UBIDAY 2019 งานมีตติ้งสุดอบอุ่นประจำปีของแฟนๆ Ubisoft แดนปลาดิบ
UBIDAY 2019 ก็เป็นอีกปีที่ผม (ท่านหลอด) และทาง Online Station ได้รับเชิญจากทาง UbiSoft ให้ไปทำข่าวถึงประเทศญี่ปุ่น โดยหากจำกันได้งานนี้ทางเราได้ไปร่วมทำข่าวที่งานมาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งตัวผมเองก็แทบจะจองสัมปทานงานนี้ไว้เลย เพราะไปมาติดๆ กัน 3 ปีแล้ว เหตุเพราะความประทับใจในประเทศ ย่านที่จัดงาน รูปแบบงาน รวมถึงทีมงาน ที่เมื่อเบลนด์รวมกันแล้ว แม้จะเป็นการมาต่างประเทศเพื่อทำงาน แต่เอาจริงๆ เราเหมือนรีแลกซ์ตัวเองไปด้วยในตัวแทบทุกครั้ง เป็นเหตุให้รู้สึกดีกับงานนี้มาโดยตลอด
ลงไว้สำหรับผู้ที่กำลังงงว่า UBIDAY คืองานอะไร UBIDAY คืองานโชว์และทดลองเล่นเกมจากทาง Ubisoft ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่งรูปแบบงานก็จะมีการขนทั้งเกมเก่าเกมใหม่มาให้เล่นกัน มีการแสดงบนเวที มุมถ่ายรูป และบูธขายสินค้าเมอร์ชานไดซ์ที่รอคอยดูดเงินสาวกอย่างหนักหน่วงนั่นเอง โดย 2 ปีหลังมานี้ตัวงานได้ย้ายมาจัดที่ตึก Belle Salle ย่าน Akihabara ซึ่งก็ถือว่าเดินทางสะดวกดีครับ
สำหรับ UBIDAY 2019 นี้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยถ้าตามปกติผมจะมีเวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นราวๆ 3 วันเพื่อทำงานนี้ครับ ดังนั้นแล้วช่วงเวลาที่ผมไปเดินเป็นคุอยู่ที่นู่นก็จะตั้งแต่วันที่ 5-7 ตุลาคมนั่นเอง อย่างไรก็ดีด้วยความไม่อยากเสี่ยงกับเย็นวันศุกร์ของญี่ปุ่นในช่วงเข้าเมือง จึงได้เลือกไฟลต์บินดึกวันที่ 4 เพื่อไปถึงเช้าวันที่ 5 และกะเดินเล่นเพื่อรอโรงแรมเปิดครับ
ดังเช่นทุกครั้งในการเดินทาง ทาง Ubisoft ได้ออกค่าเครื่องบินและที่พักให้ทั้งหมด ซึ่งก็จัดว่าเพียงพอต่อความต้องการแล้ว ขอบคุณมากๆ ครับ ส่วนค่ากินค่าหมุนกาชาเดี๋ยวผมจัดการเอง อิอิ สำหรับชีวิตในวันแรก เมื่อมาถึงสนามบินนาริตะ ผมก็นั่งรถไฟเข้าเมืองมา มีเปลี่ยนสายนิดๆ แต่ด้วยว่าโรงแรมที่เลือกนั้นอยู่ใกล้สถานีรถไฟมากๆ ทำให้ง่ายต่อการเดินทางสุดๆ ไปเลย เบ็ดเสร็จผมไปถึงโรงแรมในเวลาราวๆ 10 โมงนิดๆ โชคดีคือสามารถเข้าไปฝากสัมภาระที่โรงแรมไว้ได้ก่อน แต่ข่าวร้ายคือสามารถเช็คอินได้ตอนบ่าย 3 หมายความว่าผมต้องรออีกเกือบ 6 ชั่วโมงกว่าจะเข้าห้องพักได้ เลยเดินเล่นแถวนั้น ไปหากินราเมน นั่งร้านกาแฟ หลับไป 3 ตื่น ออกมาเดินอีกรอบ จนสามารถกลับไปเช็คอินได้จึงอาบนํ้าเปลี่ยนชุดออกมาเดินแรดหมุนกาชาพลางหาข้าวเย็นกิน แล้วจึงกลับที่พักเพื่อเตรียมงานในวันรุ่งขึ้นและเข้านอน
วันถัดมาคือวันเสาร์ และการที่สามารถเดินชิลล์ๆ จากโรงแรมไปถึงสถานที่จัดงานได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาทีคือลาภอันประเสริฐครับ ต่างจากคราวก่อนหน้าที่ต้องนั่งรถไฟตอนเช้ามาจากชิบูย่าลิบลับ เรียกว่าสบายขึ้นมากๆ ผมมาถึงงานในช่วงเวลาราวๆ 8 โมงครึ่งจากที่นัดกัน 9 โมง ถือว่าเป็นช่วงเวลาดีที่จะทำความรู้จักกับกรุ๊ปนักข่าวจากประเทศอื่นๆ รวมถึงผู้ดูแลสื่อจากทาง Ubisoft ซึ่งดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนตัวกันทุกปี ปีนี้คือคุณโซเฟีย ซึ่งทำงานอยู่ที่ HQ ในสิงคโปร์ ขณะที่อีกคนที่ผมได้คุยบ่อยๆ ในทริปคราวนี้คือคุณทอมมี่ ซึ่งเป็นคนไทยที่ทำงานกับ Ubisoft และเขากลายเป็นคนไทยคนแรกในรอบ 3 ปีที่ผมได้คุยกันในวันงาน UBIDAY
ในปีนี้ถึงจะไม่ได้มีแข่ง Rainbow Six: Siege เหมือนกับปีก่อน แต่ทาง Ubisoft ก็ไม่ได้ลดขนาดงานหรือเช่าพื้นที่น้อยลงแต่อย่างใด โดยใช้พื้นที่จัดงาน 3 ชั้น ชั้นใต้ดินใช้ขายสินค้าเมอร์ชานไดซ์ ชั้น G เป็นสถานที่จัดอีเวนต์หลัก และชั้น 2 สำหรับการทดลองเกมทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงมีเคาเตอร์รับฝากของสำหรับเหล่าคอสเพลย์อีกด้วย
สำหรับปีนี้แน่นอนว่าหลายๆ คนคงอยากจะหวด Watch Dogs Legion เต็มแก่ น่าเสียดายเล็กน้อยที่เกมข้างต้นไม่มีให้ทดลองเล่นในงานครับ แม้แต่สื่อก็ไม่ได้เล่น น่าจะยังไม่พร้อมจริงๆ ถึงอย่างนั้น อย่างน้อยๆ ทางทีมงานก็ยังมีโซนที่เปิดโชว์การเล่นตัวเกมเวอร์ชั่น Alpha Built ของทีมงานอยู่ครับ โดยโซนนี้จะเปิดเป็นรอบๆ รอบละราวๆ 30 นาที ซึ่งคนก็ให้ความสนใจกันอย่างมากเลยทีเดียว โดยตัวผมเองก็มีโอกาสได้นั่งดูรอบแรก ซึ่งผู้ชมก็จะมีแต่สื่อแถบนี้เท่านั้นครับ
ทั้งนี้ทาง Ubisoft ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ทั้งภาพและวิดิโอของตัวเกม ดังนั้นแล้วจึงไม่สามารถลงภาพได้ เพราะงั้นเดี๋ยวจะเล่าสิ่งที่ไปเห็นมาสักเล็กน้อยก็แล้วกันครับ โดยดูเหมือนว่าทางทีมงานจะพยายามเล่นแต่ละตัวให้ตายในมิชชั่นหนึ่ง เพื่อโชว์ว่าสามารถสลับไปเล่นตัวละครได้หลายหลาย มีการโชว์เกมเพลย์เล็กน้อย แต่มันเป็นมิชชั่นที่เราเคยให้เห็นในเทรลเลอร์มาแล้ว เลยไม่รู้สึกว่ามีอะไรใหม่เท่าไหร่ ส่วนกราฟิกอยู่ในขั้นดูดี แต่มันคงสวยกว่านี้ยามเกมออก เพราะมันคือ Alpha Built หากตอนสุดท้ายได้เท่าที่เห็นก็คงไม่โสภาสักเท่าไหร่ โดยสรุปคือทีมงานเล่นให้ดู 3 ตัวละคร ความแตกต่างคือสกิลที่ไปคนละทาง บทพูด ท่าทางการเดิน และการแสดงอารมณ์อันค่อนข้างเฉพาะตัว เอาเป็นว่าข้อมูลที่มากกว่านี้ สามารถติดตามได้ในบทสัมภาษณ์ทีมงาน Watch Dogs Legion ครับ
หลังรับชมเสร็จผมก็เดินเก็บภาพบรรยากาศโซนลองเกมเล็กน้อย ที่คนให้ความสนใจเยอะหน่อยก็คงเป็น The Division 2 และ Ghost Recon: Breakpoint ขณะที่โซเฟียก็พยายามคะยั้นคยอให้เล่น Just Dance 2019 เหลือเกิน แต่ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ผมเลยขอบายแล้วกัน ครั้นเมื่อเสร็จธุระชั้นบน ผมจึงลงมาชั้นใต้ดินซึ่งเป็นโซนขายของ ด้านหนึ่งถูกจัดสินค้าไว้โชว์เพื่อให้ผู้สนใจได้ยืนเลือกและลิสต์สิ่งที่ต้องการเพื่อไปสั่งซื้อและจ่ายเงินที่เคาเตอร์อีกมุมหนึ่ง ซึ่งก็มีคนต่อแถวพอสมควร และเช่นเคยกับสินค้าที่ดูจะขายดีที่สุดก็หนีไม่พ้น Rainbow Six: Siege ครับ
ผมเดินกลับขึ้นมาชั้น G ซึ่งมีลักษณะสถานที่จัดงานบริเวณใต้ถุนของตึก จุดนี้จะเป็นบริเวญหลักสำหรับการรันอีเวนต์ครับ มีเวทีกลาง บูธกิจกรรมคีบไข่ ถ่ายรูป แปะแทดทู มีเครื่องเกม VR ของ Rabbit มาให้เล่น ลานอาหารฟู๊ดทรัค และเหล่าคอสเพลเยอร์นับร้อยชิวิต ที่ก็อีกเช่นกันว่าส่วนใหญ่คอสตัวละครจาก R6 ยังไงก็ฮิตกันจริงๆ สำหรับเกมนี้ในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดีผมมองว่าตัวงานในรอบนี้ดูจะโชคร้ายไปนิดๆ เพราะทั้งที่เตรียมคอนเทนต์ไว้รอสนุกกับแฟนๆ แล้ว แต่ฝนดันตกยาวจนราวๆ บ่าย 2 ถึงค่อยหยุดลง ทำให้ในช่วงเช้าผู้คนดูจะบางตาไปสักนิด แต่คนก็กลับมาเต็มในช่วงบ่ายอีกครั้งเมื่อถึงกิจกรรมหลักบนเวทีใหญ่ในช่วงเย็นกับการประกวดคอสเพลย์ครับ คนเยอะจนเข้าไปเก็บภาพใกล้ๆ ไม่ได้เลย กระทั่งเมื่อการประกวดจบลงงานก็เหมือนจะปิดไปกลายๆ แม้ผู้ชมจะยังเข้าชมงานได้ถึงตอนหัวคํ่าก็ตาม
ความรู้สึกผมคืออาจจะชอบความเข้มข้นของงานปีที่แล้วมากกว่าสักหน่อย อาจเพราะว่ามันมีทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน R6 มาตัดอารมณ์จากงานอีเวนต์ด้านนอกอีกที ทว่าสิ่งที่ยังรู้สึกเหมือนเดิมก็คือความอบอุ่นของงาน ซึ่งมันเป็นงานสำหรับแฟนๆ ของ UbiSoft จริงๆ เป็นเหมือนมีตติ้งเล็กๆ ประจำปีระหว่างบริษัทและแฟนๆ ให้ได้มาใกล้ชิด พูดคุย ซื้อของ หรือลองเกมใหม่ๆ แบบเป็นกันเองครับ เป็นภาพที่เห็นกี่ครั้งก็ยังชอบมันเอามากๆ มิตรภาพระหว่างคนเล่นเกมด้ยกันมันสวยงามจริงๆ
ก็ต้องขอขอบคุณทาง UbiSoft อีกครั้งที่เชิญทางเรา Online Station ไปร่วมงานและเก็บภาพบรรยากาศไกลถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน สนุกมากๆ และแม้ทีมงานจะเปลี่ยนหน้าค่าตากันตลอดแต่ก็ดูแลกันดีเช่นเคย ขอบคุณจริงๆ ครับทั้งในเรื่องการสนับสนุนการเดินทาง และอีเวนต์ดีๆ เป็นประจำทุกปีแบบนี้
