รีวิว Ghost of Tsushima – เกมสงครามที่ดราม่ากว่าแค่ตาเห็น

ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกม Ghost of Tsushima เพื่อใช้ในการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วย

แพลตฟอร์ม: PS4
แนวเกม: แอ๊กชั่น / ผจญภัย
ผู้พัฒนา: Sucker Punch Productions

เป็นเวลา 11 ปีมาแล้วที่เราไม่เห็นเกม IP ใหม่จากทีมงาน Sucker Punch เลยนอกจากซีรีส์ inFAMOUS ที่แจ้งเกิดบนเครื่อง PS3 แล้วแต่ละภาคก็สร้างชื่อเรื่อยมาจนถึงต้นยุค PS4 ฉะนั้นการเปิดตัว Ghost of Tsushima ที่เป็นเกมซามูไรในญี่ปุ่นยุคโบราณเมื่อกว่าสองปีก่อนจึงไม่ได้น่าสนใจเพียงแค่เพราะมันเป็นเกมใหม่ในรอบทศวรรษของ Sucker Punch หากแต่มันยังเป็นที่น่าจับตามองด้วยว่า ทีมงานตะวันตกที่ทำเกมสไตล์ซูเปอร์ฮีโร่อยู่เป็น 10 ปีทีมนี้จะสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมของอีกซีกโลกมาได้ดีแค่ไหน

ปี ค.ศ. 1274 ทหารมองโกลจำนวนมหาศาลยกทัพข้ามน้ำข้ามทะเลมารุกรานเกาสึชิมะที่เป็นปราการด่านแรกที่ต้องตีให้แตกก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นได้ ภายใต้การนำของโคตุน ข่าน ที่เชี่ยวชาญการรบและศึกษายุทธศาสตร์ของชาวญี่ปุ่นมาเป็นอย่างดี ทำให้ทหารมองโกลสามารถกวาดล้างเหล่านักรบซามูไรไปได้เป็นจำนวนมาก จิน ซาไค ผู้เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลผู้ปกครองสึชิมะจึงจำต้องละทิ้งวิถีแห่งซามูไรแล้วใช้กลยุทธ์ของ Ghost หรือนักรบปีศาจเพื่อที่จะพอมีโอกาสต่อต้านการรุกรานของพวกมองโกลขึ้นมาได้บ้าง

สิ่งที่ Ghost of Tsushima นำเสนอออกมาได้ดีมาก ๆ ก็คือสไตล์ของกราฟิกที่แม้จะเน้นความสมจริงเป็นหลัก แต่องค์ประกอบต่าง ๆ ในฉากโลกเปิดกลับทำให้ภาพลักษณ์ของเกมดูมีความสุนทรีย์ทางสายตาราวกับภาพเขียนที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนตัวของกลุ่มเมฆบนฟ้า หรือการขยับไปตามแรงลมของต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นดิน เมื่อรวมกับเสียงบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติรอบข้างและระบบนำทางต่าง ๆ ของเกมที่จะจำกัดการแสดงอินเตอร์เฟซออกมาบนหน้าจอให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งระบบนำทางด้วยสายลม หรือนกสีทองและสุนัขจิ้งจอกที่จะพาไปยังจุดสนใจหรือของสะสมต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้การนำเสนอภาพลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกมมีประสิทธิมากขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งมันยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้เล่นอยากเดินทางด้วยตัวเองไปในตัว แม้ว่าตัวเกมจะมีทางเลือกเป็นระบบ Fast Travel มาให้แล้วก็ตาม

สิ่งที่เนื้อเรื่องของเกมส่งผลมาถึงเกมเพลย์ก็คือรูปแบบการต่อสู้ของจินที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะเผชิญหน้าสู้แบบซึ่ง ๆ หน้าเหมือนซามูไรที่มีเกียรติ หรือเน้นการโจมตีแบบลอบเร้นเหมือนนักรบปีศาจ แต่ข้อดีก็คือเกมจะไม่มีข้อบังคับในการเลือกแนวทางการต่อสู้ของผู้เล่น เราจึงเลือกวิธีเล่นได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะส่งผลต่อการดำเนินเรื่อง เพราะอย่างไรเสีย เกมก็จะมีเควสต์เนื้อเรื่องหลักเอาไว้สำหรับการนั้นโดยเฉพาะอยู่แล้ว มันจึงไม่เหมือนกับเกมก่อนหน้าของทีมงานอย่างซีรีส์ inFAMOUS ที่เรามักตัดสินใจว่าจะเล่นเป็นคนดีหรือคนเลวแล้วยึดกับเส้นทางนั้นไปตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่อย่างนั้นก็จะพบกับการดำเนินเรื่องที่นำเสนอตัวละครหลักได้ไม่คงเส้นคงวาเพราะเราเปลี่ยนแนวการเล่นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ Ghost of Tsushima เลย ในแง่ของเนื้อเรื่อง จินยังมีทักษะและแนวคิดของซามูไร แต่ในบางสถานการณ์ เขาก็สามารถเลือกใช้แนวทางของนักรบปีศาจเพื่อให้มีชีวิตรอดและปกป้องประชาชนได้เช่นกัน

ในแง่ของเนื้อเรื่อง จะบอกว่า Ghost of Tsushima เป็นเกมซามูไรที่ต้องต่อสู้เพื่อบ้านเมืองในยุคสงครามเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเกมมีการนำเสนอความคิดและการดำเนินชีวิตของจินที่เป็นตัวละครหลักได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าที่ตาเห็น เมื่อเริ่มเล่นเราจะพบว่าจินมีวิธีคิดและพฤติกรรมที่ยึดมั่นในเกียรติและวิถีซามูไรเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ แต่ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจกับแนวทางปฏิบัติที่เขายึดถือมาทั้งชีวิต และเกมก็นำเสนอให้เห็นถึงผลที่จะตามมาของการเลือกเดินแต่ละทางได้เป็นอย่างดี รวมถึงการที่ผู้เล่นสามารถเลือกคำถามและคำตอบระหว่างการดำเนินเรื่องได้ ประกอบกับการที่เรามีอิสระที่จะเลือกให้จินสู้ด้วยวิถีซามูไรหรือนักรบปีศาจได้อย่างอิสระตลอดเวลา ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักในการเชื่อมโยงผู้เล่นกับตัวละครของจินเข้าไปอีกขั้น

ระบบต่อสู้เป็นสิ่งที่ทำให้ Ghost of Tsushima โดดเด่นเหนือหลาย ๆ เกมในแนวเดียวกัน การสับเปลี่ยนกระบวนท่าก็ทำให้การต่อสู้มีความสนุก หลากหลาย และต้องใช้ความคิดมากกว่าแค่กดฟันรัว ๆ หรือหาจังหวะหลบ เพราะการเลือกกระบวนท่าให้เหมาะสมกับประเภทของศัตรูและการกดป้องกันแบบกระชั้นชิดเพื่อโจมตีสวนกลับจะส่งผลในการต่อสู้ค่อนข้างมาก ตลอดจนระบบอัปเกรดประสิทธภาพของแต่ละวิชาเป็นขั้น ๆ ก็ยิ่งทำให้การต่อสู้มีความหมายมากขึ้น แต่ในบางครั้ง AI ของศัตรูก็มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก อย่างเช่นนักธนูจะตะโกนบอกให้เพื่อนตัวเองก้มหลบทุกครั้งก่อนที่จะยิงมาที่เราแม้จะเหลือเขาอยู่ตัวคนเดียวในบริเวณนั้นก็ตาม รวมไปถึงการเดินเข้ามามุงประทัดที่เราปาไปเพื่อดึงดูดความสนใจพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คน แทนที่จะมองหาต้นตอของคนที่ปามันออกมา จริงอยู่ที่สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ในด้านของเกมเพลย์ แต่ความไม่สมจริงของมันก็ทำให้อรรถรสในการเล่นลดลงไปพอสมควร

เนื่องจากจินไม่สามารถปีนเขาทั้งลูกจากมุมใดก็ได้ เกมจึงต้องมีการวางจุดสังเกตสำหรับการปีนเขาขึ้นมาโดยเฉพาะ ผลออกมาคือเราจะพบแง่งหินที่ยื่นออกมาเป็นทางอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าใดนัก รวมถึงเชือกสีขาวที่ถูกมัดไว้กับกิ่งไม้หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ อย่างสะดุดตาเพื่อที่เราจะได้ใช้เป็นจุดสำหรับเกี่ยวเชือกตะขอ หรือบรรดาพลธนูมักชอบยืนอยู่ข้าง ๆ รังต่อให้เราจัดการจากระยะไกลได้ง่าย ๆ ซึ่งการที่เกมจัดวางที่ขัดธรรมชาติเหล่านี้ก็ทำให้คุณค่าทางภาพลักษณ์ของเกมถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดาย แม้มันจะเอื้อประโยชน์ต่อการเล่น แต่องค์ประกอบเหล่านี้ควรกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การหาช่องทางปีนป่ายและโหนเชือกตะขอเพื่อไปสักการะศาลเจ้าบนยอดเขาก็เป็นสิ่งที่สนุกอีกอย่างของเกม จะกล่าวว่ามันเป็นช่วงสำหรับพัซเซิลหรือการแก้ปริศนาในเกมก็ไม่ผิดนัก การได้ใช้ความคิดแล้วได้รางวัลเป็นเครื่องรางเสริมพลังจากการสักการะศาลเจ้าก็นับเป็นการตอบแทนที่คุ้มค่าที่จะเสียเวลา หรือจะนับว่าทิวทัศน์จากยอดเขาเป็นรางวัลอีกชิ้นก็ว่าได้

เควสต์ของเกมจะถูกจำแนกออกเป็นสามรูปแบบ คือ “บันทึกของจิน” ที่เป็นเควสต์เนื้อเรื่องหลัก ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามองก์เหมือนกับการนำเสนอเรื่องราวของภาพยนตร์ “เรื่องราวของสึชิมะ” คือเควสต์รองที่ว่าด้วยเรื่องของผู้คนบนเกาะสึชิมะทั้งชาวบ้านทั่วไปและเพื่อน ๆ ผู้ใกล้ชิดกับจิน แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของเควสต์ประเภทนี้คือรูปแบบของมันจะมีความซ้ำซากอยู่พอสมควร อย่างการลอบย่องตามเป้าหมายไม่ให้รู้ตัวหรือการตามรอยเท้าบนพื้นไปจนถึงจุดหมาย สุดท้ายคือ “เรื่องปรัมปรา” หรือเควสต์พิเศษที่ผูกเรื่องราวเข้ากับตำนานต่าง ๆ ของเกาะสึชิมะ ซึ่งเควสต์สุดท้ายนี้จะมีจำนวนน้อยที่สุด แต่ความพิเศษของมันจะเริ่มตั้งแต่การเล่าตำนานผ่านภาพเขียนสไตล์พู่กันของญี่ปุ่นให้ดูลึกลับและน่าเกรงขาม แนวการเล่นระหว่างแต่ละเควสต์ก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว เมื่อทำสำเร็จเราก็จะได้ของตอบแทนพิเศษอย่างท่าไม้ตายใหม่หรือชุดเกราะที่มีประสิทธิภาพเฉพาะด้าน เป็นต้น

การแปลภาษาไทยในเกมนี้มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี มีการปรับถ้อยคำและรูปประโยคให้มีความเป็นภาษาไทยแบบโบราณเพื่อให้เข้ากับยุคของเกม แม้จะมีบางช่วงที่การแปลดูขัดธรรมชาติหรือแปลชื่อเดียวกันให้ออกมาต่างกันในคนละจุดไปบ้าง ไม่ว่าจะด้วยการมีทีมงานแปลหลายคนหรือไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก็ตาม แต่การแปลในเกมนี้ส่วนใหญ่ก็ยังให้อรรถรสและมีความลื่นไหลระหว่างบทสนทนาที่ดี และน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ไม่ถนัดการอ่านหรือฟังภาษาต่างประเทศได้มากทีเดียว

ข้อดี

งานภาพที่มีเอกลักษณ์สวยงามเฉพาะตัว
ระบบการต่อสู้ที่หลากหลายกว่าเกมโอเพ่นเวิลด์ทั่วไป
แนวทางของ Ghost หรือนักรบปีศาจมีประโยชน์มากกว่าการเป็นแค่ลูกเล่น
การนำเสนอเนื้อเรื่องให้ผู้เล่นเข้าถึงตัวละครหลักได้เป็นอย่างดี

ข้อเสีย

การวางจุดเอื้อต่อเกมเพลย์ที่ขัดธรรมชาติในบางครั้ง
พฤติกรรมโดยรวมของศัตรูไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร

สรุป

โดยรวมแล้วความสามารถต่าง ๆ ของนักรบปีศาจทำให้เกมเพลย์ของ Ghost of Tsushima มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่สิ่งที่น่าประทับใจเหนือสิ่งอื่นใดก็คือการนำเสนอภาพลักษณ์ของเกมที่พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ความสวยไม่ได้อยู่ที่แค่ว่ากราฟิกจะมีความสมจริงมากแค่ไหน แต่คุณจะถ่ายทอดมันออกมายังไงมากกว่า การเผชิญหน้าของนักรบสองคนที่ยืนนิ่งท่ามกลางสายลมและใบไม้ที่ปลิวไหว ประกอบกับมุมกล้องที่ถูกจัดวางเป็นอย่างดี ก็ทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของความเป็นภาพยนตร์ซามูไรก็ไม่ปาน ยิ่งถ้าเล่นด้วยโหมดภาพแบบ Samurai Cinema ด้วยแล้ว คุณก็จะได้ความรู้สึกใหม่ในการเล่นเกมนี้ไปอีกทาง สุดท้ายตัวเกมอาจมีข้อเสียอยู่บ้างประปราย แต่มันก็ไม่ทำให้ประสบการณ์ในการเล่นด้อยลงไปมากนัก และเราหวังว่ามันจะได้รับการปรับปรุงหาก Ghost of Tsushima ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์สร้างชื่อของ Sucker Punch ต่อไป