5 เกมที่พยายามเพิ่มโหมด Battle Royale แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

     ในช่วงปีก่อนกระแสเกมสไตล์ Battle Royale นั้นมาแรงมาก (ปัจจุบันก็ยังฮิตอยู่แต่เริ่มเบาบางลง) จนมีเกมหลากหลายเกมที่ออกมาในสไตล์นี้ บางเกมก็ออกมาเพื่อเป็น Battle Royale โดยเฉพาะ แต่อีกส่วนแม้ตัวเกมหลักจะไม่ใช่สไตล์ Battle Royale แต่ก็มีการเพิ่มโหมดเหล่านั้นขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น Fortnite ที่ในตอนแรกเป็นเกมป้องกันซอมบี้ แต่เพิ่มโหมด Battle Royale จนโด่งดังไปทั่วโลกอย่างที่เห็น แต่ก็ไม่ใช่ทุกเกมที่จะเกาะกระแส Battle Royale แล้วจะได้ดีไปซะหมด เรามาดูกันดีกว่าว่า 5 เกมที่พยายามเพิ่มโหมด Battle Royale แต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีเกมอะไรบ้าง (เกมที่กล่าวมาทั้งหมดจะอิงบน PC เป็นหลักนะครับ)


Dying Light

     สำหรับเกม Dyling Light ที่รู้จักกันดีในเกม Parkour ลุยซอมบี้ก็มีการเพิ่มโหมด Battle Royale มาในรูปแบบ DLC ที่ชื่อ Bad Blood โดยในโหมดนี้จะมีผู้เล่นทั้งหมด 12 คน และจะมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือเป็นเนื้อหาที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม รวมไปถึงเหล่าคนที่ซื้อไปแล้วก็ค่อนข้างผิดหวังและเขียนรีวิวในแง่ลบยิ่งทำให้ยอดผู้เล่นน้อยตามไปอีก เรียกว่าจะหาห้องทีก็อาจจะต้องรอนานพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบเกม Dying Light เจ้าโหมดนี้ก็ถือว่าสนุกไม่เลวเลยทีเดียว


Mordhau

     เกมฟันดาบสไตล์ Medieval ที่เปิดให้เล่นกันได้ไม่นาน ก็มีโหมด Battle Royale ติดตัวมาในเกมเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นโหมดนี้ก็มีคนเล่นน้อยมากๆ เพราะส่วนมากคนก็เลือกที่จะเล่นโหมด Team Deathmatch หรือ Frontline กันมากกว่า เพราะได้ฟันกันมั่วๆ อารมณ์สงครามแบบรบพุ่งจริงๆ ทำให้ตัวโหมด Battle Royale ใช้เวลาในการหาผู้เล่นนานมากแม้เกมจะอยู่ในช่วงฮิตก็ตาม ซึ่งถ้าหมดกระแสไปก็ยิ่งไม่ต้องสืบว่าคนจะร้างในโหมดนี้ขนาดไหน


Paladin

      อีกหนึ่งเกมสไตล์ Hero Shooter ที่ออกมาปะทะกับ Overwatch ซึ่งในภายหลังก็ได้พยายามทำโหมด Battle Royale ในชื่อ Paladin Battlegrounds ออกมา แต่หลังจากเปิดได้สักพักก็ต้องปิดตัวไปเนื่องจากปัญหาในการปรับบาลานซ์ตัวละครที่ทำได้ยากในระหว่างโหมดการเล่นปกติและโหมด Battle Royale ทำให้ทางผู้พัฒนาตัดสินใจนำโหมดนี้ออกจากเกมไปในที่สุด (แต่ผู้พัฒนาก็นำไอเดียไปเปิด Standalone ในชื่อ Realm Royale)


Call of Duty: Black Ops 4

     อีกหนึ่งเกมแนว FPS ชื่อดังระดับโลกอย่าง Call of Duty ที่ในภาค Black Ops 4 ล่าสุด ก็มีการใส่โหมด Battle Royale ในชื่อ Blackout มาด้วยเช่นกัน ในช่วงเปิดเกมแม้จะสนุกแต่ก็มีปัญหายิบย่อยรวมไปถึงระบบต่างๆ ที่ยังดูไม่ลื่นไหลเท่าไหร่ ทำให้ผู้เล่นลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็แทบจะหาห้องเล่นยากมากขึ้นกว่าเดิม


Battlefield V

     อีกหนึ่งเกม FPS แนวสงครามชื่อดังคู่ปรับ Call of Duty อย่าง Battlefield ที่ในภาค 5 ก็ได้ทำโหมด Battle Royale ในชื่อ Firestorm ขึ้นมาเช่นกัน แต่ด้วยความที่ออกไล่เลี่ยกับ Apex Legends แถมกระแสของตัวเกมในตอนแรกที่ไม่ค่อยสู้ดีจากประเด็นดราม่ามากนัก ทำให้ยอดผู้เล่น Firestorm ตกอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันก็เป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะหาผู้เล่นในโหมดนี้เจอ ถึงขนาดต้องออกแพตช์แก้ให้ลดจำนวนคนที่จะเริ่มเกมได้ แต่ก็ยังหาห้องยากอยู่ดี เพราะสุดท้ายคนก็กลับเป็นเล่นโหมดหลักกันหมด


     ทั้งหมดนี้ก็เป็นบางส่วนของเกมที่ไม่ได้มีโหมด Battle Royale แต่แรก และพยายามจะกระโดดเข้าร่วม Hype Train ตามกระแส Battle Royale แต่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด ซึ่งก็ยังมีอีกหลายเกมที่พยายามทำออกมาแล้วไม่ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน ก็เห็นจะมีเพียงแต่ Fortnite เกมเดียวเท่านั้นที่ทำออกมาได้ดังตูมตามขนาดนี้จนคนทั่วไปหลายคนแทบจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว Fortnite เป็นเกมแนวป้องกันซอมบี้ ก่อนที่จะกลายมาเป็นเกม Battle Royale ยอดฮิตแทน ฮา

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้