A Total War Saga: TROY กับ 5 ความน่าสนใจของ “Total War ทางเลือก” ภาคนี้
A Total War Saga: TROY จัดเป็น 1 ในภาคที่ได้เสียงตอบรับทางลบมากที่สุดตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่าย โทษฐานที่ดอดไปลง Epic Store แบบกะทันหันและเป็น Exclusive Content ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งผู้เล่น Total War ที่ส่วนใหญ่นั้นกองกันอยู่บน Steam ก็ออกอาการโมโหโกรธากันอยู่มาก เพราะสังเกตได้ว่าหลังจากการประกาศลง Epic ทุกๆ โพสต์ที่มีการโปรโมต Troy ก็จะพบกับ Dislike และการกดโกรธจำนวนมากอยู่เสมอๆ แม้กระนั้นการประกาศแจกฟรีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก็ช่วยลดทอนแรงเสียดทานได้ประมาณหนึ่ง ด้วยชุดความคิด “อย่างน้อยก็ฟรี” “อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ภาคหลัก” ก็ทำให้หลายๆ คนสามารถปล่อยวางอารมณ์เดือดดาลลงไปและพร้อมเปิดใจรับมันได้บ้าง สังเกตได้จากยอดดาวน์โหลดฟรีในช่วง 24 ชั่วโมงที่จัดได้ว่าถล่มทลายจัดๆ กว่า 7.5 ล้านดาวน์โหลด
ผมเองก็เช่นกันที่ไปเอามา แต่เนื่องจากทั้งอาทิตย์ผมยุ่งกับงานอื่นๆ อยู่จนไม่มีเวลาได้อยู่กับเกมนี้ได้นานพอจะลิ้มรสเกมได้ลึกอะไรนัก จากตอนแรกที่ว่าจะรีวิวเต็มรูปแบบก็ขอเปลี่ยนเป็นแนะนำจุดเด่นของเกมที่ได้เห็นมาตลอดการเล่น 30 เทิร์นครับ (แบ่งเป็นอคิลิส 20 เทิร์นและเฮคเตอร์ 10 เทิร์น) แล้วรีวิวเต็มค่อยตามมาทีหลัง เพราะแม้จะเป็นเพียงภาค “ทางเลือก” แต่มันก็ยังมีส่วนน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
ธีมที่ไม่เหมือนภาคไหน
– แม้จะมีเกมภาคที่ยุคใกล้เคียงกันอย่าง Rome แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น เพราะยุคสมัยในภาค Troy นั้นก็ต้องย้อนกลับไปอีก เป็นกรีกที่โบราณไปเลย ซึ่งค่อนข้างจะให้ภาพลักษณ์แบบปกรณัมมากกว่าจะเป็นประวัติศาสตร์เต็มๆ ทำให้เราได้เกมประวัติศาสตร์ที่มีกลิ่นอายแฟนตาซีเล็กๆ ติดอยู่บริเวณปลายจมูกครับ
ยุคสมัยของฮีโร่
– เคยชมภาพยนตร์เรื่อง Troy ของวูล์ฟกัง ปีเตอร์เซ่นเมื่อปี 2004 ไหมครับ ถ้าคุณชอบภาพยนตร์เรื่องนั้น ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะสิเน่หา Total War ภาคนี้สูง เพราะหลายๆ ส่วนคล้ายได้เรฟเฟอร์เรนซ์มาจากหนังเรื่องดังกล่าว ที่เห็นชัดคือเหล่าฮีโร่ในเกมเช่น อคิลิส เฮคเตอร์ หรือ ปารีส แม้อาจไม่ได้เหมือน พิตท์ บาน่า หรือ บลูม แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จากโมเดลในเกมก็พอรีไมน์ให้นึกถึงได้ไม่ยาก ซึ่งการได้ใช้พวกเขาในการโรมรันศัตรูบนสนามรบกว้างใหญ่ก็เป็นอะไรที่ฟินไม่น้อย นอกจากนี้ลักษณะนิสัยของฮีโร่ผู้นำฝ่ายยังจะส่งผลต่อรูปแบบการเล่นโดยรวมของแต่ละฝ่ายด้วย ทำให้รสชาติการเล่นของแต่ละฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ระบบเศรษฐกิจและทรัพยากรแบบใหม่
– เพราะเป็นยุคเก่าจึงไม่มีข้อตกลง Trade Agreement หรือสัญญาการค้า ดังนั้นระบบเศรษฐกิจจะไม่ขึ้นอยู่กับเงินหรืออาหารอย่างเดียวแล้ว แต่จะมีทรัพยากรอย่าง ไม้ หิน ทองแดง เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งทรัพยากรแต่ละอย่างก็จะถูกใช้ออกไปในตามแต่ละเป้าประสงค์ และเมืองแต่ละเมืองเองก็มีทรัพยากรพวกนี้คนละอย่าง ทำให้คุณต้องหาทางเพิ่มทรัพยากรตัวเองด้วยการออกทำสงคราม หรือถ้าสายรักสงบก็ต้องเอาของที่เรามีไปเทรดกับของที่อยากได้กับชาวบ้านครับ แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับความพอใจต่อฝ่ายเราเช่นเคย
กราฟิกงดงามทั้งบนแผนที่และสนามรบ
– สิ่งที่เชิดชู Troy มากที่สุดในสายตาผมคือกราฟิกและการกำกับศิลป์ที่มีเสนห์มากๆ อย่างฉากแผนที่นี่คือสวยมากๆ จนหลายๆ คนบอกว่าเป็นที่สุดในซีรีส์แล้ว ส่วนตอนลงไปสนามรบรายละเอียดของยูนิตต่างๆ ก็ทำได้ดีมากๆ โมเดลฮีโร่ก็ปั้นมาอย่างละเอียดและใส่ใจ มีหลายๆ คนเล่นเกมนี้แบบยืดเยื้อเพราะมัวแต่กดถ่ายรูปตอนสู้กันนี่แหละ งดงามเหลือเกิน
AI ฉลาด!
– ผมเล่นเกมระดับ Normal แต่ขณะที่เพิ่งบุกเมืองฝ่ายหนึ่งเสร็จ กองทัพที่บอบชํ้ากำลังฟื้นฟู ก็กลับโดนประกาศสงครามจากอีกฝ่ายพร้อมกองทัพเต็มหลอดบุกทันที ขณะที่อีกด้านก็โดน AI ฉีกสัญญา “ไม่คุกคาม” กันซึ่งๆ หน้า แล้วส่งทัพเข้ามาบุกทันทีเช่นกัน ยังไม่นับรวมอีกฝ่ายหนึ่งที่เข้าร่วมยำผมด้วย เบ็ดเสร็จคือกดจบเทิร์นครั้งเดียวผมโดนบุกจาก 3 ทิศ นับเป็นหายนะที่กลุ้มรุมรวดเร็วที่สุดตั้งแต่เคยเล่น Total War โหมด Normal มา แถม AI ยังไม่ได้ดุแค่บนแผนที่ พอเข้าไปสนามรบก็เจอการวางกำลังตีโอบจนทหารที่ผมกะซุ่มไว้โจมตีตัดกำลังดันโดนตัดเสียเองจนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด เรียกว่าตำราพิชัยยุทธ์จาก Total War ภาคเก่าๆ เอามาใช้ภาคนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ น่าตกใจมากๆ เลยทีเดียวครับ
ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นภาคทางเลือกที่ไม่ได้คาดหวังนัก (นอกจากได้เล่นธีมกรีกโบราณ) แต่ A Total War Saga: TROY ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่นำเสนอแนวทางใหม่ๆ ของซีรีส์ได้เป็นอย่างดีสมกับที่หลายๆ คนยกให้ซีรีส์ Saga เป็นภาคหนูทดลองครับ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันเป็นเกมที่มีอะไรใหม่ๆ ให้ได้ทดลองและสนุกไปกับมัน ผมเองก็จะกลับไปลองเล่นให้จบแคมเปญดูเพื่อจะได้สรุปเป็นดุษฎีได้อย่างสนิทใจว่าภาคนี้ดีหรือไม่อย่างไร แต่อย่างน้อยเวลานี้ก็คงสามารถพูดถึงมันได้ว่า “ควรต้องลอง” ครับ
