จากที่ช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ทาง Sony และ Sucker Punch Productions ได้เปิดตัวเกม Ghost of Tsushima Director’s Cut ไป ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอัปเกรดของเกมดังกล่าว และมีการเพิ่มฟีเจอร์มากมาย รวมถึงเนื้อเรื่องเสริมที่เป็นเหตุการณ์บนเกาะอิคิ พร้อมกับรายละเอียดการอัปเกรดที่ผู้เล่นคนที่มีเกมตัวเวอร์ชั่นแรกอยู่แล้วจะต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย
โดยรายละเอียดการอัปเกรดเวอร์ชั่นของ Director’s Cut มีดังนี้
- ตัวเกม Director’s Cut แบบสำเร็จรูป เวอร์ชั่น PS5 จะมีราคา 2,290 บาท ส่วนเวอร์ชั่น PS4 จะมีราคา 1,990 บาท
- ถ้าใครมีตัวเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับบน PS4 อยู่แล้ว สามารถพรีออเดอร์ตัวอัปเกรดเป็น Director’s Cut บน PS4 ได้ โดยจ่ายเพิ่ม 690 บาท ซึ่งเมื่อพรีออเดอร์เสร็จจะทำการอัปเกรดได้ในวันที่ 20 สิงหาคม
- ถ้าใครซื้อ Director’s Cut เวอร์ชั่น PS4 มา แล้วอยากอัปเกรดเป็น Director’s Cut เวอร์ชั่น PS5 ในภายหลัง ก็สามารถทำได้โดยจ่ายเพิ่มอีก 300 บาท
- ถ้าใครมีตัวเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับบน PS4 อยู่แล้ว ก็สามารถอัปเกรดโดยตรงเป็น Director’s Cut บน PS5 ได้เลย โดยจ่ายเพิ่มอีก 990 บาท
- การพรีออเดอร์จะมีทั้งแบบดิจิทัลดาวน์โหลดใน PlayStation Store และการซื้อแบบแผ่นตามร้านค้าปลีกทั่วไป ในกรณีของการซื้อแบบแผ่นนั้น ร้านตัวแทนจำหน่ายบางร้านจะมีแถมโค้ดดาวน์โหลดมินิซาวด์แทร็คของเกม รวมถึง 2 เพลงใหม่จากเนื้อเรื่องเสริมบนเกาะอิคิด้วย ตลอดจนมีแถมโค้ดดาวน์โหลดอาร์ตบุ๊คที่มีภาพคอนเซ็ปต์อาร์ตของเกาะอิคิจำนวน 10 รูปด้วยเช่นกัน
- คนที่พรีออเดอร์ Director’s Cut แบบดิจิทัลดาวน์โหลดบน PlayStation Store ก่อนวันวางจำหน่าย (20 สิงหาคม) จะสามารถดาวน์โหลดเกมตัวดั้งเดิมเวอร์ชั่น PS4 มาเล่นก่อนได้ทันที ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสเกมนี้มาก่อน ทำให้มีเวลาเล่นจนจบและโอนเซฟมาเล่นต่อบน Director’s Cut ได้เมื่อถึงวันวางจำหน่ายครับ
อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งบนเว็บไซต์ Reddit และในทวิตเตอร์ได้เกิดความไม่พอใจที่ทาง Sony เก็บค่าอัปเกรดซ้ำซ้อน กล่าวคือคนที่มีเกม Ghost of Tsushima เวอร์ชั่นแรกบน PS4 อยู่แล้ว แต่ยังไม่มี PS5 หากอัปเกรดเป็น Director’s Cut บน PS4 ก็ต้องจ่ายเงินรอบหนึ่ง แล้วพอจะเล่น Director’s Cut บน PS5 ก็ต้องจ่ายอีกรอบ เป็นต้น
โดยการอัปเกรดจากเวอร์ชั่น PS4 ไปเวอร์ชั่น PS5 สิ่งที่ได้เพิ่มเติมมีเพียงแค่ฟีเจอร์ที่เล่นร่วมกับจอย DualSense และการแสดงผลของกราฟิกกับเฟรมเรตที่ดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งชาวเน็ตมองว่าฟีเจอร์ที่เพิ่มมาเฉพาะด้านรองรับฮาร์ดแวร์ควรเป็นการอัปเกรดฟรีเหมือนเกมอื่น ๆ มากกว่านั่นเอง
สรุปแล้วสิ่งที่ทางชาวเน็ตที่ไม่พอใจกำลังต้องการจะสื่อก็คือ พวกเขายินดีจ่าย หากสิ่งที่เพิ่มมาคือคอนเทนต์เสริมต่าง ๆ อาทิ เนื้อเรื่องเสริม ฯลฯ แต่ถ้าเป็นการเพิ่มศักยภาพหรือประสบการณ์การเล่นเมื่อเล่นบนฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่กว่า มันไม่ควรต้องมาเป็นภาระกับคนเล่นที่ต้องจ่ายเพิ่มครับ
เครดิต: PlayStation LifeStyle
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/
