ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าเกม Chained Echoes เป็นแนว JRPG 2D เทิร์นเบส มาพร้อมกับกราฟิกสไตล์ Pixel Art แบบ 16bit ครับ ดังนั้นถ้าหากใครไม่ชอบภาพหรือเกมเพลย์สไตล์นี้ ก็คงจะต้องมองข้ามเกมนี้ไป แต่ถ้าหากใครกำลังมองหาเกม RPG เทิร์นเบสเล่นชิว ๆ สไตล์ Old School รับรองเลยครับว่าเกมนี้ค่อนข้างตอบโจทย์คุณแน่นอน
เนื้อเรื่องสุดลึกซึ้ง
อย่างแรกขอพูดถึงในส่วนของเนื้อเรื่องก่อนนะครับ คือต้องบอกว่าเรื่องราวของ Chained Echoes นั้นผิวเผินมันดูธรรมดามาก คือคุณจะได้บังคับเหล่าตัวละครฮีโร่ที่ต้องออกผจญภัยเพื่อกู้ดินแดนที่มีชื่อว่า Valandis ที่เต็มไปด้วยสงคราม สัตว์ประหลาดและภัยอันตรายมากมาย ใช่ครับ มันมีแค่นี้เลย ไอ้ตอนแรกที่ผมจะลองซื้อเกมนี้มาเล่นมันก็มีลังเลอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากที่ผมใช้เวลากับเกมนี้ไปกว่า 91 ชั่วโมง ผมบอกได้เลยครับว่า เนื้อเรื่องของ Chained Echoes คือสิ่งที่ผู้พัฒนานั้นโคตรจะใส่ใจแบบสุด ๆ
คือหลัก ๆ แล้วเนื้อเรื่องมันจะโฟกัสไปที่ตัวละครเอกอย่าง Glen ที่ออกผจญภัยไปกับตัวละครอื่น ซึ่งแก่นหลักของเรื่องจริง ๆ แล้วผมมองว่ามันไม่ใช่การกอบกู้สรรหาความสงบสุขให้กับดินแดน แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะมันเป็นทั้งการค้นหาตัวเอง รวมไปถึงความหมายของชีวิตด้วย แถมที่สำคัญ หักมุมซับซ้อนซ่อนเงื่อนกันสุด ๆ ซึ่งมันทั้งความดาร์คและเซอร์ไพรซ์ผิดกับภาพลักษณ์ของกราฟิกไปพอสมควร ผมอาจจะพูดอะไรตรงนี้มากไม่ได้เพราะมันจะเป็นการสปอยล์เนื้อหาสำคัญ แต่เอาเป็นว่า เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบของเกมนี้ มันมีอะไรมากกว่าการที่ผู้กล้าออกไปปราบจอมมารแน่นอน
กราฟิกที่มีเอกลักษณ์
ในส่วนของกราฟิกรวมไปถึงเรื่องเสียงต่าง ๆ ผมเองก็คงจะไม่พูดถึงเยอะเช่นกัน เลยจะขอพูดรวมๆ ไปเลยนะครับ คือด้วยความที่มันเป็นเกมที่พัฒนาโดยคนๆ เดียว ทำตั้งแต่เขียนโค้ดยันวาดภาพ Pixel ดังนั้นเกมมันก็เลยไม่ได้มีเสียงพากย์หรือกราฟิกอะไรที่มันดูตื่นตาตื่นใจมากนัก นาน ๆ ทีเราจะได้เห็น Cut Scene แบบจริง ๆ จัง ๆ ส่วนใหญ่มันก็คือตัวละครในเกมเดินไปเดินมา แล้วก็ขยับนิดหน่อย พร้อมกับ Dialog ที่ขึ้นมาให้อ่าน ส่วนเพลงก็ถือว่าใช้ได้ มีเยอะมาก สร้างบรรยากาศได้โอเคอยู่ และถือว่าเหมาะสมกับราคาที่ขายเพียง 300 นิด ๆ ครับ บ่นอะไรมากไม่ได้จริง ๆ
เกมเพลย์ที่มีระบบที่หลากหลาย
มาถึงเรื่องสำคัญอย่างเกมเพลย์กันบ้าง อันนี้ต้องร่ายกันยาวหน่อย ประการแรกคือเกมนี้ไม่มีระบบเลเวลครับ ผู้เล่นจะได้อัพเกรดตัวละครก็ต่อเมื่อเล่นไปจนผ่านเนื้อหาสำคัญ หรือจัดการบอสเล็กบอสใหญ่บางตัวได้ ซึ่งจะได้สิ่งที่เรียกว่า Grimoire Shards มา ในเกมจะเรียกย่อว่า GS ครับ ซึ่งมันจะเป็นรูปดาวเวลากดเข้าไปดูข้อมูลตัวละคร และสิ่งนี้ จะมีไว้ใช้เพื่อปลดล็อคสกิลต่าง ๆ ทั้งสกิลใช้งาน Passive ติดตัว และค่าสถานะหรือ Stats ซึ่งสกิล Passive ที่ว่า ผู้เล่นจะมี slot ให้เลือกใส่ได้จำกัด 5 อย่าง ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปมาได้ตลอดเวลายกเว้นตอนสู้ แต่ว่าไอ้ 5 ช่องนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กับ 2 ครับ คือ 3 ช่องแรกเนี่ยก็จะสามารถเลือกชุดสกิลที่มีเฉพาะตัวละครนั้น ๆ มาใส่ตามปกติ ส่วนอีกสองช่อง จะเป็นเหมือนทางเลือกสำหรับ Class หรืออาชีพรอง ที่เมื่อเล่นไปสักพัก ผู้เล่นจะได้ Class Emblem มา มันเป็นเหมือนจ๊อบเสริมให้กับตัวละครที่สวมใส่คลาสนั้น ๆ ซึ่งนอกจากจะมีสกิลใช้งานปกติแล้ว มันก็ยังมี Passive มาให้เลือกด้วย และแน่นอนว่า อยากให้ตัวละครไหนมีคลาสเสริมอะไร ก็สามารถเปลี่ยนถอดเข้าถอดออกได้ตลอดเวลายกเว้นตอนต่อสู้เช่นกัน
ส่วนสกิลต่าง ๆ เมื่อได้มาแล้ว ทุกครั้งที่เราต่อสู้กับศัตรูแล้วชนะ จะได้แต้ม Skill Points หรือ SP มา ซึ่งแต้มนี้จะไม่ใช่การปลดล็อคสกิล แต่เป็นการอัพขึ้นของสกิลต่างๆ แทน ซึ่งก็จะสามารถใช้อัพได้ทั้งสกิลที่มีอยู่แต่แรกของตัวละคร รวมไปถึงสกิลเพิ่มเติมจาก Class Emblem ด้วยครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยเหมือนกับเกม JRPG ทั่วไปก็คือเกมนี้เราจะเห็นศัตรูแบบหัวโด่ทนโท่เลยครับ ไม่ได้เป็นการเดินไปในฉากว่าง ๆ แล้วศัตรูสุ่มเกิดตัดเข้าฉากต่อสู้ นั่นหมายความว่าในบางครั้งผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเดินหลบไม่สู้เลยก็ได้ ถ้าหากพื้นที่มันกว้างพอให้หลบ หรือถ้าหากเดินพลาดไปเข้าระยะ มันจะบังคับเข้าการต่อสู้ทันที แต่ตัวเกมก็มีทางเลือกให้ผู้เล่นสามารถกด Escape หรือหนีจากการต่อสู้ได้เลย เพียงแต่ว่าศัตรูก็จะคงอยู่ตรงนั้นที่เดิมนั่นเอง
การจัดปาร์ตี้ของเกมนี้ จะจัดได้สูงสุด 8 ตัวละคร และจะสามารถเลือกมาสู้ได้สูงสุดครั้งละ 4 ตัว เอาง่าย ๆ ก็คือ ใน 8 ตัวละครนี้ ผู้เล่นจะต้องเลือกว่าจะให้ตัวละครไหนคู่กัน เพราะจะสามารถสลับไปสลับมาได้ระหว่างต่อสู้นั่นเอง
มาพูดถึง Combat หรือการต่อสู้ของเกมนี้กันบ้าง สำคัญเลยคือผู้เล่นจะต้องสังเกตด้านซ้ายบนของจอครับ จะเห็นเป็นหลอดสี ๆ อยู่ ขอเรียกว่าหลอดสามสีก็แล้วกัน เล่นแรก ๆ อาจจะงง แต่เล่นไปสักพักก็ชินครับ อธิบายง่าย ๆ แบบนี้ คือเมื่อเริ่มการต่อสู้ ลูกศรสีขาวนั้นมันจะอยู่ในโซนสีเหลือง และทุกเทิร์นที่ผู้เล่นใช้สกิลหรือการโจมตีปกติ รวมไปถึงถูกศัตรูโจมตีเข้ามา ลูกศรสีขาวนี้มันจะขยับออกไปทางขวาทุกครั้ง และเมื่อมันขยับไปจนถึงโซนสีเขียว ปาร์ตี้ของเราจะเข้าสู่สถานะ Overdrive ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นอย่างเราๆ ต้องเลี้ยงสถานะนี้เอาไว้ให้ได้ตลอดการต่อสู้ครับ เพราะ Overdrive นั้นจะทำให้ตัวละครของเราได้รับความเสียหายน้อยลง แต่ถ้าหากลูกศรสีขาวนั้นวิ่งไปจนถึงโซนสีแดง มันจะเข้าสู่สถานะ Overheat นั่นหมายความว่าเราจะได้รับความเสียหายมากกว่าปกติ ซึ่งมากกว่าทั้งสีเหลืองและเขียวนั่นเอง
การเลี้ยงให้ทั้งปาร์ตี้อยู่ในสถานะ Overdrive ได้ตลอดเวลานั้นมีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน อย่างแรกคือการที่ผู้เล่นเลือกใช้สกิลตามสัญลักษณ์ซ้ายบนที่ปรากฏขึ้นมาแบบสุ่ม ถ้าหากผู้เล่นเลือกใช้ประเภทสกิลที่ตรงกัน ลูกศรสีขาวมันก็จะขยับไปทางซ้าย แต่บางครั้งสกิลประเภทนั้นๆ ที่โผล่ขึ้นมาก็อาจจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้าครับ เช่นพลังชีวิตเราเต็มเปี่ยม แต่กำลังอยู่ในโซนสีแดง Overheat แต่สัญลักษณ์ที่ขึ้นมาเป็นสกิลประเภท Heal มันก็อาจจะใช้ได้ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ ก็ต้องชั่งน้ำหนักเอาล่ะครับว่ามันคุ้มหรือไม่ เพราะบางทีเราไม่จำเป็นต้องใช้ให้เกจมันกลับมาเป็น Overdrive ก็ได้ ถ้าหากศัตรูใกล้ตายและเรามั่นใจว่าสกิลของทีมเราแรงพอที่จะจบไฟต์ ส่วนวิธีที่ 2 ก็คือการเปลี่ยนตัวละครจาก Formation ที่เราจัดไว้ ซึ่งถ้าหากตัวละครที่เราเปลี่ยนมานั้นมีสกิลตรงตามสัญลักษณ์ ก็สามารถใช้เพื่อลดเกจนี้ได้อีกต่อหนึ่ง และวิธีสุดท้ายคือเลือกคำสั่ง Defend นั่นเองครับ อ้อ! ลืมไปอีกอย่าง สำหรับการใช้ไอเทมจะไม่มีการขยับของลูกศรนะครับ
อีกหนึ่งระบบที่ต้องพูดถึงก็คือ Sky Armor ครับ คือมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อเกมนี้เลย คุณ ง่ายๆ เลย มันขี่หุ่นยนต์สู้อะ ผมก็เลยซื้อ โอเคเข้าเรื่อง คือมันจะมีศัตรูบางประเภทที่ต่อให้เราใส่อาวุธหรืออุปกรณ์ดีแค่ไหน แต่เราก็สู้ด้วยไม่ไหวอยู่ดีถ้าหากเดินมาเท้าเปล่าครับ ดังนั้น Sky Armor หรือหุ่นลอยฟ้านี้จะเป็นตัวช่วยให้ตัวละครของเราสามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้
เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ด้วย Sky Armor ไอ้หลอดสามสีทางซ้ายบนจะเปลี่ยนรูปแบบไปครับ มันจะเหลือสองสีแทน คือสีเหลือง และสีแดง ซึ่งถ้าหากลูกศรขาวไหลเข้าโซนสีแดงก็จะติดสถานะ Overheat และมีผลเหมือนกับการต่อสู้ปกติ เพียงแต่ว่าการต่อสู้ด้วยหุ่นรบนี้จะมีเงื่อนไขที่ต่างออกไปคือหุ่นของเราจะมีเกียร์อยู่ครับ คือเริ่มจาก 0 ไป 1 และ 2 ตามลำดับ ซึ่งเมื่อเริ่มต่อสู้ มันจะเข้ามาเกียร์ 1 ทุกตัวละคร เมื่ออยู่ในเกียร์ 1 นี้ ทุกครั้งที่เราโจมตีหรือใช้สกิล ลูกศรจะวิ่งไปทางขวา เช่นเดียวกับการถูกศัตรูโจมตี แต่ถ้าหากผู้เล่นเลือกป้องกันหรือเปลี่ยนเกียร์ของหุ่นเป็นเกียร์ 2 ลูกศรขาวนั้นจะวิ่งมาฝั่งซ้ายแทน ข้อดีของเกียร์ 2 คือสกิลและการโจมตีจะรุนแรงขึ้น แต่ว่าจะเปลืองค่า TP หรือมานามากกว่า พูดง่าย ๆ ก็คือหมดไวมาก โดยหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ด้วย Sky Armor นั้น ก็คือผู้เล่นจะต้องเปลี่ยนเกียร์ตามสถานการณ์ เมื่อค่า TP หมด ก็จะต้องเลื่อนเกียร์จาก 2 เข้าสู่เกียร์ 0 และเมื่อโจมตีปกติด้วยเกียร์ 0 นี้ ค่า TP ก็จะฟื้นฟูกลับมานั่นเองครับ
นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีระบบเล็ก ๆ ปลีกย่อยอย่างอื่น เช่น พวกการตีบวกอาวุธ ชุดเกราะ หลอมคริสตัลเพื่อใส่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ มินิเกมขำ ๆ การเดินทางด้วยเรือเหาะ ฐานที่มั่น เควสหลัก เควสรอง เควสบอร์ด รวบรวม NPC เข้ากองกำลัง รวมไปถึง Boss พิเศษที่ไม่จำเป็นต้องไปฆ่าตามเนื้อเรื่องอีกเยอะแยะมากมาย
บทสรุป
เอาเป็นว่า ถ้าหากใครกำลังมองหาเกม JRPG สักเกมที่มีความคุ้มค่า ระบบแน่น ๆ เนื้อเรื่องไม่ธรรมดา สามารถเล่นได้ยาวหลายสิบชั่วโมง ด้วยราคาเพียง 319 บาทบน Steam รองรับคอนโทรลเลอร์เต็มรูปแบบ แถมมี Cloud Save ให้ใช้ก็อยากจะให้ Chained Echoes เข้าไปอยู่ในข้อพิจารณาของทุกคนดูครับ รับรองว่าถูกใจคอ JRPG แน่นอน ผมรับประกันด้วยคะแนน 8.5 เลยทีเดียว จะมีข้อเสียอยู่หน่อย ๆ ที่ผมไม่ชอบก็คือ การบังคับของเกมยังมีจุดติดๆ ขัดๆ อยู่บางจุด รวมไปถึง QoL บางอย่างมันขาดหายไป แต่ทางผู้พัฒนาก็บอกมาแล้วนะครับว่าจะมีการปรับปรุงเรื่องของ QoL ให้ดีขึ้นในอนาคต รวมไปถึง NG+ ก็จะมีอัพเดทตามมาในภายหลังด้วย เรียกได้ว่าคุ้มราคาไปมากโข
คะแนน 8.5
เรื่อง: Chamokung
