แบบนี้อย่าสร้างเลยดีกว่า! มาดู 10 สิ่งประดิษฐ์ไฮเทคที่ไม่สมควรคิดค้น

       สวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านที่ติดตาม OS Corner กันเสมอมา วันนี้น้องเฟย์เอาข้อมูลแปลกๆ ที่อิงวิทยาศาสตร์มาฟากกันครับ เพื่อนๆ เคยคิดไหมว่า วิทยาศาสตร์ นั้นช่วยทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นสะดวกขึ้นมากมาย อยากช่วงหน้าร้อน แอร์นี่แหละเป็นสิ่งประดิษฐิ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลก แต่ถ้าเกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ควรสร้างล่ะ มีอะไรบ้าง เราไปดูกันดีกว่าว่า 10 สิ่งประดิษฐ์ ที่อย่าสร้างเลยดีกว่า มีอะไรกันบ้างครับ

อันดับ 10 Flying Machine

     รถบินยังคงเป็นพาหนะในฝันของมนุษย์ ที่อยากจะได้เป็นเจ้าของบ้างในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด คุณลองคิดดูสิคุณสามารถนั่งรถที่ดูเหมือนเครื่องบินสามารถพาคุณไปจุดมุ่ง หมายในระยะอันใกล้ได้โดยการขึ้นบนฟ้า ท่องอวกาศด้วยไม่ง้อนาซ่า มันจะดีแค่ไหน

ในโลกแห่งความจริง มีผู้พยายามทำรถยนต์บินหลายเจ้า ล่าสุด บริษัทมอลเลอร์อินเตอร์เนชันแนล ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พัฒนารถ "เดอะ มอลเลอร์ เอ็ม400 สกายคาร์" ขึ้นมา บินได้ด้วยความเร็ว 360 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังปารีส จะใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น โดยผู้ผลิตบอกว่ารถคันนี้ขับง่ายมาก ผู้ที่ขับรถอยู่แล้ว ก็สามารถนำมันขึ้นบินได้ แค่ตั้งทิศทางของจุดหมายที่จะไป พร้อมกับควบคุมความเร็วของรถ ซึ่งผู้ผลิตคาดว่ารถต้นแบบ "เดอะ มอลเลอร์ เอ็ม 400 สกายคาร์" จะพัฒนาเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมกับจะขออนุญาตจากสำนักงานการบินสหพันธ์ หรือ เอฟเอเอ ยอดจองรถที่เข้ามานั้นมีประมาณ 100 คันแล้ว คาดว่าราคาจะอยู่ที่ 5 แสนเหรียญ หรือ 17.5 ล้านบาท

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? ขนาด การจราจรบนพื้นดินยังว่าจัดการยากแล้ว แล้วการจราจรบนท้องฟ้ามันจะยุ่งยากขนาดไหน ในเมื่อไม่มีสัญญาณไฟเขียวไฟแดง ไม่มีเส้นทางบังคับ มีหรือที่จะไม่เกิดอุบัติเหตุกลางอากาศ หากเราดูสารคดีคมนาคมอากาศเครื่องบินเราจะรู้ซึ้งถึงความยุ่งยากอย่างไม่น่า เชื่อ เมื่อบนท้องฟ้ามันอันตรายกว่าบนบกอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นหลุมอากาศ สภาพอากาศแปรปรวน นกบิน ฯลฯ คงยุ่งยากพิลึกในการจัดการเส้นทางการเดินทางของรถแต่ละคันได้อย่างครบถ้วน

อันดับ 9. Cryogenic freezing

     เขียนไปนานแล้วแต่ก็อยากจะเขียนอีก การแช่แข็งยังเป็นเทคโนโลยี Cryonics ในฝันสำหรับคนที่เป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย แต่เขาก็มีโอกาสเป็นผู้โชคดีในการเข้าร่วมโครงการแช่แข็งในอุณหภูมิที่ต่ำ กว่าศูนย์องศา เพื่อรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ (และเขาอ้างว่าสามารถรักษา ความทรงจำและบุคลิกภาพในสมองไว้ได้ด้วย) และเก็บรักษาไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังที่จะรักษาโรคในอนาคตที่ทางการแพทย์ก้าวหน้า

เทคโนโลยีมีอยู่จริงในหน่วยงานชื่อ Alcor Life Extension Foundation หน่วยงานนี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไร และมีเป้าหมายอยู่กับการเก็บอวัยวะบางส่วน (ศีรษะ) ไว้ในภาชนะที่ลดอุณหภูมิมากๆ บริการนี้มีไว้สำหรับผู้เป็นสมาชิกเท่านั้น ส่วนเหตุผลของการเก็บรักษาศีรษะของผู้ตายไว้ เพราะปัจจุบันเครื่องมือที่นี่ ยังไม่สามารถเก็บรักษาร่างกายทั้งร่างของมนุษย์ไว้ได้ดีพอ เนื่องจากร่างกายของเรามีความหนาแน่นของอวัยวะแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน อุณหภูมิที่จะเก็บรักษาจึงแตกต่างกันมากด้วย สมองจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนๆ หนึ่ง ที่ควรเก็บรักษาไว้ เพี่อรอคอยเทคโนโลยีในอนาคต ที่จะสามารถทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? แต่อย่าง ไรมันก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่หลายๆ เรื่อง เช่นเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถอธิบายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันสามารถทำได้หรือ เปล่า สามารถปลุกคนที่แช่แข็งมาได้หรือเปล่า แม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ทดลองกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช้คน เช่น ทดลองในกบ สุนัข นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องกฎหมายที่ยังถกเถียงหลายรอบว่า ถ้าเกิดคนที่ตาย แล้วทางกฎหมายคืนชีพในอนาคตและสถานะบุคคลจะเป็นเช่นไร

อันดับ 8. Artificial Intelligence

     ปัญญา ประดิษฐ์ ก็ยังเป็นความฝันของคนธรรมดาและชาวโอตากุอย่างเราๆ ที่อยากเห็นหุ่นยนต์ฉลาดเท่ามนุษย์และรับใช้เราเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์โดยไม่ ปริปากบ่น ในภาพยนตร์และนิยายที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ไซไฟ ค่อนข้างแสดงออกอย่างน่ารื่นรมย์เสียจริง

ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์เป็นสิ่งไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมายถึง ความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึงศาสตร์ในด้านอื่นๆ อย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการการคิด การกระทำ การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทำงานของสมองของเครื่องจักร

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สิ่งที่ถกเถียงคือ เราสมควรพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ใช่อารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์หรือไม่ หากทำแล้วจ่ะสงผลให้หุ่นยนต์เกิดความคิดที่จะเป็นศัตรูกับมนุษย์หรือเปล่า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็ยังพยายามศึกษา และพัฒนาหุ่นยนต์กันอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นผลให้หุ่นยนต์มีการพัฒนาที่ดี ขึ้นเป็นลำดับ และในอนาคต หากวันใดวันหนึ่งมนุษย์สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ ให้มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ได้ละก็จะเกิดปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน

และที่น่าวิตก คือ มนุษย์ได้พัฒนาอาวุธในการสงครามที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งอาวุธเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของหุ่นยนต์เช่นกัน…และถ้าวันใดวันหนึ่งมัน มีความคิดที่จะตอบสนองด้วยตนเอง แน่นอนอะไรมันจะเกิดขึ้น คงไม่ต้องอธิบายยาวละ

อันดับ 7. Prediction of the future

     เป็น การดีหรือไม่หากเรารู้อนาคตเพื่อป้องกันภัยพิบัติต่างๆ เพียงแค่คุณดูอยู่ในหน้าจอ คุณก็เห็นอนาคตทำนายต่างๆ ที่เราสามารถป้องกันภัยพิบัติต่างๆ นานา ได้ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม, การก่อการร้าย โรคระบาด และนี่จะเป็นเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบหรือไม่? โอกาสที่มี เทคโนโลยีเหล่านี้มีสูงครับ เพราะปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์อากาศ, การเกิดสึนามิ และวงการธุรกิจ ฯลฯ

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สมมุติว่าเราดูหน้าจอ สมมุติหน้าจอบอกว่าจีนจะบุกอเมริกา เพื่อป้องกันเหตุเกิดขึ้น อเมริกาสั่งประชาชนหยุดงานและเริ่มต้นทำสงครามกับ จีน โดยไม่ใช้วิธีการทูต เปิดตัวด้วยขีปนาวุธต่างๆ มันคงสนุกพิลึกละ อีกทั้งเกิดมีการทำนายหวยล็อตเตอรี่, ทำนายดวงซะตา เรื่องวุ่นวายก็จะเกิดขึ้นไม่รู้จบ

อันดับ 6. Teleportation Device

     มนุษย์รู้จักล้อมาเป็นเวลากว่า 3,000 ปี มีนักประดิษฐ์มากมายสร้างเครื่องจักรกลที่ติดล้อ สามารถเคลื่อนย้ายคนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เช่น รถม้า จักรยาน และรถยนต์ เป็นต้น ต่อมาพัฒนาเป็นเครื่องจักรที่ไม่ต้อง ใช้ล้อ แต่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วกว่า เช่น เครื่องบินและจรวด อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ การเคลื่อนที่แบบดังที่กล่าวไปแล้ว เป็นสิ่งล้าสมัย เมื่อมาเทียบกับสิ่งที่จะเขียนถึงนี้ ยกตัวอย่างถ้าคุณอยู่ที่บ้านและต้อง การไปโลตัส หรือบิ๊กซี บนดวงจันทร์ เพียงแต่เดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่สร้างหลบมุมไว้ที่บ้าน และกดปุ่ม ร่างกายของคุณจะหายไป และไปปรากฎอยู่ที่ใหม่ ด้วยความเร็วที่เทียบได้กับความเร็วแสง ฝรั่งเรียกว่า วิธีเทเลพอเทชั่น (Teleportation)

แนวคิด เทเลพอเทชั่นเริ่มตั้งแต่ปี ปี ค.ศ. 1966 -69 ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เรื่อง สตาร์เทรค (Star-Trek) ประพันธ์ โดย นาย Gene Roddenberr เราจะได้เห็นกัปตัน Kirk ที่เป็นพระเอกของเรื่อง เดินเข้าไปในห้องแก้ว และ กดปุ่ม เขาจะหายไป และ ปรากฎอยู่ ณ ดาวแห่งหนึ่งที่ไกลจากเดิมนับพันปีแสง จากนั้นเป็นต้นมาก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามที่จะค้นหา

     ในปี 1993 แนวคิดของเทเลพอเทชั่น เข้าใกล้ความเป็นจริงยิ่งขึ้น เมื่อนักฟิสิกส์ คือ นาย Charles Bennett แถลงข่าวพร้อมกับทีมงานวิจัยของ ไอบีเอ็ม ยืนยันว่า ควอนตัมเทเลพอเทชั่น (Quantum Teleportation) กำลังเป็นจริงโดยพวกเขาทดลองเคลื่อนย้ายโฟตอนสำเร็จ หลักการทำงาน คือ คล้ายๆ กับเครื่องส่งแฟกซ์ ทำให้หน้าที่ทำให้มวลที่จุดเริ่มต้นแตกสลายกลายเป็นอะตอมและพลังงานโดยเก็บ ข้อมูลทุกๆ ตำแหน่งของอะตอม และส่งผ่านทางสายไฟ สายไฟเบอร์ออฟติก หรือไม่ต้องใช้สาย เป็นต้น เมื่อถึงตำแหน่งที่ ต้องการ อะตอมก็จะจัดเรียงและก่อตัวขึ้น เหมือนกับต้นทางทุกประการ แม้จะติดที่กฎพื้นฐานของฟิสิกส์ แต่กระนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถเคลื่อนย้าย มนุษย์โดยวิธีเทเลพอเทชั่นได้ หาก ความฝันนี้เป็นจริงเราก็สามารถเดินทางไปทั่วโลกภายในหนึ่งวันได้โดยไม่ง้อ เครื่องบิน เราสามารถไปช็อปปิ้งที่อียิปต์ กินอาหารที่อิตาลี เข้าห้องน้ำที่จีน และไปร้องคาราโอเกะที่ญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจเลยแหละ

ทำไม มันไม่สมควรเกิดขึ้น? มันคงเป็นสวรรค์และสนุกพิลึก และเมื่อผู้ก่อการร้ายสามารถใช้เทคโนโลยีนี้สร้างความวุ่นวายแก่ทั่วโลกใน เวลาแค่หนึ่งวัน และเทคโลยีนี้ใช่ว่าจะดีเสมอไป เมื่อคิดถึงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น เมื่ออะตอมจัดเรียงผิดพลาด คุณเคยทำสำเนาเองหรือไม่ คุณคงรู้ดีว่าบางครั้งสำเนาก็มีข้อผิดพลาด เช่น กระดาษติด กระดาษดำ กระดาษยับ ตัวอักษรซ้อน แล้วเครื่องเทเลฯ มีหรือจะไม่ผิดพลาดเหมือนเครื่องถ่ายเอกสารบ้าง ผมของคุณ เล็บมือ หัวใจ ฯลฯ คุณ แน่ใจหรือว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงหลังคุณใช้เครื่องนี้

อันดับ 5. Nanobots

นอกจากนาโนบอดี้ มันมีคุณสมบัติเหลือเชื่ออีก คือมันสามารถวิวัฒนาการไปจนมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ได้,ความสามารถในการประกอบตัว เอง และมันยังสามารถขยายพันธ์ได้ด้วย (Self Replication)

แม้นาโนบอดี้ จะเป็นของใหม่ แต่ตามที่ศึกษา ภายในระยะเวลา 10 ปี เราอาจมีนาโนบอดี้ที่สามารถเลื้อยไปในร่างกายของคุณทันทีโดยไม่ต้องพึ่งหมอ อีกต่อไป

ทำไมมันไม่สมควร เกิดขึ้น? นา โนบอดี้ อาจจะนำไปสู่หายนะที่คาดไม่ถึง ถ้าสมมุตินาโนบอดีที่ว่าเกิดทำสำเร็จ จนมันสามารถอยู่อาศัยบนร่างเราเรียบร้อย และมันมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ และถ้าเกิดเราตายลงแต่เจ้าเทคโนโลยีบอดียังโปรแกรมทำงานอยู่โดยไม่ได้ตาย พร้อมกับเราละอะไรจะเกิดขึ้น? แม้สมองของเราจะตาย แล้วเจ้านาโนนี้ก็จะทำงานและมันจะทำการสร้างรูปแบบระบบ ประสาท ขึ้นมาใหม่ บังคับกล้ามเนื้อในร่างกายของเรา แม้ร่างกายจะผุเน่าและสมองตายแล้ว แต่ซอมบี้ที่นาโนบอดีบงการอยู่ก็ยังสามารถแคลื่อนไหวได้ตามที่มันนึก

และ เมื่อนาโนนี้ถูกโปรแกรมการเพิ่มจำนวนตัวเอง (self-replicate) มันจึงต้องการเพิ่มจำนวนและหาร่างใหม่ดังนั้นมันเลยบงการร่างนั้น กัดเหยื่อที่แข็งแรง เพื่อให้นาโนบอดี้ เข้าไปติดตั้งในสมองเจ้าของบ้านใหม่ของมัน และมันสามารถปิดการทำงานของสมองเหยื่อรายใหม่ได้ และเมื่อสมองหยุดทำงานมันก็เปลี่ยนระบบประสาทใหม่ ที่นี้เราก็จะได้สมาชิกใหม่ ในกองทัพไม่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันตายได้แล้ว

อันดับ 4.Weather Control

     ยินดีต้อนรับสู่อนาคต เมื่อความหิวโหยทั่วโลกจะได้รับความแก้ไข ชีวิตสังคมปกติสงบสุข เมื่อไม่มีพายุเฮอริเคน หรือน้ำท่วม เมื่อมนุษย์สามารถควบคุมสภาพอากาศในระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนได้อย่างง่ายดาย จนเรียกได้ว่ามนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติได้

เทคโนโลยีนี้มีอยู่จริงครับ สหรัฐอเมริกาได้มีโครงการควบคุมสภาพอากาศนี้ว่า โครงการฮาร์พ Haarp HAARP(High Frequency Active Auroral Research Project) คือ ศูนย์วิจัยไอโอโนสแฟร์ (ionosphere คือ ชั้นบรรยากาศช่วงที่อยู่ห่างระหว่าง 80-1000 กิโลเมตร) ในมลรัฐอะแลสกา มีจุดมุ่งหมายสำรวจทรัพยากรชั้นบรรยากาศโลก เพื่อพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยโครงการนี้สามารถ สร้างและควบคุมสภาพภูมิอากาศได้ โดยการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ขึ้นไป ที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก ไปยังเป้าหมายที่รวมไปถึงส่งพลังงานนั้นลงไปสู่ชั้นหินใต้ดิน เพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหรือแผ่นดินไหวนั่นเอง

ทำไมมันไม่สมควร เกิดขึ้น? ต่าง ประเทศออกมาต่อว่าครับว่าโครงการนี้เป็นการสร้างอาวุธที่จะสร้างหายนะแก่ มนุษยชาติ เพราะมันทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน เมื่อไม่นานมานี้ มีคนกล่าวหาสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นต้นตอของหายนะในเฮติ จากการทดสอบอาวุธ อันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่คร่าชีวิตพลเรือนนับแสนคน

ในปี 1997 วิลเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ขณะนั้น แสดงความกังวลต่อเครื่อง HAARP นี้ ในกรณีที่มันสามารถก่อความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ จุดชนวนแผ่นดินไหวและควบคุมการปะทุของภูเขาไฟ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีร่วมกับดาวเทียม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อควบคุมกระแสลมกรด ซึ่งเป็นกุญแจของธรรมชาติที่จะนำพากลุ่มเมฆ น้ำฝน ความร้อน ความแห้งแล้งและความหนาวเย็น และอื่นๆ อีกมาก

ปัจจุบันโครงการฮาร์พกำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี 2549 (ปัจจุบัน แน่นอนคงใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว) แม้ว่ามีหลายประเทศออกมากดดันให้สหรัฐยกเลิกโครงการนี้แล้วก็ตาม

อันดับ 3. Genetic Engineering

     จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพันธุกรรมสามารถนำไปใช้โดยไม่ต้องสนใจศีลธรรม เพื่อสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา โดยไม่มีความเสี่ยงโรคภัยหรือคงวามผิดปกติหลังคลอด โดยไม่ต้องใช้นาโนบอดี้ยุ่งยากเหล่านั้น เหมือนในหนังเรื่อง Gattaca (1997) นอกจากนั้นพันธุกรรมยังช่วยในการแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและการสร้างสิ่งมี ชีวิตในฝันต่างๆ นานา

เราเรียกวิชาเหล่านี้ว่าพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) หรือความรู้ที่ได้จากการศึกษาชีววิทยาระดับโมเลกุล (molecular biology) จนทำให้สามารถประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยน เคลื่อนย้าย หรือตรวจสอบสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) และผลิตภัณฑ์ของสารพันธุกรรม (อาร์เอ็นเอและโปรตีน) การประยุกต์ใช้พันธุวิศวกรรมแบบหนึ่งที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ การเคลื่อนย้ายยีน (transgenesis) จากสิ่งมีชีวิตสปีชีส์หนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอื่นในสปีชีส์เดียวกัน หรือสปีชีส์อื่น ซึ่งทำให้เกิดการถ่ายทอดยีนและลักษณะที่ยีนนั้นควบคุมอยู่ ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจไม่เคยปรากฏในธรรมชาติมาก่อน ตัวอย่างเช่น การใส่ยีนสร้างฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปในแบคทีเรียหรือยีสต์ เพื่อให้ผลิตสารดังกล่าว ซึ่งสามารถนำมาสกัดบริสุทธิ์ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นต้น

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? ความจริงเทคโนโลยีดี แต่หากนำไปใช้โดยไม่คำนึงศีลธรรมและผลเสียที่ตามมาเป็นเรื่องยุ่งแน่ การดัดแปลงมนุษย์โดยพันธุกรรมอาจนำไปสู่การทดลองในมนุษย์ การสร้างสัตว์ประหลาดที่มีพลังวิเศษต่างๆ ของสัตว์ หรือหากนำไปใช้กับอาหารของมนุษย์จะเกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม หรือไม่

อันดับ2 Holodecks

     หลังจากที่เครียดจากที่ทำงาน เหนื่อยหน่ายจากโลกภายนอก คุณเบื่อภรรยากับเด็กเหลือขอทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นลูกของคุณ คุณอยากมีโลกส่วนตัวสบายๆ อยู่กับบ้าน เราขอแนะนำเทคโนยีโลกสามมิติที่คุณสามารถพักผ่อนในทุ่งหญ้าแอฟริกา ทั้งๆ ที่อยู่ในบ้าน คุณสามารถไปที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเดินอะไรเลย นอกจากนี้คุณยังสามารถเล่นเกมส์เสมือนว่าเราไปอยู่ในโลกนี้จริงๆ

Holodecks เป็นโลกจำลองเสมือนจริง มีแนวคิดจากนิยายสตาร์เกท เป็นโลกจำลองที่สร้างบนพื้นฐานของเทคโนโลยี 3D มีการจำลองสิ่งต่าง ๆ ในห้องได้สมจริง ในนิยายจะเป็นการจำลองการรบในอวกาศ และสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งการเรียนการสอนออนไลน์ พิพิธภัณฑ์ออนไลน์

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สวรรค์ โอตากุดีๆ นี้เอง เพราะคุณสามารถเล่นเกมส์จีบสาวและได้สัมผัสสาวๆ ได้ตามต้องการ (แม้มันจะเป็น 3D ก็เถอะ) ส่งผลให้คนอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น กลายเป็นคนไม่เอาไหนมากขึ้น และทำให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมา

อันดับ 1 Replicators

     นี้คือสุดยอดเทคโนโลยีที่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ในโลกได้ทุกจุด ปัญหาเรื่องความอดอยาก ปัญหาด้านพลังงาน ปัญหาการขาดเวชภัณฑ์ โลกสมบูรณ์แบบกำลังอยู่ในมือของเราแล้ว

เทคโนโลยีปรากฏในสตาร์เกท เป็นเครื่องที่สามารถสร้างและรีไซเคิล สังเคราะห์อาหาร (วัสดุอินทรีย์และอนินทรีย์) หรืออะไรก็ตาม ได้โดยฉายแสงเลเซอร์ สแกนโมเลกุลขึ้นมา เช่น คุณอยากกินไก่ย่างเคเอฟซี คุณก็กดปุ่มว่าอยากกินไก่ที่เครื่อง เครื่องก็จะคำนวณหาส่วนประกอบแล้วใช้แสงสแกนโมเลกุลที่สามารถจับต้องได้และ มีรสชาติขึ้นมา

เทคโนโลยีมีการศึกษาและมีเทคโนยีว่าอาจสามารถทำได้จริง โดนการจัดเรียงอนุภาค Subatomic ที่มีอยู่มากมายหลายที่ในจักรวาล เพื่อให้อยู่ในรูปโมเลกุลและจัดเรียงโมเลกุลนั้นเป็นวัตถุ เช่น อยากสร้างหมูสับ จะต้องมีฟอร์มอะตอมคาร์บอน, ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และจัดให้เป็นกรดอะมิโนโปรตีนและเซลล์เพื่อนำไปสู่การสร้างหมูสับขึ้นมา

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? มันคงจะวุ่นวายพิลึกเมื่อมีคนดัดแปลง เทคโนโลยีเพื่อสร้าง ทองคำ ระเบิด สารพิษ ไวรัส แบคทีเรีย อีกทั้งเทคโนโลยียังไม่สามารถเกิดเครื่องจริง เพราะมีปัญหาเหมือนเครื่องเทเลพ็อต

อันดับ 0 Time Travel

     ยังเป็นความฝันของมนุษย์มาช้านานที่จะท่องเวลา ย้อนเวลาเพื่อจะไปแก้ปัญหาในอดีต เตือนภัยอันตรายล่วงหน้า นำความรู้ในอนาคตมาใช้ในอดีต ช่วงที่ธุรกิจของคุณตกต่ำ หรืองานวันเกิดแม่ยายที่คุณไปสายจนโดนด่า เพียงแค่คุณนั่งเครื่องแล้วย้อนเวลาเท่านั้น หรือจะข้ามไปดูอนาคตข้างหน้า

การท่องเวลายังคงเป็นความฝันของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามเกิดขึ้น จริง บรรดานักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ของโลกที่กำลังทุ่มเทการวิจัยเรื่องนี้กันอย่าง หนัก และเริ่มมีเค้าโครงของความเป็นไปได้ เมื่อบรรดานักวิจัยจากแคลิฟอร์เนียและ กรุงมอสโควประกาศออกมาแล้วว่า การท่องเวลา (Time Travel) นั้น มีความเป็นไปได้อยู่ทีเดียว !! ซึ่งพวกเค้าได้สร้างห้องแล็ปที่เรียกว่า TARDIS ขึ้น มา และเริ่มทดลองโดยนำพื้นฐานมาจากสมการของนักฟิสิกส์เอกของโลก อัลเบิร์ท ไอนสไตน์ (Albert Einstein)

ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สวรรค์ของก่อการร้ายชัดๆ คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตโดยให้เยอรมันชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ฆ่าจอร์ชบุซเพื่อไม่ให้เกิดสงครามอิรัก หรือซื้อหวยโดยคุณรู้ล่วงหน้าว่ามันจะออกเลขอะไร หากการท่องเวลาเกิดขึ้นจริง แล้วถ้าในอนาคตสร้างได้จริง … ทำไมลูกหลานถึงไม่แวะเวียนมาหาเราบ้าง เป็นไปได้ไหมว่าอนาคตการสร้าง ไทม์แมชชีน (Time machine) ไม่สำเร็จ ห้ามสร้างหรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ในอนาคตไม่มี ไทม์แมชชีนแน่นอน

ที่มา: http://writer.dek-d.com/cammy/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=189

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้