11 พฤติกรรมทำเป็นประจำของคนเล่นเกม RPG
11 พฤติกรรมทำเป็นประจำของคนเล่นเกม RPG – เกมแนว RPG หรือ Role Playing Game ถือเป็น 1 ในแนวเกมที่เกมเมอร์ให้ความนิยมกันอย่างมากมาช้านานนะครับ โดยช่วงหลังแม้จะแตกซับเซทไปมากมาย แต่เราเองก็ยังพอเข้าใจอยู่ว่าเกมไหนเป็น RPG มีส่วนผสมความเป็น RPG หรือมีองค์ประกอบความเป็น RPG จากเอกลักษณ์ของรูปแบบการเล่นที่อยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาตัวละครตามชื่อเรียกของมัน ซึ่งสามารถแปลไทยได้ง่ายๆ ว่าเกมสวมบทบาทนั่นเอง
โดยคำว่าเกมสวมบทบาทก็ย่อมมีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว ผู้เล่นย่อมต้องพาตัวละครในเกมออกผจญภัยและเติบโตไปตามเนื้อเรื่องเพื่่้อพิชิตเป้าหมาย การเก็บเลเวลเพิ่มความเก่งก็เป็นหนึ่งในสัญญะทางเกมเพลย์ที่สะท้อนถึงการเติบโตของเกมสวมบทบาทเฉกเช่นเดียวกับบทสนทนาและเนื้อเรื่องซึ่งเกม RPG จำเป็นต้องเน้นมากเป็นพิเศษ มากกว่าแนวไหน เป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกมแนวนี้ค่อนข้างจะกินเวลาผู้เล่นมากกว่าแนวอื่น เพราะต้องให้เวลาผู้เล่นได้ซึมซับเนื้อเรื่อง รู้สึกถึงการเติบโต รวมถึงสำรวจพื้นที่และเสาะหาไอเทมตามฉากมาเสริมแกร่งนั่นเอง ก่อให้เกิดพฤติกรรมแปลกๆ ที่คนเล่นเกมแนวนี้เป็นกันหลายคนครับ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งรูปลักษณ์ตัวละคร
ถ้าเป็น RPG ออฟไลน์ส่วนใหญ่ก็มักจะมีการล็อคตัวละครดำเนินเรื่องอยู่แล้วโดยเฉพาะ JRPG ทั้งหลายทั้งแหล่ แต่ก็มีบางเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ปรับแต่งหน้าตา ทรงผม รวมไปถึงรูปร่างหรือชุดที่ใส่ ซึ่งหลายๆ เกมที่มีระบบนี้ก็พยายามจะโชว์ศักยภาพด้าน Customization ของตัวเอง ด้วยการทำให้คุณสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดยิบ จนหลายๆ ครั้งแค่สร้างตัวละครเสร็จก็กินเวลาไปทั้งวันละ
2. เลือกตัวละครผู้หญิงมาเล่นเท่านั้น
แทบจะเป็นหลักสากลของเกมเมอร์ชายเลยที่มักจะเล่นตัวละครผู้หญิง (หากเลือกได้) ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าถ้าต้องอยู่กับตัวละครนี้อีกหลายชั่วโมง ด้านหลังของตัวละครผู้หญิง ยังไงก็น่ามองกว่าตัวผู้ชายล่ะนะ อย่างไรก็ดีบางคนเป็นประเภทเล่นเกม RPG ต้องมี Self-Insert คือสมมติว่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเกม ผู้เล่นประเภทนี้ก็มักจะเลือกตัวละครตามเพศตัวเองเสียส่วนใหญ่ครับ
3. รู้ว่าต้องสู้กับศัตรูตัวนี้ แต่ไม่รู้เหตุผลเพราะกดข้ามบทสนทนา
“แกน่ะคือศัตรูที่ฉันต้องกำจัดสินะ แต่เพราะอะไรไม่รู้แหละ เอาเป็นว่าแกตายซะ” น่าจะเป็นกันอยู่หลายคนกันนะครับ ถึงจะเป็นคนที่พยายามอ่านเนื้อเรื่องแต่ก็มีบ้างแหละที่อาจจะเผลอกดข้ามบทสนทนาบางช่วงบางตอนของบางเกมไป แต่ก็มีผู้เล่นบางคนเช่นกันที่เป็นสายบวก กดข้ามรัวๆ ขอบวกเร็วๆ ไว้ก่อน ส่วนเนื้อเรื่องหลังจากนี้ก็เดาเอาจากบริบทที่ปรากฎครับ
4. กดคุยกับ NPC ทุกตัวเพราะกลัวพลาดเควสต์
ในทางกลับกันแม้จะขี้เกียจอ่านขนาดไหน แต่ก็มักจะมีคนที่เกิดอาการกลัวเควสต์หลุดอยู่มาก โดยเฉพาะเควสต์รองๆ ที่หลายๆ เกมมักจะอยู่กับ NPC รายทางหรือตามหมู่บ้านทางผ่านซึ่งมีโอกาสหลุดได้ง่ายๆ หากไม่สังเกต ดังนั้นแล้ววิธีแก้ปัญหากลัวที่ปฏิบัติกันง่ายที่สุดก็คือ ไล่คุยมันทุกคนนี่แหล่ะ!
5. แวะออกนอกเส้นทางในเกมโอเพ่นเวิร์ล
เกมโอเพ่นเวิร์ลหรือที่เราพูดๆ กันว่าเกมโลกเปิดเนี่ย มันถูกออกแบบบนพื้นฐานความคิดที่อยากให้ผู้เล่นมีอิสระในการจะทำอะไรก็ทำ เปิดกว้างในการตัดสินใจว่าจะไปที่ไหนก่อนก็ได้บนโลกใบนี้ โดยที่ต้องรับความเสี่ยงเอาเอง ดังนั้นแล้วจึงไม่แปลกเลยที่ระหว่างกำลังทำเควสต์หลักอยู่ แต่ดันไปเจอพื้นที่น่าสนใจก็ต้องขอออกนอกเส้นทางเสียหน่อย และบางครั้งก็ไหลยาวไปจนแทบลืมไปเลยว่าเควสต์หลักคืออะไร
6. ถึงเกมเป็นเส้นตรงแต่ถ้ามีซอกมีซอยก็ต้องแวะดูเช่นกัน
จิตวิญญาณของนักสำรวจไม่อาจถูกทำลายด้วยทางที่บังคับเดิน แม้จะไม่มีพื้นที่ให้ออกไปเอ้อระเหย แต่ขอเพียงพบซอกหรือหลืบมุมให้เข้าไปก็ไม่หวาดหวั่น แม้หลายครั้งมันจะไม่มีอะไรให้เก็บเลยก็ตาม ฮือออ
7. วิ่งวนในดันเจี้ยนเพราะกลัวพลาดไอเทม
เกม RPG ส่วนใหญ่มักจะมีดันเจี้ยนหรือถํ้าให้ลงไปสำรวจหาสมบัติ ปราบบอสลับ หรือบางทีก็เป็นเส้นเรื่องหลักเพื่อไปปราบบอสใหญ่ ซึ่งขึ้นชื่อว่าดันเจี้ยนก็ต้องมีหนทางซับซ้อนเป็นธรรมดา บ่อยครั้งที่เราไม่แน่ใจในเส้นทางที่เดินว่ามันจะนำพาไปหาไอเทมลับสุดแรร์หรือนำพาไปเจอทางออกหรือบอสกันแน่ หากเป็นอย่างหลังก็มีโอกาสที่จะไม่ได้กลับมาที่แห่งนี้อีก ดังนั้นหลายๆ ครั้งการเดินสำรวจถํ้าจึงออกแนวเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าไปทางไหนให้สุดสักที เพราะกลัวเก็บไอเทมไม่ครบ เป็นแบบนี้ไปจนกระทั่งเปิดแมพได้ครบทุกซอกทุกมุมนั่นแหละ
8. ตัวผู้ชายจะเก่งขนาดไหนแต่ในปาร์ตี้ฉันต้องมีแต่ไวฟุล้วน
เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเกม JRPG ที่มักจะอุดมไปด้วยสาวๆ หลากหลายสไตล์ แต่จะมีตัวละครชายเพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งก็แน่นอนครับเมื่อถึงเวลาต้องเข้าฉากต่อสู้ พวกเราจะต้องเลือกปาร์ตี้หลักๆ จำนวน 4-5 คน เนื่องจากเข้าไปสู้กันหมดก๊กไม่ได้ และแทบทุกครั้งตัวละครผู้หญิงอันเป็นไวฟุในสไตล์ผู้เล่นมักจะถูกเลือกก่อนเสมอโดยที่แทบไม่มีการคำนึงถึงความสามารถใดๆ ตามคำกล่าวที่ว่าไว้ “เบ้าหน้าดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
9. หวดทำลายทุกกล่องที่ขวางหน้า คุ้ยขว้าบ้านคนอื่นเสาะหาไอเทม
สิ่งที่อยู่คู่เกมแนว RPG มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ก็คือเหล่าไอเทมน้อยใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในกล่องข้างทางหรือหีบไหของชาวบ้านชาวช่องนั่นเอง ซึ่งในหลายๆ เกมก็เปิดโอกาสให้เราเข้าไปคุ้ยบ้าน หรือทำลายข้าวของชาวบ้านแถวนั้นได้โดยที่พวกเขาไม่เคยว่าอะไร เพราะน่าจะเข้าใจถึงภารกิจของผู้กล้าในการต้องกักตุนของไว้กอบกู้โลกยังไงล่ะ!
10. ทั้งๆ ที่ศัตรูก็เก่งแต่พยายามฝืนกั๊กมานาเพื่อสู้บอสใหญ่
ช่วงท้ายเกมของหลายๆ เกมแม้ว่าเราจะฟาร์มมาจนเก่งแล้ว แต่ศัตรูทั่วไปในฉากก็ยังมีความเก่งกาจพอจะลดทอนเลือดของเราหรือปาร์ตี้เราได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงเราอาจสามารถใช้ท่าใหญ่หรือเวทรุนแรงในการเร่งจัดการมันเพื่อไม่ให้เสียเลือดหรือเสียเวลาได้ แต่การที่เราไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะไปจบจุดใดหรือแจ็คพ็อดเจอบอสได้ตอนไหน ก็ทำเอาไม่กล้าใช้ท่าที่กินมานาเกินความจำเป็นกันมากนัก ซึ่งหลายๆ ครั้งก็กลายเป็นว่าต้องมาฮีลคนในปาร์ตี้เพื่อฟื้นฟูพลังให้สดที่สุดก่อนจะตีบอสอยู่ดี อืม…
11. กักตุนไอเทมดีๆ ไว้ใช้ตอนท้ายๆ สุดท้ายจบเกมเหลือบาน
ผมเนี่ยเป็นทุกเกมเลยกับข้อนี้ เวลาจะใช้ไอเทมดีๆ แต่ละทีก็เกิดอาการประสาทกลัวว่าอนาคตจะมีไม่พอใช้ในตอนสู้กับบอสใหญ่เพื่อพิชิตเกม ซึ่งสุดท้ายเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนกันแทบทุกครั้งไป เพราะไอเทมที่ฟาร์มมากั๊กไว้เป็นตันก็ดันไม่ได้ถูกใช้อยู่ดีแม้จะจบเกมไปแล้วก็ตาม กรรมแท้ๆ
ว่าแต่เพื่อนๆ มีพฤติกรรมคล้ายข้อไหนกันบ้างรึเปล่าเอ่ย หรือว่ามีอาการนอกเหนือจากนี้อีก ก็คอมเมนต์บอกกันไว้ได้เลยครับ
