มีงี้ด้วย! รู้จักกับ 7 นักพัฒนาเกมที่เคยประกอบอาชีพแหวกแนวก่อนเข้าวงการ

โดยทั่วไปในสายตาเกมเมอร์อย่างเราๆ เวลามองนักพัฒนาเกม ก็มักจะเชื่อว่าคนเหล่านี้คงน่าจะจบด้านโปรแกรมเมอร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในกระบวนการผลิตเกม เช่น ดนตรี กราฟิกดีไซน์ หรืออะไรแนวๆ นี้กันใช่มั้ยครับ แต่ในซอกมุมนึงของกลุ่มนักพัฒนาเกมเหล่านี้ ยังมีอยู่จำนวนหนึ่งที่เคยทำบางอาชีพที่ไม่น่าจะมาข้องแวะหรือเชื่อมโยงอะไรกับวงการเกมได้เลย เราจึงขอยกตัวอย่าง 7 นักพัฒนาเกมผู้ที่เคยประกอบอาชีพสุดแนวให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกันสักหน่อยครับ


1. โกอิจิ สึดะ (Goichi Suda)

ผลงานเด่น: Shadows of the Damned (คนเขียนบท) / Killer7 (ผู้กำกับ) / No More Heroes (ผู้กำกับ)

โกอิจิ สึดะ นักพัฒนาเกมสุดติสท์จากจังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น โดยสึดะนั้นเป็นผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Grasshopper Manufacture ที่ผลิตเกมดังๆ ออกมามากมาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าก่อนที่แกจะเข้าสู่วงการเกม เจ้าตัวเคยประกอบอาชีพเป็นสัปเหร่อมาก่อน กระทั่งได้เริ่มมีความสนใจในแวดวงอุตสาหกรรมเกม จึงลองสมัครเข้าทำงานที่ค่ายเกม Human Entertainment (ที่มีซีรีส์เกมดังๆ คุ้นชื่อเกมเมอร์ในไทยคือ Clock Tower) และจากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการเกมก็ทำให้ผู้คนได้ตั้งชื่อเล่นสุดคูลให้กับเขาว่า “Suda51”

หมายเหตุ: ชื่อเล่น Suda51 เป็นการเล่นคำของชื่อ โกอิจิ โดยคำว่า โกะ ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าเลข 5 ส่วนคำว่า อิจิ ก็แปลว่าเลข 1 ดังนั้น โกอิจิ ก็เลยอ่านได้ว่า 51 นี่แหละครับ

ความสามารถของคุณสึดะมักเป็นที่เลื่องลือของวงการเกมในด้านงานเขียนพล็อตเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งตัวเขาเองชื่นชอบงานเขียนของ ฟรานซ์ คาฟคา (Franz Kafka) มาก ซึ่งคาฟคานั้นมีจุดเด่นเรื่องการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทางโลกและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ เลยนำแรงบันดาลใจเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในเกมที่เขาร่วมพัฒนา จะเห็นได้ว่างานแต่ละชิ้นของพี่แกจะค่อนข้างติดโทนดาร์ค เอกลักษณ์แบบนี้เห็นปุ๊บแล้วรู้ได้ว่านี่คืองานที่แกมีเอี่ยวด้วยนั่นเอง และจากลายเซ็นบนเนื้องานที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัวของสึดะ ทำให้บุคคลในวงการเกมบางท่านได้นิยามเขาว่าเป็น “เควนติน ตารันติโน่ ของวงการเกม” เลยทีเดียว


2. ฮิเดทากะ มิยาซากิ (Hidetaka Miyazaki)

ผลงานเด่น: Dark Souls ภาค 1 และ 3 (ผู้กำกับ) / Bloodborne (ผู้กำกับ) / Sekiro: Shadows Die Twice (ผู้กำกับ)

ทางด้านผู้กำกับเกมตระกูลชวนหัวร้อนอันโด่งดังอย่าง Dark Souls และ Bloodborne รายนี้ แถมกำลังจะมีผลงานเกมใหม่เตรียมวางจำหน่ายอย่าง Sekiro: Shadows Die Twice รออยู่ เชื่อว่าหากเพื่อนๆ ลองนึกถึงเกมยากมหาโหดที่คุณมิยาซากิทำแล้วคงจะมึนยิ่งไปอีกถ้ารู้ว่าพี่แกเคยทำงานอยู่ในฝ่ายจัดการบัญชีของบริษัท Oracle ที่สหรัฐอเมริกามาก่อน จากนั้นเขาก็ได้มีโอกาสได้ลองเล่นเกม ICO ของเครื่อง PS2 เลยเกิดรู้สึกสนใจที่จะโยกสายงานมาพัฒนาเกมแทน แต่ ณ ตอนนั้นก็มีค่ายเกมอยู่ไม่กี่แห่งที่จะอ้าแขนรับคนที่จบด้านสังคมศาสตร์อย่างเขา และ 1 ในนั้นก็คือ FromSoftware ค่ายที่เขาได้สร้างผลงานจนไต่เต้าขึ้นมาเป็นประธานบริษัทในเวลาต่อมานั่นเอง

หมายเหตุ: บริษัท Oracle เป็นองค์กรใหญ่ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล และระบบวางแผนทรัพยากรภายในองค์กร โดย ลาร์รี่ เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทนี้ก็ติดโผมหาเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวประมาณ 1.85 ล้านล้านบาทครับ

คุณมิยาซากิได้เริ่มสร้างชื่อในสายงานพัฒนาเกมด้วยตำแหน่ง Planner ให้กับเกมซีรีส์ Armored Core ที่เป็นเกมแนวหุ่นยนต์สู้รบ ก่อนจะเปลี่ยนมาทำเกมแนวแอ็กชั่น RPG นั่นก็คือเกม Demon’s Souls บน PS3 แล้วตามมาด้วย Dark Souls และ Bloodborne กระทั่งประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย จนกำเนิดกลุ่มแฟนเกมที่ชื่นชอบเอกลักษณ์ในชิ้นงานที่เขาร่วมพัฒนาขึ้นมาทั่วโลก และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีรีส์ Souls ในทุกวันนี้เปรียบเสมือนตัวแทนจากค่ายเกมญี่ปุ่นเพียงไม่กี่ซีรีส์ที่ยังคงเจาะตลาดตะวันตกได้อยู่


3. ยูจิ โฮริอิ (Yuji Horii)

ผลงานเด่น: Dragon Quest ภาคหลัก (คนออกแบบเกมและเขียนบท)

หากจะนึกถึงบุคลากรอันทรงคุณค่าของวงการเกมญี่ปุ่น ย่อมต้องมีคุณโฮริอิ ผู้สร้างซีรีส์ Dragon Quest รวมอยู่ในนั้นด้วยแน่นอน โดยเขาถือเป็นกำลังสำคัญของความสำเร็จที่เกม Dragon Quest ได้รับมาตลอดกว่า 3 ทศวรรษ และเขาคนนี้ยังเป็น 1 ในบุคคลที่จุดประกายให้ ฮิเดโอะ โคจิม่า ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่วงการเกมด้วย แต่ก่อนที่คุณโฮริอิจะมาโด่งดังในฐานะผู้สร้าง Dragon Quest นั้น เขาเคยมีอาชีพเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ให้กับหนังสือพิมพ์ เคยวาดการ์ตูนมังงะ และเคยเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารหัวต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มไปประกวดแข่งขันพัฒนาเกมในโครงการที่บริษัท Enix (ก่อนจะรวมกับ Square เป็น Square Enix ในปัจจุบัน) จนสร้างชื่อมาถึงทุกวันนี้

ถ้าถามว่าเกม Dragon Quest นั้นมีอิทธิพลกับคนญี่ปุ่นอย่างไร ต้องบอกเลยว่านับตั้งแต่เกม Dragon Quest IV เป็นต้นมา ทางรัฐบาลญี่ปุ่นถึงกับต้องออกประกาศ “ขอความร่วมมือ” กับทาง Enix และบรรดาร้านค้าทั่วประเทศว่าให้วางจำหน่ายเกมตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนขัตฤกษ์แทน เพื่อป้องกันมิให้คนญี่ปุ่นพากันหยุดงานมาต่อคิวซื้อเกมนี้ ซึ่งจะกระเทือนกับเศรษฐกิจของประเทศเอาได้นั่นเอง


4. เดวิด ไกเดอร์ (David Gaider)

ผลงานเด่น: Dragon Age: Origins, Dragon Age II และ Dragon Age: Inquisition (คนเขียนบท)

อดีตนักเขียนบทมือฉมังจาก BioWare ที่เป็นสตูดิโอในสังกัดของ EA ซึ่งกว่าที่เขาจะเป็นที่รู้จักในวงการเกมในฐานะผู้ให้กำเนิดซีรีส์ Dragon Age ไกเดอร์เคยเริ่มต้นทำงานเป็นบริกรในร้านอาหารและโรงแรมมาก่อน แต่ก็มีการทำงานด้านออกแบบเกมเป็นจ๊อบเสริม ต่อมาเพื่อนของเขาจึงแนะนำตำแหน่งงานใน BioWare ให้ และก็ได้มีส่วนร่วมกับทีมพัฒนาเกม Baldur’s Gate 2 ในที่สุด

ไกเดอร์ลาออกจาก BioWare ในช่วงต้นปี 2016 แล้วย้ายไปทำงานให้กับสตูดิโอ Beamdog ในประเทศแคนาดาจนถึงต้นปี 2018 และนับแต่นั้นก็ไม่ค่อยมีข่าวอัพเดตเกี่ยวกับตัวเขาเท่าไหร่นัก


5. ฮิโรโนบุ ซาคากุจิ (Hironobu Sakaguchi)

ผลงานเด่น: Final Fantasy (คนออกแบบเกม) / Final Fantasy II จนถึง Final Fantasy V (ผู้กำกับ)

บิดาของซีรีส์ Final Fantasy อย่างคุณซาคากุจิ ก่อนที่เขาจะได้มาทำงานให้กับค่าย Square ก็เคยใช้ช่วงเวลาตอนเป็นวัยรุ่นไปเล่นดนตรีอาชีพอยู่หลายวง และยังเคยรับจ๊อบขายตั๋วคอนเสิร์ตอีกด้วย

หลังจากที่คุณซาคากุจิแสดงความรับผิดชอบจากปัญหาที่ภาพยนตร์ Final Fantasy: The Spirits Within ไม่ประสบความสำเร็จด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารของ Square เขาก็หันไปตั้งสตูดิโอของตัวเองที่มีชื่อว่า Mistwalker และป้อนเกมเจ๋งๆ ลงให้กับ Xbox 360 และ Wii อยู่พักนึง จนเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา คุณซาคากุจิก็ประกาศเปิดตัวสตูดิโอแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า Dawnwalker ขึ้นมาอีกแห่ง ซึ่งก็ต้องรออัพเดตข่าวคราวจากค่ายนี้กันอีกทีนะครับว่าจะมีผลงานอะไรเด็ดๆ ออกมาให้ได้เล่นกันบ้าง


6. เคนจิ เอโนะ (Kenji Eno)

ผลงานเด่น: D (ผู้กำกับ)

สำหรับคนนี้ เกมเมอร์ในไทยน้อยคนที่น่าจะรู้จักเขาครับ โดยคุณเคนจิ เอโนะ คือผู้ที่ก่อตั้งสตูดิโอ WARP ที่พัฒนาเกม D ซึ่งเป็นเกมแนวสยองขวัญสั่นประสาทมาถึง 2 ภาค ลงให้กับเครื่อง PS1, Sega Saturn และ 3DO เมื่อปี 1995 นู่นเลย ทว่าหลังจากที่เกม D2 (ภาค 2) วางจำหน่าย ทางค่ายก็ประสบภาวะขาดทุนจนจำต้องเปลี่ยนชื่อเป็น SuperWARP แล้วเปลี่ยนธุรกิจของบริษัทเป็นการจำหน่ายสื่อบันเทิงบนแผ่นดีวีดี, วางระบบเครือข่ายโทรศัพท์, จำหน่ายบุหรี่ ตลอดจนการออกแบบโมเดลธุรกิจโรงแรม กระทั่งทำอยู่ได้ 5 ปี บริษัทก็ต้องปิดตัวลง ส่วนตัวคุณเอโนะเองก็วกกลับมายังวงการเกมอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวค่าย From Yellow to Orange แต่ก็ไม่มีเกมไหนฮิตติดตลาดเหมือนครั้งที่เกม D เคยทำได้อีกเลย

โชคร้ายที่คุณเอโนะต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013 ที่ผ่านมา ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวอันเนื่องมาจากโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งอย่างน้อยวงการเกมในญี่ปุ่นก็ยังคงจดจำเขาในฐานะผู้ที่บุกเบิกเกมแนวสยองขวัญในยุคหนึ่ง ก่อนที่ Resident Evil จะถือกำเนิดตามมาในปี 1996 ครับ


7. มาซายะ มัตสึอุระ (Masaya Matsuura)

ผลงานเด่น: PaRappa the Rapper (โปรดิวเซอร์และคนออกแบบเกม)

คุณมาซายะ มัตสึอุระ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ NanaOn-Sha ที่พัฒนาเกม PaRappa the Rapper จำนวน 2 ภาค ลงบนเครื่อง PS1, PS2 และ PSP ซึ่งถ้าใครเกิดทันยุคนั้นคงทราบดีว่ามันเป็นเกมแนวจับจังหวะดนตรีเพลงแร็พ ที่มีดีไซน์ตัวละครดูเก๋ไก๋และเป็นเอกลักษณ์ โดยในอดีตคุณมัตสึอุระแกเคยเป็นนักร้อง นักดนตรี ที่เคยตั้งวงเจป๊อปนามว่า Psy-S สังกัดค่าย Sony Music มาก่อน และมีทำเพลงออกมาถึง 10 อัลบั้ม แถมยังมีออกอัลบั้มเดี่ยวอีกถึง 2 อัลบั้มด้วยกัน นอกจากนี้ความสามารถด้านดนตรีเขาก็ไม่เป็นรองใคร พี่แกสามารถเล่นกีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, คีย์บอร์ด มิหนำซ้ำยังรับหน้าที่เป็นผู้แต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงประจำวง Psy-S อีกต่างหาก ส่วนงานดนตรีที่เป็นที่รู้จักที่สุดก่อนจะมาอยู่วงการเกมก็คือการทำเพลงประกอบให้กับอนิเมะสุดอมตะเรื่อง City Hunter ครับ

ปัจจุบันบริษัท NanaOn-Sha ได้เน้นพัฒนาเกมป้อนลงสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ขณะที่คุณมัตสึอุระเองก็ยังคงทำงานด้านเพลงเป็นจ๊อบเสริมไปด้วย

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้