พาชมคลิปสัมภาษณ์พี่แว่น FPS Thailand ในมุมชีวิตส่วนตัว ไลฟ์สไตล์และเรื่องของความรัก!

พาชมคลิปสัมภาษณ์พี่แว่น FPS Thailand ในมุมชีวิตส่วนตัว ไลฟ์สไตล์และเรื่องของความรัก!

สัมภาษณ์พี่แว่น
หากเอ่ยชื่อของ “ชนิกนันท์ ทิพย์ไพโรจน์” เกมเมอร์หลายๆ คนอาจจะทำหน้างง และรู้สึกสงสัยว่าเขาคนนี้เป็นใครเหรอ? แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป็นชื่อ “พี่แว่น FPS Thailand” เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย เกมเมอร์อย่างเราๆ เป็นต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน และในวันนี้ทางทีมงาน Online Station ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตส่วนตัว และมุมมองในเรื่องของความรักที่หลายๆ คนคงอยากรู้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปดูคลิปสัมภาษณ์พี่แว่น FPS Thailand ในสไตล์สบายๆ ชิวๆ พร้อมกันครับ

หมายเหตุ: พี่แว่นเป็นผู้ก่อตั้งทีม E-Sports ชื่อดังอย่าง MiTH (Made in Thailand) เป็นเจ้าของเว็บไซต์ FPSThailand.com สำหรับคอเกมแนว FPS อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนสนามแข่งขัน Arena+ FPSThailand Stadium อีกด้วย และบทความสำคัญคือเป็นสตรีมเมอร์บน Twitch ที่หลายๆ คนติดตามอยู่นั่นเอง 

Online Station: สวัสดีครับพี่แว่น วันนี้เราอยู่บ้านพี่แว่นนะครับ บรรยากาศในบ้านพี่แว่นนี่เต็มไปด้วยของสะสมหรือป่าวครับพี่
พี่แว่น FPS Thailand: (ยิ้มๆ) น่าจะใช่นะครับ แบบว่าใช้ด้วย สะสมด้วยครับ

Online Station: สิ่งที่สะดุดตามากๆ นั่นก็คือ “แมว” อาจจะมีหลายคนนะ เห็นพี่แว่นอยู่กับแมว เล่นกับแมวตลอด จึงอยากถามว่าทำไมถึงต้องเป็นแมวครับพี่แว่น
พี่แว่น FPS Thailand: จริงๆ ชอบหมานะ บ้านที่ต่างจังหวัดน่านนั้นเลี้ยงหมามาตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้วละ แต่พอมาอยู่กรุงเทพ ด้วยเรามีบ้านแบบทาวน์โฮมไง ไม่ได้มีพื้นที่มาก หรือว่ากว้างพอที่จะเลี้ยงหมาได้ก็เลย เฮ้ย! เดี๋ยวเราลองเลี้ยงแมวละกันคือเราก็ชอบละ เลยเอาบีเกิ้ลมาเลี้ยงก่อน คือเลี้ยงไป เลี้ยงมาก็ชอบซะงั้นก็เลยกลายเป็นโรคแมวงอก ค่อยๆ เรียกพวกมา ตอนนี้ก็รวมเป็น 4 ตัวแล้วละครับ 

Online Station: รักพวกเขาเพราะอะไร เสน่ห์อยู่ที่ไหน
พี่แว่น FPS Thailand:
หลักๆ เลย คือเขาเป็นระเบียบนะ ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง รักความสะอาด แล้วก็มีนิสัยขี้อ้อน ด้วยสายเลือดของแมวพันธ์นี้ด้วยครับ นิสัยเขาจะไม่ค่อยคึกมากเหมือนแมวพันธุ์ไทย แบบว่าวิ่งป่าราบ บ้านพังเลยอะไรยังเงี้ย แมวสายพันธุ์ที่เลี้ยงเขาจะมีโลกส่วนตัวสูง จะขี้อ้อนเมื่อมีอายุสักหน่อย ยิ่งเป็นเพศผู้จะอ้อนมาก โดยเฉพาะบีเกิ้ลกับบินนี่ 

Online Station: สมมุติว่าพี่แว่นไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับเกมละ ทุกวันนี้พี่จะทำอะไรอยู่ครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
คง…ทำตามที่เรียนมา คงเป็นแบบนักโฆษณา นักประชาสัมพันธ์ เขียนข่าว เผลอๆ อาจจะทำงานสายข่าว อะไรพวกเนี่ย เพราะว่าตัวเองเรียนมาทางด้านสื่อสารมวลชน และก็เรียนโท การโฆษณา อาจจะอยู่ในสายงานโปรดักชั่นเฮาส์

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: ทำไมไม่ทำแบบนั้นตั้งแต่แรกครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
ตอนเรียนจบ พอดีได้รู้จักกับเกม Ragnarok พอดี เราแบบว่าเต็มที่กับมันจนเรามีความรู้สึกว่า “ชอบเล่นเกมนะ” ที่จริงก่อนหน้านั้นก็เล่นเกมอย่าง Counter-Strike มา แต่มาเล่น Ragnarok แล้วรู้สึกว่ามันจริงจัง จากนั้นเพื่อนๆ รอบข้างทยอยได้งานทำแล้ว บางคนก็ได้ไปทำงานที่ดี เราก็รู้สึกว่าเพื่อนเล่นเกมนี่ได้งานทำทีละคนสองคน เราก็เลยหางานที่เกี่ยวกับเกมละกันก็เลยเริ่นต้นไปสมัครงานที่บริษัท เอเชียซอฟท์ 

Online Station: แล้วเวลาพี่แว่นอยู่บ้าน ไม่ได้เล่นเกมหรือสตรีม พี่ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับกิจกรรมอะไรครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
ถ้าว่างหลักๆ ก็จะเล่นกับแมวได้ทั้งวันนะ แต่พี่จะออกไฮเปอร์นิดๆ อะ คือทำอะไรได้ไม่นาน บางทีก็อาจจะออกไปข้างนอกบ้าง ขับมอเตอร์ไซต์ออกไปข้างนอก หรือไม่ก็ออกไปหาช่างที่อยู่แถวบ้านให้เขาดูรถมอเตอร์ไซต์ให้หน่อยแล้วกัน

Online Station: แล้วในช่วงตอนที่พี่แว่นสตรีมเกมเนี่ย ยังคงสนุกเหมือนวันแรกที่พี่เริ่มสตรีมอยู่หรือป่าว?
พี่แว่น FPS Thailand:
ยังคงสนุกเหมือนเดิมครับ ถ้าตัดเรื่องรายได้ออกไปนะ พี่แว่นเองสตรีมเกมมานานมาก น่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ของประเทศไทยที่เรียนรู้การไลฟ์สตรีมและเรามาได้ทำแล้วรู้สึกมันชุ่มชื่นหัวใจ มันไม่เหนื่อยอ่ะ แล้วเรามีความสุขกับมัน ในช่วงที่พี่แว่นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าก็เคยคุยกับคุณหมอในเรื่องนี้ งานที่ทำไม่ว่าจะป็นงานหลักหรืองานอดิเรก และในส่วนของการสตีมเกม คุณหมอก็บอกว่าในส่วนนี้สามารถทำต่อได้เลย เพราะว่าดูแล้วคุณดูมีความสุขที่จะทำมัน แบบว่าเหมือนเราอยู่คนเดียวก็จริง แต่เราได้คุยกับผู้คนหลักพัน หลักหมื่นที่เข้ามาติดตามเรา

Online Station: แล้วถ้าวันหนึ่งถ้าพี่ไม่ได้สตรีมเกมแล้ว พี่จะมีคำพูดบอกแฟนๆ ที่ติดตามดูอย่างไร
พี่แว่น FPS Thailand:
จริงๆ พี่มีช่วงอายุที่จะเลิกการสตรีมเกมอยู่ วางไว้อีกประมาณ 7 ปี และก็วางแผนทุกอย่างไว้พอสมควรว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินการอย่างไรหลังไม่มีพี่แว่น ทั้งบริษัทวาสนาดี, FPS Thailand, CuteBoy Shop ที่ทำพวกเสื้อผ้า รวมไปถึงทีม MiTH ซึ่งเราให้น้องๆ เข้ามามีบทบาทและลองบริหารดูก็ถือว่าไปได้ดี แบบว่าถ้าไม่มีพี่แว่น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็จะดำเนินและอยู่ได้

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: สมมุติถึงวันนั้นแล้วพี่แว่นจะมีคำพูดบอกลากับคนที่ติดตามอย่างไร
พี่แว่น FPS Thailand:
น่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของพี่มากกว่า สังเกตว่า “กระแสต่างๆ” มีการเปลี่ยนแบบปีต่อปีเลยนะ เช่น กระแสเกมมิ่ง เกียร์, การจัดแข่งเกมแนวอีสปอร์ต, การเป็นสตรีมเมอร์ ถ้าดังๆ หน่อยนี่เปลี่ยนชีวิตเขาไปเลยนะ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ถ้าพี่แว่นจะเลิกการสตรีมเกม อาจจะเปลี่ยนไปเป็นครีเอเตอร์บ้านไร่ที่จังหวัดน่าน อะไรประเภทนี้ อาจจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งของพี่แว่นที่ไม่มีใครเคยเห็น 

ใจอยากจะกลับไปอยู่บ้านที่จังหวัดน่าน เพราะที่นั้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราโตมากับมัน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สวน ไร่ที่ปลูกต้นสัก ตอนนั้นเราอาจจะหาคอนเท้นต์อะไรทำเกี่ยวกับพวกนี้ก็ได้ ปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด ไก่ หรืออาจจะทำเกี่ยวกับรถก็ได้ แบบว่าทำเองประกอบเองตั้งแต่ไม่มีอะไรเลยจนกลายเป็นรถหนึ่งคัน อะไรประมาณนี้

Online Station: ในวันนี้สิ่งที่พี่แว่นทำแล้วมีความสุขมากๆ คืออะไรครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
มันเป็นสิ่งที่เราอยากได้ตอนเด็ก เช่น ในตอนเด็กเราอยากได้รถซิ่ง GTR อะไรแบบนี้ พอเรามีโอกาสที่จะได้ครอบครองมันหรือซื้อมา พอได้มาเป็นของเราก็รู้สึกว่ามีความสุข อิ่มมาก ฟิน ของบางอย่าง แค่ได้ครอบครองมันก็มีความสุขแล้ว อย่างเช่น ในวัยเด็กเราเห็นผู้ใหญ่เขาชอบเล่นของเก่า คือไม่เข้าใจว่าทำไม พอมาถึงวันนี้ โอ้โห…ของเก่าเต็มบ้าน (หัวเราะ) เครื่องเสียง เครื่องเล่นแผ่นสียง คือพี่แว่นเกิดในยุค 90 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆ เยอะมาก จากอนาล็อกเป็นดิจิตอล ซึ่งคนในยุคพี่แว่น มันรับได้หมดเลย คือรับได้ทั้งแบบเก่า แบบกลางและแบบยุคใหม่ คือสามารถปรับตัวได้หมด ดังนั้นเราจึงมองว่าสิงต่างๆ ในยุคอนาล็อกนี่ถือว่ามีค่าสำหรับเรามากๆ 

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: มีอะไรที่พี่แว่นอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำอีกไหมครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
น่าจะทั้งหมดแล้ว เรื่องดูแลครอบครัว ดูแลคนใกล้ชิดก็โอเคแล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกว่าปล่อยมือไม่ได้ก็คือการที่จะปั้นให้บริษัทให้มันเลี้ยงน้องๆ ในสังกัดได้ คือต้องวางแนวคิดของเรา เช่น FPS Thailand หรือทีม MiTH ทำแบบนี้นะ แล้วสามารถให้น้องคนนี้นะมีหนทางที่จะอยู่กับวงการได้

พี่แว่นมองว่า วงการ E-Sports ของประเทศไทยในตอนนี้ ต่อคุณเล่นเกมเก่งมากๆ ขนาดไปเล่นให้กับทีมดังๆ ในต่างประเทศ แต่ท้ายสุดมันก็ไม่จีรัง ยั้งยืน เพราะวงจรชีวิตของเหล่านักกีฬา E-Sports มันสั้น คุณจะอยู่รอดได้ จำเป็นต้องเป็นเจ้าของบริษัท ทีมแข่งหรือสตรีมเมอร์ อะไรประมาณนี้ พี่ก็เลยมีความคิดว่านักกีฬาที่แข่งเนี้ย ลองเป็นสตรีมเมอร์ด้วย ก็สร้างสมดุลในการแข่งและการเป็นสตรีมเมอร์ 

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: มาถึงเรื่องราวของความรักกันบ้าง ในเรื่องความรักที่ผ่านมา ลึกๆ นี่พี่แว่นจะเป็นฝ่ายที่ผิดหวัง และตอนนี้ในใจลึกๆ ตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหมครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
ถ้าเอาอารมณ์ตอนนี้ ต้องขอบอกว่า “ดีขึ้นครับ” อาจจะเป็นเรื่องของเวลาด้วยละ เวลามันผ่านไปๆ ความรู้สึกมันก็จะจางลงไป แต่ตอบแบบหล่อๆ หน่อยก็ต้องขอบอกว่าความเจ็บปวดมันก็ยังคงเหมือนเดิมอ่ะ มันยังมีภาพจำอยู่ในใจ มันอาจจะไม่เจ็บเท่าเดือนแรก ตอนนี้มันผ่านมาปีกว่าๆ พอกลับไปคิดถึงก็ยังเห็นความทรงจำนั้นอยู่ แต่เราสามารถก้าวผ่านจากเหตุการณ์นั้นได้แล้ว เพราะเหตุการณ์ในเรื่องความรักในอดีตก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้พี่แว่นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

Online Station: แล้วมุมมองในเรื่องความรักของพี่แว่นมันยังสวยงามอยู่หรือไม่ หรือพี่มองมันเปลี่ยนไปแล้ว?
พี่แว่น FPS Thailand:
พี่แว่นยังเป็นคนชอบที่จะมีความรักนะ มันดูตื่นเต้นดี วูบวาบดีอะไรประมาณนี้ (ยิ้ม) โดยส่วนตัวแล้ว พี่แว่นมองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอสำหรับคนที่สมหวัง 

Online Station: แล้วกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ไหมครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
ไม่กลัวนะ พร้อม แต่ว่ารอบนี้อาจจะต้องเดินเกมดีๆ หน่อย แต่ท้ายสุดคนที่อยู่ในห้วงของความรักมักจะไม่ค่อยระวังตัวอะไร (ยิ้ม) 

Online Station: แล้วตอนนี้พี่แว่นมีคนคุยด้วยไหมครับ 
พี่แว่น FPS Thailand
: มีครับ คุยกันมาประมาณ 6-7 เดือนได้ ก็ไม่นานนะ

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: กับคนที่พี่แว่นคุยด้วย เขามีส่วนช่วยพี่แว่นเข้มเเข็งขึ้นด้วยหรือป่าวครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
มีส่วนครับ เขาเป็นคนที่จะช่วยประคับประคองเราให้ดีขึ้น มองเราในอีกมุมนึง ช่วยเสริมเราในจุดที่อ่อนแอ

Online Station: พี่มองความรักในครั้งนี้อย่างไร
พี่แว่น FPS Thailand:
คงต้องดูกันต่อไปว่าระหว่างเราสองคน ว่าจะรับข้อเสียของกันและกันได้หรือป่าว คือข้อดีมันรับกันได้อยู่แล้ว เวลาคนสองคนคบกัน ช่วงแรกๆ เรามักเอาข้อดีเข้าหากัน แต่พออยู่กันไปสักพัก มันก็จะมีความสนิท ความเกรงใจก็จะน้อยลง ข้อเสียของแต่ละคนก็จะเริ่มผุดขึ้นมาให้เห็นละ อยู่ที่จุดนั้นว่าเราสองคนยังคงเหมือนเดิมกันหรือป่าว

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

Online Station: สเป็คผู้หญิงของพี่แว่นเป็นยังไงบ้าง
พี่แว่น FPS Thailand:
อายุน้อยกว่า น่ารัก พี่แว่นไม่ได้ชอบผู้หญิงสวย และคนปัจจุบันที่คบกันก็ตรงสเป็คแล้วก็เก่งด้วยครับ

Online Station: ในอนาคตคิดว่าจะมีครอบครัว มีลูก คิดไปถึงขั้นนั้นไหมครับ
พี่แว่น FPS Thailand:
เออ…ตอนนี้ยังครับ แต่ตัวเองชอบเด็กนะ ชอบที่จะดูลูกคนอื่นแล้วอยากมีบ้างเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไลฟ์สไตล์ของตัวพี่แว่นเองยังผาดโผนอยู่เลย (หัวเราะ) ตรงจุดนี้เลยยังดูไม่ค่อยพร้อมที่จะมีน้อง (ลูก) ครับ…

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

สัมภาษณ์พี่แว่น

สำหรับเรื่องราวของพี่แว่น ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างได้ครับ

ที่มา: Online Station

พาชมคลิปสัมภาษณ์พี่แว่น FPS Thailand ในมุมชีวิตส่วนตัว ไลฟ์สไตล์และเรื่องของความรัก!

True Super Fiber Gamer Pro Pack

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้