ประเทศไทยกับความสำคัญที่ทำให้ไม่ถูกค่ายเกมระดับโลกมองข้ามอีกต่อไป
ปัจจุบันตลาดเกมของประเทศไทยนั้นจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดเกมที่เติบโตเร็วมากๆ เพราะจากข้อมูลของเว็บไชต์ newzoo เว็บไซต์ที่รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดเกมระบุไว้ว่า ในปี 2017 ตลาดเกมของประเทศไทยมีผลประกอบการอยู่อันดับที่ 20 ของโลก และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งเกมเมอร์ชาวไทยก็น่าจะสัมผัสถึงการเติบโตนี้ได้จากงานอีเว้นท์เกมมากมายที่ถูกจัดในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา
โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ตลาดเกมของประเทศไทยเติบโตมาถึงจุดนี้ได้ ก็คือค่านิยมและมุมมองของคนไทยที่มีต่อเกมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก จากที่ในอดีตเกมสำหรับคนไทยนั้นคือสินค้าสิ้นเปลืองและสิ่งบันเทิงไร้สาระ รวมไปถึงการสนับสนุนเกมผิดลิขสิทธิ์ที่ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ จนทำให้ค่ายเกมระดับโลกตัดสินใจที่จะไม่ทำตลาดในประเทศไทย ดังนั้นเมื่อปัญหาต่างๆ เหล่านี้หมดไป บวกกับอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงมากของตลาดเกมประเทศไทย จึงทำให้ค่ายเกมระดับโลกเริ่มหันกลับมาสนใจและเลือกที่จะเข้ามาทำตลาดกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ประเทศไทยถูกเลือก! เพราะในปัจจุบันนอกจากประเทศไทยแล้วประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ก็มีอัตราการเติบโตและขนาดของตลาดเกมที่ไม่แพ้ประเทศไทยเลย ซึ่งเราไปวิเคราะห์กันดีกว่าว่าเหตุผลจริงๆ ที่ทำค่ายเกมระดับโลกเลือกมาทำตลาดในประเทศไทยนั้นคืออะไร?
อัตราการเติบโตโดยรวมของตลาดเกมใน SEA
จากข้อมูลของเว็บไซต์ newzoo ระบุไว้ว่า ในปี 2019 ตลาดเกมของ SEA (Southeast Asia) นั้นมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีผลประกอบการอยู่ที่ประมาณ 1แสน 4 หมี่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 22 % จึงทำให้ค่ายเกมระดับโลกหลายๆ ค่าย ให้ความสนใจต่อตลาดเกมใน SEA เพิ่มมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นการจะเข้ามาทำตลาดใน SEA ก็ใช่ว่าจะลงทุนประเทศเดียวแล้วจะจบเลย! เพราะด้วยความที่ประเทศใน SEA มีความแตกต่างในด้านวัฒนธรรม และข้อกฏหมายสูงมากๆ ไม่เหมือนยุโรปและอเมริกา ดังนั้นการจะเข้ามาทำตลาด SEA ก็จึงต้องเลือกลงทุนในประเทศที่มีความพร้อม และคุ้มค่ามากที่สุดก่อน ซึ่งประเทศที่อยู่ในเกณฑ์นี้ก็คือ อินโดนิเซีย เวียดนาม และไทย 3ประเทศที่มีผลประกอบการ และอัตราการเติบโตของตลาดเกมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของ SEA นั่นเอง
ข้อได้เปรียบของประเทศไทย
ถ้าหากวัดจากผลประกอบการของตลาดเกม แน่นอนว่าประเทศไทยนั้นไม่ใช่ประเทศที่มีมากที่สุด แต่ถ้าเป็นในเรื่องของกำลังจ่ายต่อคนก็ต้องบอกเลยว่าประเทศไทยนี้แหละอันดับหนึ่ง! เพราะจากข้อมูลของ statista เว็บไซต์ที่เก็บรวมรวบสถิติทั่วโลกได้ระบุไว้ว่า ในปี 2017 ประเทศไทย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม มีกำลังจ่ายต่อคนอยู่ที่ 26.08 , 33 และ 11.43 ดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2018 มีกำลังจ่ายต่อคนอยู่ที่ 26.45 , 28.4 และ 12.72 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดจากใน 3ประเทศนั้น กลับมีอัตราการเติบโตของกำลังจ่ายต่อคน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อตลาดเกมสูงที่สุด
และนอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ค่ายเกมระดับโลกเลือกประเทศไทยนั้นก็คือ “ความพร้อมของตลาดเกมที่มีกว่า” เพราะไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านของเครื่องมือที่ต้องใช้ในการทำตลาด เช่น สื่อ และตัวแทนจำหน่าย ไปจนถึงอุปสรรคสำคัญอย่างเรื่องวัฒนธรรมและข้อกฏหมายต่างๆ หากนำปัจจัยเหล่านี้ของทั้ง 3 ประเทศมาเปรียบเทียบกัน ก็จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันประเทศไทยนั้นมีความพร้อมที่เอื้ออำนวยให้กับค่ายเกมต่างๆ กว่ามากในทุกๆ ด้าน ซึ่งเราไปดูกันดีกว่าว่าตลาดเกมของประเทศไทยในตอนนี้ ได้รับความสนใจและความน่าเชื่อถือจากค่ายเกมระดับโลกมากแค่ไหนกันแล้ว
ตัวอย่างความเคลื่อนไหวของค่ายเกมระดับโลกในประเทศไทย
Sony Interactive Entertainment เปิดบูธใหญ่ในงาน TGSBIG 2017 พร้อมเปิดตัว 6 เกมเวอร์ชั่นภาษาไทยบนเครื่อง Play Station 4
งาน PlayStation Experience SEA 2018 ที่ Sony Interactive Entertainment จัดขึ้นในประเทศไทยพร้อมเผย 6 เกมที่จะทำเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยลงบนเครื่อง Play Station 4
เกม Rainbow Six Siege ของค่าย Ubisoft เวอร์ชั่นภาษาไทยที่ถูกอัพเดตเข้ามาในเกมปี 2018
งานแข่ง Overwatch World Cup 2018 รอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกที่ Activision Blizzard จัดขึ้นในประเทศไทย
Bandai Namco นำ 5 DEMO เกมใหม่มาให้ทดลองเล่น พร้อมประกาศเปิดตัวเกม Jump Force เวอร์ชั่นภาษาไทยในงาน Thailand Game Show 2018
ถึงแม้ว่าปัญหาสำคัญอย่างเกมผิดลิขสิทธิ์หรือเกมเถื่อนจะหายไปเกือบหมดแล้ว แต่ถ้าหากพวกเราชาวเกมเมอร์หลงผิดอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้มันก็พร้อมจะกลับมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถ้าหากจะอยากเห็นวงการเกมของประเทศไทยเติบโตต่อไป ก็อย่างลืมช่วยกันอุดหนุนเกมถูกลิขสิทธิ์กันด้วยนะครับ