สปอยล์เละ! สรุปเนื้อเรื่อง Resident Evil 7 ทั้งหมดรวม DLC แบบเรียงตามไทม์ไลน์เหตุการณ์

ปี 2007

– หลังจากที่ Umbrella ได้ถูกเปิดโปงถึงความชั่วร้ายต่างๆ สู่สาธารณะจนมีอันต้องล่มสลายไปในช่วงปี 2003-2004 ต่อมาองค์กร Umbrella ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในรูปแบบขององค์กรทหารรับจ้างมาตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งมีอดีตทหารหลายคนจาก Umbrella เดิมได้ถ่ายโอนมายัง Umbrella ที่เป็นโฉมใหม่ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือตามล้างตามเช็ดในสิ่งที่ Umbrella เคยทำเลวเอาไว้ และมุ่งปราบปรามอาชญากรทุกคนที่คิดจะพัฒนาหรือจำหน่ายอาวุธชีวภาพ รวมถึงผู้ที่สนับสนุนการกระทำดังกล่าวให้หมดสิ้นไป

(ปกติแล้วทหารรับจ้างบนโลกเราจะมีการจำแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ครับ คือ ทหารรับจ้างอิสระ (Mercenary) และองค์กรทหารรับจ้าง (Private Military Company หรือเรียกแบบย่อว่า PMC) โดย PMC จะบริหารในลักษณะบริษัทและจะถูกรับรองโดยประเทศที่องค์กรทหารรับจ้างตั้งอยู่ บางแห่งจะรับเฉพาะงานด้านอารักขาและที่ปรึกษา บางแห่งก็รับงานเฉพาะในลักษณะของกองกำลังทหาร ในขณะที่ Mercenary จะเป็นลักษณะการจ้างทั่วไประหว่างผู้ว่าจ้างกับทหาร หรือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์ของทหารนั้นๆ เลย ส่วนภารกิจของพวก Mercenary ก็แล้วแต่ที่ผู้ว่าจ้างกับตัวทหารจะตกลงกัน ซึ่งมีทั้งงานสุจริตและงานใต้ดิน)

(ล่าง) โลโก้ของหน่วย Umbrella ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่


ปี 2014

– เด็กสาวนามว่า เอเวอลิน เป็นอาวุธชีวภาพในร่างมนุษย์ที่มีโค้ดเนมว่า E-001 ซึ่งเธอนั้นถูกดัดแปลงพันธุกรรมและยีนส์จากโปรเจ็กต์การวิจัยอาวุธชีวภาพเจเนอเรชั่นใหม่ที่ผ่านการดูแลและควบคุมโดยองค์กรที่มีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า “The Connections” ทั้งนี้ เอเวอลินเป็นอาวุธชีวภาพที่ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดเป้าหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะต่อสู้หรือใช้กำลัง และจากผลของการผสานเชื้อแบคทีเรียจำนวนหนึ่งเข้าไปในยีนส์ของเอเวอลินตั้งแต่เธอยังเป็นแค่ตัวอ่อน ทำให้เอเวอลินมีความสามารถในการควบคุมจิตใจใครก็ตามที่ถูกเธอสัมผัสร่างกาย รวมถึงสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของร่างกายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าด้วยความที่เอเวอลินเป็นอาวุธชีวภาพชิ้นแรกของ E-Series เลยทำให้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ นั่นก็คือสภาพจิตใจของเธอที่โหยหาการมีครอบครัวอย่างแรงกล้า อยากจะมีพ่อแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ ทั่วไป และต้องการที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยวิธีการของเธอเอง

(ล่าง) เอเวอลิน อาวุธชีวภาพรหัส E-001 ในร่างเด็ก 10 ขวบ

เอเวอลินเกิดในช่วงปี 2014 แต่ถูกปรับแต่งโครโมโซมและเซลล์ในร่างกายให้โตไวกว่าปกติจนมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนเด็กอายุ 10 ขวบเพื่อให้ง่ายต่อการนำเธอไปแทรกซึมกับเป้าหมายที่ต้องการกำจัด โดยการสร้างเอเวอลินขึ้นมานี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันในตลาดค้าอาวุธทั่วไปและอาวุธชีวภาพจนเป็นประเด็นอยู่ เนื่องจากว่าความสามารถของเธอนั้นสามารถใช้หยุดการสู้รบได้ด้วยการเข้าไปควบคุมจิตใจคน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วความจำเป็นในการใช้อาวุธทั่วไป อาวุธเคมี ตลอดจนอาวุธนิวเคลียร์ก็จะลดลง ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของธุรกิจค้าอาวุธชนิดอื่นๆ ได้

– องค์กรที่สร้างเอเวอลินได้สืบทราบมาว่าทาง Umbrella กำลังแกะรอยมายังองค์กรและพยายามที่จะกำจัดเอเวอลินทิ้ง เลยตัดสินใจในช่วงเดือนตุลาคมของปี 2014 ที่จะพาเอเวอลินไปซ่อนในที่ปลอดภัย ด้วยการเคลื่อนย้ายผ่านเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ไปยังแล็บอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตอนกลางของสหรัฐอเมริกา พร้อมกับมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ขององค์กร 2 คนคอยดูแลเอเวอลินระหว่างการขนย้าย ซึ่งก็คือ อลัน โดรนี่ และ มีอา วินเธอร์ส ระหว่างที่เดินทางอยู่นั้น เอเวอลินได้เริ่มสนิทสนมกับมีอาอย่างรวดเร็ว และมองมีอาเป็นเหมือนแม่

(ล่าง) อลัน โดรนี่ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่สร้างเอเวอลิน

(ล่าง) มีอา วินเธอร์ส เจ้าหน้าที่อีกคนขององค์กรที่สร้างเอเวอลิน และยังเป็นภรรยาของอีธานด้วย

– และแล้ววันที่ 5 ตุลาคม เรือบรรทุกสินค้าที่เอเวอลินโดยสารมาก็ถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มทหารรับจ้าง แถมเป็นจังหวะเดียวกับที่พายุเฮอริเคนถล่มเข้าใส่ด้วย ทำให้สภาพจิตใจของเอเวอลินเกิดแปรปรวน เธอได้สังหารอลันและวิ่งหนีหายไปเพราะไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในแล็บอีก ขณะเดียวกัน ระหว่างที่เอเวอลินซ่อนตัวอยู่ในเรือ เธอได้อาเจียนออกมาเป็นเชื้อรากองขนาดใหญ่และฆ่าลูกเรือคนอื่นๆ จนตายเรียบ พร้อมกับแพร่เชื้อใส่มีอาด้วย แต่เอเวอลินเลือกที่จะเก็บมีอาไว้เพื่อหวังจะใช้ประโยชน์จากการควบคุมจิตใจเธอนั่นเอง สุดท้ายเรือก็อับปางลง มีอากับเอเวอลินลอยไปเกยตื้นที่ลำน้ำแห่งหนึ่งในรัฐหลุยส์เซียน่า ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ

แจ็ค พ่อบ้านตระกูลเบเกอร์ที่อาศัยอยู่ในบ้านไร่ที่หลุยส์เซียน่าได้พบร่างของมีอากับเอเวอลินเข้าในวันที่ 10 ตุลาคม เลยอุ้มมาพักฟื้นที่บ้านของตนเอง หารู้ไม่ว่าคืนนั้นเอเวอลินได้จัดการแพร่เชื้อใส่สมาชิกบ้านเบเกอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแจ็ค, มาร์เกอรีธ, ลูคัส และโซอี้ จนทุกคนในบ้านเบเกอร์ต่างตกอยู่ในการควบคุมของเอเวอลินไปโดยปริยาย

(ล่าง) แจ็ค เบเกอร์

(ล่าง) มาร์เกอรีธ เบเกอร์

(ล่าง) ลูคัส เบเกอร์

(ล่าง) โซอี้ เบเกอร์


ปี 2017

– ภายในช่วง 3 ปีนับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นที่บ้านตระกูลเบเกอร์ เอเวอลินได้บงการแจ็ค มาร์เกอรีธ และลูคัส ออกไปลักพาตัวคนไร้บ้านและบรรดานักท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียงเพื่อนำมาแพร่เชื้อให้กลายเป็นสมาชิกครอบครัวเพิ่มให้กับเธอ แต่ลูคัสนั้นได้รับการติดต่อจากองค์กรที่สร้างเอเวอลินเข้ามา พร้อมกับได้รับเซรุ่มที่ช่วยให้ลูคัสไม่โดนเอเวอลินควบคุมจิตใจได้ (แต่ยังมีความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลตามร่างกายอยู่) โดยแลกกับการที่ลูคัสต้องจับตามองพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวของเอเวอลินแล้วรายงานกลับไปที่องค์กรเป็นระยะ ซึ่งลูคัสแกล้งทำเนียนว่าตนเองยังตกอยู่ใต้อาณัติของเอเวอลินเพื่อตบตาเอเวอลินมาตลอด

– ความต้องการที่จะขยายครอบครัวของเอเวอลินมีสูงขึ้นจนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นางได้ควบคุมให้แจ็คกับมาร์เกอรีธจับคนมาแพร่เชื้อเพิ่มรัวๆ กระทั่งทางสื่อมวลชนเริ่มตีข่าวบุคคลสูญหายจำนวนหลายสิบคนในรัฐหลุยส์เซียน่าจนใหญ่โต และทางเจ้าหน้าที่รัฐต้องออกลาดตระเวนเพื่อกวดขันเรื่องนี้อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน ร่างกายของเอเวอลินในช่วงครึ่งหลังของปี 2016 กลับเกิดอาการแทรกซ้อนกำเริบ เซลล์ในร่างกายของเธอเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รูปร่างและผิวพรรณของเอเวอลินแก่เร็วกว่าคนปกติถึง 25 เท่า จนเมื่อต้นปี 2017 รูปลักษณ์ของเอเวอลินก็ดูโรยเหมือนหญิงชราอายุประมาณ 80 ปี และต้องนั่งวีลแชร์มานับแต่นั้น

(ล่าง) เอเวอลินในร่างหญิงชรา

– ในช่วงเดือนมิถุนายน 2017 จากกระแสที่มีข่าวคนหายในหลุยส์เซียน่าจนดังว่อนไปทั่วโลกโซเชียลและอินเตอร์เน็ต ได้ไปเตะตาทีมงานรายการ Sewer Gators เข้า โดยรายการ Sewer Gators เป็นรายการแนวๆ ล่าท้าผี ออกอากาศเฉพาะบนอินเตอร์เน็ต ที่จะออกไปสำรวจบ้านร้างหรือสถานที่ที่เชื่อกันว่ามีผีหรือวิญญาณสิงสถิตอยู่ (อารมณ์คล้ายๆ รายการของพี่ป๋อง The Shock ของบ้านเรานั่นแหละครับ) ซึ่งทีมงานรายการนี้มีทั้งหมด 3 คน ได้แก่ อังเดร สตริคแลนด์ ตำแหน่งโปรดิวเซอร์, ปีเตอร์ วอลเคน ตำแหน่งผู้ดำเนินรายการ และ แคลนซี่ จาวิส ตำแหน่งช่างกล้อง ต่อมาทั้งสามก็เดินทางมาถึงบ้านตระกูลเบเกอร์ที่ได้รับข่าวลือหนาหูว่าสถานที่แห่งนี้ “เฮี้ยน” มาก แต่พอเข้าไปสำรวจได้ไม่นาน อังเดรกับปีเตอร์ก็ถูกฆ่า ส่วนแคลนซี่ถูกจับไปและได้เจอการต้อนรับจากแจ็คและมาร์เกอรีธ ก่อนจะไปโดนลูคัสสังหารที่ห้องกับดักในที่สุด

(ล่าง) อังเดร สตริคแลนด์

(ล่าง) ปีเตอร์ วอลเคน

(ล่าง) ใบหน้าของแคลนซี่ จาวิส ที่มีการเผยจาก Capcom ในภายหลัง

– เอเวอลินได้ควบคุมมีอาให้เธอส่งอีเมล์ไปหาอีธาน ผู้เป็นสามีให้มาหาเธอถึงที่บ้านเบเกอร์ โดยหวังว่าอีธานน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการสวมบทเป็นพ่อให้กับเอเวอลิน ในขณะที่อีธานที่ไม่ได้รับการติดต่อจากมีอามาตลอด 3 ปีให้หลังและเชื่อว่าเธอน่าจะเสียชีวิตไปแล้วก็รู้สึกดีใจและเดินทางไปหลุยส์เซียน่าอย่างไม่รอช้า ซึ่งไม่ได้ระแคะระคายเลยว่ามีอันตรายรอเขาอยู่เบื้องหน้า

(ล่าง) อีธาน วินเธอร์ส

– ทันทีที่อีธานมาถึงก็พบว่าบ้านเบเกอร์เป็นบ้านไร่ขนาดใหญ่ที่ดูจากสภาพแล้วเหมือนถูกทิ้งร้างมานานแรมปี และพออีธานได้เข้าไปสำรวจภายในก็พบกับมีอาที่ถูกจับมาขังไว้ยังชั้นใต้ดิน มีอาได้เตือนอีธานว่าพวกตนทั้งสองจะต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ก่อนที่เจ้าของบ้านเบเกอร์จะมาพบ แต่ก่อนที่จะได้หนี มีอาก็เกิดคลุ้มคลั่งและพุ่งเข้าทำร้ายอีธานโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้อีธานจำต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตัวจนมีอาแน่นิ่งไป ระหว่างนั้นอีธานก็ได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวนามว่า โซอี้ ลูกสาวของตระกูลเบเกอร์ที่ติดเชื้อแบบเดียวกับคนอื่นๆ ในบ้าน ซึ่งเธอนั้นต้องการที่จะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วยเช่นกัน แต่เธอกับมีอาต้องได้รับการฉีดเซรุ่มรักษาอาการติดเชื้อนี้เสียก่อน

– อีธานสามารถนำวัตถุดิบมาให้โซอี้ทำเซรุ่มได้ 2 หลอด แต่ทว่าอีธานจำเป็นต้องใช้เซรุ่ม 1 หลอดในการปราบแจ็คที่กลายร่างเป็นอาวุธชีวภาพขนาดยักษ์ให้อยู่หมัด เขาเลยต้องเลือกว่าจะใช้เซรุ่มที่เหลือกับหลอดเดียวเพื่อช่วยมีอาก่อน พร้อมสัญญากับโซอี้ว่าจะไปตามคนมาช่วย ต่อมาทั้งคู่ก็ไปเจอซากเรือบรรทุกสินค้าและถูกเอเวอลินโจมตีจนอีธานกับมีอากระเด็นไปคนละทาง พอทั้งสองมาเจอกันอีกครั้ง มีอาเลยมอบขวดบรรจุ DNA ของเอเวอลินให้กับอีธานไว้ พร้อมขังตัวเองอยู่ในห้องและจะพยายามต้านทานการควบคุมจิตใจโดยเอเวอลินให้นานที่สุด เพื่อประวิงเวลาให้อีธานออกจากซากเรือไปก่อนที่เธอจะคลุ้มคลั่งและทำร้ายอีธานอีก

– อีธานเดินทางมาจนถึงเหมืองที่มีแล็บทดลองอาวุธชีวภาพซ่อนอยู่ และที่นั่นเขาก็ได้ทราบความจริงเกี่ยวกับเอเวอลินทั้งหมด และสามารถนำ DNA ของเอเวอลินมาใส่เครื่องสร้างสารพิษสำหรับใช้สังหารเธอ แต่พอฉีดไปแล้วเอเวอลินกลับกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ เคราะห์ดีที่มีเฮลิคอปเตอร์จากหน่วย Umbrella บินมาถึงที่เกิดเหตุพอดีและโยนปืนลงมาให้อีธานใช้ปราบเอเวอลินจนสิ้นฤทธิ์ได้ จากนั้นอีธานกับมีอาก็ได้รับการช่วยเหลือจาก คริส เรดฟิลด์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก Umbrella และขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากไป

คริสได้รับภารกิจให้ลงไปตามจับตัวลูคัสที่แอบติดต่อกับองค์กรที่สร้างเอเวอลินอย่างลับๆ ภายในเหมืองใต้ดิน และพบว่าท้ายเหมืองมีทางเชื่อมทะลุไปถึงสถานีวิจัยอาวุธชีวภาพแห่งหนึ่ง ซึ่งสถานที่แห่งนี้ลูคัสได้รับมอบหมายให้เฝ้าติดตามเอเวอลิน และรายงานอัพเดตผลกับทางองค์กร โดยที่ทางองค์กรได้ส่งนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนึงมาประจำอยู่ในสถานีดังกล่าวเพื่อทำการทดลองและจับตาดูลูคัสไปในตัวด้วย แต่ภายหลังลูคัสได้จัดการฆ่านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ทิ้งทั้งหมดและดำเนินการทุกอย่างแบบลับๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งในที่สุดคริสก็บุกมาถึงด้านในสถานีวิจัย จนเจอกับลูคัสที่โผล่พรวดเข้ามาทำร้าย คริสเลยยิงสวนไปจนลูคัสบาดเจ็บสาหัส ระหว่างนี้เชื้อในร่างกายลูคัสก็ได้ทำปฏิกิริยาทำให้เจ้าตัวกลายร่างเป็น Mold ขนาดยักษ์ แต่คริสก็สามารถจัดการลูคัสลงได้ และทำลายเซิร์ฟเวอร์ของสถานีวิจัยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูคัสส่งข้อมูลไปถึงองค์กรที่พัฒนาเอเวอลินได้สำเร็จ

โจ เบเกอร์ ลุงแท้ๆ ของโซอี้ที่อาศัยอยู่ในกระท่อมริมน้ำ ห่างออกไปจากบ้านเบเกอร์พอสมควร ได้พบร่างของโซอี้ที่โดนเชื้อลุกลามจนตกผลึกไปค่อนตัว เลยพยายามไปหาเซรุ่มมารักษาอาการติดเชื้อนี้ และได้เผชิญหน้ากับศัตรูลึกลับที่ตามล่าเขามาตลอดทาง สุดท้ายก็ทราบว่าศัตรูตัวนี้คือ แจ็ค น้องชายแท้ๆ ของโจที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพจากการที่ต้องใช้ความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลจนมากเกินไป ซึ่งโจก็สามารถปราบแจ็คได้ ส่วนโซอี้ก็ได้รับการฉีดวัคซีนที่โจดั้นด้นหามา ร่างกายของเธอเริ่มดีขึ้นจนได้สติกลับคืน ระหว่างที่โซอี้คุยกับโจผู้เป็นลุง คริสก็เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้โซอี้คุยกับอีธาน โดยอีธานเป็นคนที่แจ้งคริสกับหน่วยของ Umbrella ว่าให้มาช่วยเหลือโซอี้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ โซอี้เลยซึ้งกับคำสัญญาที่อีธานให้ไว้ว่าจะไปตามคนมาช่วย และนั่นก็คือบทสรุปของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด ณ บ้านตระกูลเบเกอร์ ที่ต้องมาประสบเคราะห์ร้ายจากน้ำมือของเด็กผู้หญิงนามว่า เอเวอลิน นั่นเอง

(ล่าง) โจ เบเกอร์

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้