รู้จักกับ Bloody Roar II อดีตเกมไฟท์ติ้งสุดแนว ขวัญใจเกมเมอร์ชาวไทย

หากจะพูดถึงเกมไฟท์ติ้งที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่เกมเมอร์ชาวไทย ส่วนใหญ่เรามักจะพุ่งเป้าไปที่ซีรีส์ดังๆ อย่าง Street Fighter, Tekken หรือ The King of Fighters กัน ซึ่งซีรีส์ที่กล่าวมานี้ก็ล้วนแต่เป็นซีรีส์ที่ดังค้างฟ้า อยู่คู่เกมเมอร์ทั่วโลกมานานประมาณ 20-30 ปีได้แล้ว แต่มีอยู่อีกซีรีส์นึงครับที่ถือกำเนิดขึ้นในยุค PS1 แถมยังได้รับความนิยมในไทยอย่างล้นหลาม ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะดุดตาก็คือการที่ตัวละครในเกมสามารถแปลงร่างเป็นสิงสาราสัตว์ต่างๆ ได้ ก็คือซีรีส์ Bloody Roar นั่นเอง และภาคที่สร้างปรากฏการณ์ความปังในไทยได้เยอะที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Bloody Roar II ครับ วันนี้ทีมงาน OS เลยขอหยิบเอาข้อมูลรายละเอียดของเกมนี้มาเล่าสู่กันฟัง เป็นการรำลึกเกมนี้ที่กำลังจะครบรอบ 20 ปีของการวางจำหน่ายในวันที่ 28 มกราคม 2019 ว่าแล้วเรามาชมกันเลยดีกว่า

(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่น

(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นอเมริกา


การพัฒนาและความเป็นมา

– Bloody Roar II ถือเป็นภาคที่ได้คะแนนรีวิวสูงที่สุดในซีรีส์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยจากสำนักข่าวทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 78% ซึ่งความนิยมที่มีต่อเกมนี้ในต่างแดนถือว่าระดับ “เฉยๆ” ครับ ยอดขายพอประมาณ เมื่อเข้าสู่ภาค 3 และ 4 ความนิยมก็เริ่มเสื่อมไปตามกาลเวลา ในขณะที่เมืองไทยจะคลั่งไคล้เกมนี้กันแบบมืดฟ้ามัวดิน แต่ยอดขายก็ไปไม่ถึงผู้พัฒนาเกมเช่นกัน เพราะบ้านเราในยุคนั้นเล่นเถื่อนกันรัวๆ เลยครับพี่น้องงงง

– ย้อนไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2011 ได้มีข่าวลือผ่านทางทวิตเตอร์ว่าทาง Hudson Soft เตรียมจะพัฒนาเกม Bloody Roar V ลงให้กับเครื่อง PS3 และ Xbox 360 แต่แล้วในอีก 3 วันต่อมาก็มีการสืบค้นจากเหล่าเกมเมอร์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของการพัฒนาเกมดังกล่าว จนในที่สุดก็พบว่าข่าวที่ว่านั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เนื่องจากข่าวได้ถูกโพสต์โดยไอดีที่สร้างขึ้นมาเพื่ออัพข่าวลวงโดยเฉพาะ และกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข่าวการพัฒนาภาคต่อของ Bloody Roar ออกมาอีกเลย

– เดิมทีสิทธิ์ในตัวเกม Bloody Roar นั้นเป็นของบริษัท Hudson Soft (ที่มีผลงานพัฒนาเกมดังอย่าง Bomberman) แต่ Hudson Soft กลับประสบปัญหาขาดทุนหนักจนต้องล้มละลาย ก่อนที่ทาง Konami จะมาเทคโอเวอร์ไปตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2011 ซึ่งนับจาก Bloody Roar ภาค 4 ที่วางจำหน่ายบน PS2 เมื่อปี 2003 จนกระทั่ง Hudson Soft ล้มละลาย ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันที่สิทธิ์ในตัวเกมตกอยู่ในมือของ Konami ตอนนี้ก็ปี 2019 แล้ว แฟนๆ ที่ยังคิดถึงซีรีส์นี้อยู่อาจต้องทำใจกันแล้วละครับว่าอนาคตของซีรีส์นี้แทบจะสิ้นสุดแล้วจริงๆ เพราะแม้แต่ซีรีส์หลักของ Konami เองอย่าง Castlevania หรือ Silent Hill ก็ยังไม่มีการประกาศทำภาคใหม่เลยด้วยซ้ำ


พล็อตเรื่องและเกมเพลย์

เนื้อเรื่องของ Bloody Roar II จะเป็นเหตุการณ์ 5 ปีให้หลังจากภาคแรก หลังจากที่องค์กร Tylon ได้ล่มสลายไป กลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า Zoanthrope หรือผู้ที่ได้รับพลังจากสัตว์ป่าก็ได้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข ทว่าความสงบนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะตัวตนของเหล่า Zoanthrope ได้ถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณชน ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดระแวงว่าเหล่า Zoanthrope จะทำอันตรายกับมนุษย์ แถมยังมี Zoanthrope จำนวนหนึ่งที่มองว่าพวกตนเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาและสมควรได้ยึดครองโลกก็ไปก่อตั้งองค์กร ZLF เพื่อรวบรวมพรรคพวกในการก่อแผนร้ายครั้งนี้ ทาง Zoanthrope ที่ไม่เห็นด้วยเลยต้องร่วมมือกันต่อต้าน ZLF โดยมีเป้าหมายคือสร้างสันติสุขร่วมกันระหว่างมนุษย์และ Zoanthrope

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า Bloody Roar เป็นเกมแนวไฟท์ติ้งที่มีความแตกต่างจากเกมไฟท์ติ้งซีรีส์อื่นๆ ก็ตรงที่ตัวละครทุกตัวจะสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ได้ ซึ่งเมื่ออยู่ในร่างสัตว์ป่า (เรียกว่า Beast Mode) แล้วก็จะมีพละกำลังและความเร็วที่สูงขึ้น มีท่าไม้ตายใหม่ๆ ให้ใช้ ตลอดจนสามารถฟื้นพลังชีวิตได้บางส่วน โดยในภาค 2 นี้ก็ได้มีการเพิ่มระบบใหม่เข้ามาที่มีชื่อว่า Beast Drive ซึ่งเป็นการปล่อยท่าไม้ตายพลังโจมตีสูง และการปล่อยท่าดังกล่าวก็จะมีคัทซีนสวยๆ ให้ชมกันอีกด้วย


ความลับต่างๆ ในเกม

– ในหน้าไตเติ้ลของเกม หากผู้เล่นกดปุ่ม L1, L2, R1 และ R2 พร้อมกันค้างไว้แล้วเลือกโหมดใดก็ได้ ก็จะสามารถปลดล็อคระดับความยาก Expert ที่เป็นระดับความยากสูงสุดมาเล่นได้

– ถ้าผู้เล่นสามารถเคลียร์โหมด Arcade ด้วยตัวละครทุกตัวที่มีให้ใช้ในเกมครบทุกตัวแล้ว เมื่อเข้ามาอยู่ในฉากเลือกตัวละคร ให้กดปุ่ม Start ที่ตัวละครที่ต้องการจะเล่น ก็จะสามารถเลือกชุดแต่งกายชุดที่ 4 ของตัวละครนั้นๆ มาใช้ได้

– ปกติแล้วในโหมด VS ของเกมนี้ เวลาต่อสู้กันจบแต่ละแมตช์ก็จะเด้งกลับมาที่หน้าจอเลือกตัวละคร แต่ถ้าผู้เล่นอยากสู้ต่อด้วยตัวละครเดิมของทั้ง 2 ฝ่าย ให้กดปุ่ม L1 หลังจบการต่อสู้ในแมตช์นั้น ก็จะสามารถ Rematch ได้ทันที

– เกมนี้จะมีบั๊กอยู่อย่างหนึ่งครับ โดยถ้าผู้เล่นสามารถปราบคู่ต่อสู้ได้ในยก Final Round ก็ให้ลองแปลงร่างเข้าสู่ Beast Mode ดู จากนั้นกดปุ่ม L1 เพื่อใช้ท่า Beast Drive Attack คราวนี้ก็ให้รอจน Replay ของการต่อสู้แมตช์นั้นเริ่มรัน ก็จะเห็นตัวละครร่างมนุษย์ของเราแสดงท่าแสดงความดีใจ โดยมีฉากหลังเป็นร่างสัตว์ป่าที่กำลังใช้ท่า Beast Drive Attack พร้อมกับแบคกราวด์ที่เป็นสีดำมืดสนิททั้งจอ

– เมื่อเคลียร์โหมดเนื้อเรื่องจบ 1 ครั้ง ด้วยตัวละครใดหรือความยากใดก็ได้ จะสามารถปลดล็อคโหมด Big Arm Mode, Big Head Mode และ Kids Mode และตัวละคร Gado มาใช้ได้ โดยโหมด Big Arm จะเป็นโหมดที่ตัวละครมีแขนโตกว่าปกติ เช่นเดียวกับ Big Head Mode ที่ตัวละครจะมีศีรษะโตกว่าปกติแทน ส่วน Kids Mode ก็จะเป็นโหมดที่ตัวละครมีไซส์ขนาดเล็ก ดูน่ารักเหมือนเด็กสู้กัน

– ถ้าเคลียร์โหมด Arcade ได้โดยไม่คอนทินิวเลย และเอาชนะ Shen Long สำเร็จ ก็จะปลดล็อคตัวละคร Shen Long มาใช้ได้

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้