหรือหลบหลีกเอาตัวรอดได้

ในฉากการดวลปืนนั้น แต่จะช่วงจะมีสิ่งกีดขวางให้เราไปยืนหลบได้อยู่เสมอ โดยเราสามารถย้ายตำแหน่งในแนวระนาบซ้ายขวาได้อย่างอิสระเพื่อเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมกับทิศทางการยิงของศัตรู หรือเมื่อศัตรูขว้างระเบิดมือมาก็ต้องย้ายตำแหน่งหนีเช่นกัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าเราจะขยับแนวระนาบได้อิสระ แต่ถ้าเราเดินรุดหน้าไปข้างหน้าแล้วจะไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีก ถ้าลืมเก็บกระสุนหรือไอเท็มก็ได้แต่หัน 360 องศากลับไปมองเท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนที่ย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมาแล้วได้ ดังนั้นเราจึงต้องมองดูพื้นที่รอบตัวให้ดีก่อนจะเคลื่อนที่ต่อไป

เกมเพลย์ในส่วนของการต่อสู้นั้นก็จัดว่าเป็นพื้นฐานทั่วไป ทว่าเกมยังมีลูกเล่นอื่นๆ มากมาย เนื่องจากตัวเอกจะต้องปฎิบัติภารกิจกึ่งลอบเร้นหรือเข้าไปสืบความลับ จึงมีการสะเดาะกลอนหรือตัดสายไฟ ตลอดจนลอบวางระเบิดอะไรอยู่เรื่อยๆ ตลอดเกม เมื่อถึงจุดที่จำเป็นแล้ว เกมจะเปิดซองเครื่องมือขึ้นมาให้เอง เป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้เราต้องทำการแก้กลไกแล้ว เราต้องหยิบอุปกรณ์ออกมาใช้ให้ถูกชนิด เช่นจะตัดสายไฟก็ต้องหยิบคีมออกมา หรือไขควงก็ต้องหยิบออกมาแล้วทำท่าหมุนไขเองแบบเหมือนจริงด้วย ซึ่งก็ได้อรรถรสดี และขอแนะนำอย่างแรงว่าควรเล่นเกมนี้คู่กับอุปกรณ์ PS Move ดีกว่าครับ

นอกจากนี้ เกมยังมีลูกเล่นในส่วนของการดัดแปลงอาวุธปืนด้วย แม้ว่าจะไม่ได้มีรายละเอียดลึกซึ้งอะไรนัก แต่ในขั้นตอนการดัดแปลงกลับทำออกมาได้สนุกดี คือในสถานีที่เราต้องหยิบอาวุธปืนไปวางบนแท่นด้วยตัวเอง เราต้องไปหยิบพาร์ทเสริมที่ต้องการมาจากคลังแล้วมาเสียบใส่ในตำแหน่งที่ถูกต้องก็จะเสร็จสิ้น อีกทั้งยังสามารถพ่นสีอาวุธให้ดูสวยงามได้ด้วย โดยเลือกหยิบกระป๋องสีจากคลังมาแล้วปรับสีพ่นชิ้นส่วนปืนตามชอบ ตรงจุดนี้เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ละเอียดตามที่พ่นหรอกนะครับ อารมณ์จะเหมือนเปลี่ยนสีปืนทีละส่วนไปตามปกติ แต่ก็ถือว่าเอาระบบ PS VR มาใช้งานได้ดีทีเดียว

ระดับความยากของเกมอยู่ในเกณฑ์ไม่ยากมากถ้าเราใช้ PS Move และยังสามารถทำสโลว์โมชั่นได้คล่องด้วย การลุยจึงสามารถผ่านได้สบายๆ แต่สำหรับผู้เล่นที่ไม่ถนัดเกมแนวนี้จริงๆ เกมก็มีโหมด Cinematic ให้เล่นเช่นกัน กล่าวคือในโหมดดังกล่าวตัวเราจะอึดมากๆ แทบจะไม่มีวันตายเลย จะเกมโอเวอร์ก็ต่อเมื่อไปทำผิดเงื่อนไขบางอย่างของเกมเท่านั้น เช่น ยิงเพื่อนของเราที่เป็น NPC หรือยิงตัวประกันตาย ฯลฯ


กราฟิก / การนำเสนอ

งานภาพของเกมนี้ดูสวยงามราวกับว่าไม่ใช่เกมบนเกม PS VR ซึ่งบรรดาผู้คนในเกมมีการปั้นออกมาได้ดูสมจริงอย่างมาก โดยเฉพาะใบหน้าของเหล่าตัวละคร อีกทั้งด้วยความสามารถในการหมุนรอบตัวได้ 360 องศาตลอดเวลา เมื่อหันไปมองรอบๆ อาคารหรือยานพาหนะขนาดใหญ่ก็รู้สึกได้ถึงรายละเอียดที่สมจริงเหมือนเราไปยืนอยู่ในสถานที่ในเกม ส่วนการดำเนินเรื่องในแนวภาพยนตร์ก็ทำออกมาได้น่าติดตาม ดังหลายฉากที่เราจะมีเพื่อนคู่หูที่คุยกันไปด้วย ช่วยกันลุยเอาตัวรอดจากศัตรูไปด้วย ไม่ทำให้รู้สึกเงียบจนน่าเบื่อแบบเกมมีเป็นตัวเอกบุกตะลุยคนเดียวเกมอื่นๆ


จุดเด่น

– การควบคุมด้วย PS VR และ PS Move ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ใช้ลูกเล่นของอุปกรณ์ทั้งสองได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
– กราฟิกสวยงาม รายละเอียดของฉากทำออกมาได้ดีมากสำหรับเกมบน PS VR
– พล็อตเรื่องแนวหนังมาเฟียสไตล์ฮอลลีวูดทีมีตัวละครต่างๆ หลากหลาย และมีเสน่ห์น่าติดตาม

จุดด้อย

– การบังคับในบางช่วงของเกมดูลำบากไปหน่อย เช่นช่วงที่คลานบนพื้นหรือปีนป่าย ยิ่งถ้าใช้จอย DualShock 4 จะยิ่งยากมาก
– ระบบฟิสิกส์ยังดูแปลกๆ เช่น พวกยานพาหนะที่ถูกแรงระเบิดจะกระเด็นกระดอนพลิกคว่ำกันแบบผิดปกติ ผิดองศาไปบ้าง (แต่พบไม่บ่อยนัก)

สรุป

ถ้าสมมติว่าเรามองเกมนี้เป็นเกมระดับทั่วไปที่ไม่ได้เล่นร่วมกับ PS VR แล้วละก็ เกมเพลย์และกราฟิกจะจัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่ดีไม่ร้าย แต่พอมาอยู่ในฐานะเกมที่ต้องใช้ PS VR แล้ว ถือว่า Blood & Truth มีความโดดเด่นกว่าเกมอื่นๆ ที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งระบบการควบคุมที่ดี ซึ่งผู้เล่นสามารถใช้ PS Move ทั้งสองข้างในการขยับที่ได้ความรู้สึกใกล้เคียงกับแขนทั้งสองข้างของตัวละครจริงๆ ทำให้เกมดูดีขึ้นผิดหูผิดตาไปเลย เนื้อเรื่องก็สนุกน่าติดตาม ถึงแม้ว่าเกมอาจจะสั้นไปหน่อยแต่ก็ถือว่าสนุกคุ้มค่า คนที่มี PS VR อยู่แล้วยิ่งไม่ควรพลาดที่จะได้ลอง และควรมี PS Move ด้วย เพื่อจะได้อรรถรสที่มากขึ้นจมเลย

คะแนน 9 / 10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้