Persona 5: The Royal กับ 5 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
Persona 5: The Royal เกมภาคสมบูรณ์ของเกม Persona 5 มีหลายสิ่งที่ถูกเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนเข้ามามากมาย ซึ่งก็สร้างความประทับใจน้อยใหญ่ต่างกันออกไปจากการที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองมากกว่า 160 ชั่วโมง บทความนี้จะมาลิสต์สิ่งที่ผมประทับใจจากคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ไม่มีในภาคต้นฉบับ แต่ถูกเติมเข้าได้อย่างน่าสนใจในภาค The Royal นี้ครับ
Yoshizawa Kasumi ความดีงามที่เพิ่มพูนของเกมซีรีส์นี้
Yoshizawa Kasumi ถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้พร้อมๆ กับตัวของ Takuto Maruki ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีบทบาทสำคัญในภาค Royal แต่แน่นอนว่าผมต้องโฟกัส Kasumi เป็นหลักอยู่แล้ว เพราะดีไซน์รูปลักษณ์มาค่อนข้างตรงใจผมมากๆ (หางม้าเกิร์ลอิสเดอะเบสต์) อีกทั้งคาแรคเตอร์สไตล์รุ่นน้องเรียนปีใกล้ๆ กันยังเป็นสิ่งที่ภาค 5 ขาดไปอยู่พอดีทำให้รู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มไปโดยปริยาย นอกจากนีทีมงานยังพรีเซนต์ตัวของเธอออกมาได้อย่างประทับใจในระดับแย่งซีนตัวละครภาคก่อนกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะฉากเรียกเพอร์โซน่าครั้งแรก หรือแต่ละซีนในที่มีร่วมกับตัวเอก ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นตัวละครที่ถูกเติมเข้ามาทำให้การสร้างซีนเดี่ยวๆ ทำได้ง่ายกว่าการอัดตัวละครนี้เข้าไปในซีนร่วม แต่ก็ทำให้ Kasumi ที่แม้บทบาทจะมาซะหลังๆ ก็กลายเป็นโดดเด่นน่าประทับใจขึ้นมาทีเดียว
ฉากคัตซีนและมูฟวี่ใหม่ๆ
สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นหนึ่งในอะไรก็ตามที่แฟนๆ คาดหวัง ซึ่งในภาค Royal ก็ถูกเติมเข้ามาเหมือนกัน เหตุจากการมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาและเนื้อเรื่องบางส่วนที่ถูกดัดแปลงนั่นเอง แน่นอนว่ามันช่วยเสริมความสนุกให้เกมได้เป็นอย่างดี
เนื้อเรื่องและฉากจบใหม่ที่ถูกเพิ่มเติม
แม้จะบ่นเล็กๆ ไปในบทความรีวิวว่าเนื้อเรื่องที่ถูกเติมเข้ามาใหม่มันสั้นไปสักหน่อย แต่ในความสั้นนั้นตัวเกมก็ยังนำเสนอในประเด็นที่น่าสนใจพร้อมตั้งคำถามให้กับผู้เล่นไปพร้อมๆ กันถึงสิ่งที่กลุ่มตัวเอกกำลังทำอยู่ ให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปจากตัวเกมภาคหลักพอสมควร นอกจากนี้ตัวเกมยังมีฉากจบแบบใหม่มาพร้อมคัตซีนปรับปรุงและเอนด์เครดิตที่น่าจะทำให้แฟนๆ หลายคนรู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่หยอกเลยทีเดียว
สถานที่และดันเจี้ยนใหม่น่าสนใจ
นอกจาก Palace ตามเนื้อเรื่องซึ่งถูกเติมเข้ามา ก็ยังมีสถานที่ใหม่ๆ เช่นกัน อย่าง Kichijoji ที่กลายเป็นสถานที่ให้สำรวจที่ใหม่ซึ่งใหญ่และมีกิจกรรมเยอะแยะน้องๆ Shibuya ซึ่งเป็นแผนที่หลักกันเลยทีเดียว แถมกิจกรรมส่วนใหญ่ก็ไม่ซํ้ากับของเดิม ทำให้กลายเป็นตัวเลือกการใช้เวลาในเกมที่น่าสนใจอีกแห่ง ยังไม่รวม Mementos อีกหลายชั้นที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนที่โดดเด่นอีกแห่งคือ Thieve’s Den ที่เป็นเหมือนห้องซึ่งรวบรวม Achievement ต่างๆ สามารถเข้าไปเดินเล่น, ฟังเพลง, ตกแต่งธีม หรือเล่นมินิเกมอย่าง Tycoon ก็ย่อมได้ ซึ่งอันนี้แหละทีเด็ดมากๆ แม้อาจจะไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องในเกมมากมายนัก แต่เกม Tycoon หรือ “ไพ่สลาฟ” นี่แหละทีเด็ดมาก แม้จะสู้กับ AI ของเกมทว่าในบางอารมณ์ก็นึกว่าตัวเองกลายเป็นโจวเหวินฟะในหนังฮ่องกงก็มิปาน แบบว่าเซียนตัดเซียนเดือดกันมากๆ จนบางทีก็เพลินจนลืมเนื้อเรื่องไปเลยล่ะ
ระบบต่อสู้ปรับปรุงใหม่
จุดที่เหมือนเป็นดาบสองคมของภาค Royal เพราะมันริดรอนความท้าทายของภาคต้นฉบับไปมาก แต่ส่วนตัวแล้วผมชอบระบบต่อสู้ปรับปรุงใหม่นี้สุดๆ เช่นกัน เพราะแม้จะง่ายขึ้น แต่ระบบกลับลึกกว่าเดิม มีความวาไรตี้มากขึ้น สู้ได้ต่อเนื่องและมีความโฟลวมากขึ้น อย่างระบบโจมตีดูโอที่เพิ่มเข้ามานอกจากจะเป็นไม้ตายเด็ดชีพศัตรูแล้ว ยังได้ดูคัตซีนเด็ดๆ เจ๋งๆ ฮาๆ จากเหล่าเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย หรือระบบ Baton Pass ปรับปรุงใหม่ที่มีประโยชน์ยิ่งขึ้น ใช้ง่ายกว่าเดิม แปะมือส่งต่อคอมโบกันอย่างเมามันส์ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบต่อสู้เล่านเพลินขึ้นมากจริงๆ
เหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่สำหรับผมแล้วมันเป็นคิลเลอร์ฟีเจอร์ของภาค The Royal ที่ทำให้การเล่นเกมอีกรอบของผมสนุกและมีสีสันกว่าเดิม ใครที่สนใจว่าเกมนี้มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรก็เรียนเชิญไปอ่านในบทรีวิวเต็มๆ ได้ครับ หรือหากต้องการซื้อเกม Persona 5: The Royal มาเล่นแล้วก็ซื้อกันได้ง่ายๆ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายหรือ PlayStation Store ครับ
