Diablo III
หลังจากปล่อยให้คอเกมรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Diablo III ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสักที ในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา และด้วยความสุดยอดของเกมนี้ก็ทำเอาคอเกมทั่วโลกต่างถูกดูดเข้าไปในกระแส Diablo III ฟีเวอร์กันไปโดยปริยาย ไม่เว้นแม้แต่คอเกมคอนโซลอย่างเราเอง ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปร่วมแจมกับเขาด้วย ซึ่งมันจะสุดยอดแค่ไหน ผมขอนำเสนอตัวเกมสักเล็กน้อยเพื่อเรียกน้ำย่อยเหล่าสาวกคอนโซลกันซะหน่อยละกันครับ
ตัวละครหลักทั้ง 5 ใน Diablo III
Barbarian
ต้องบอกว่าเป็นอาชีพเดียวในเกมที่ยังคงเหลืออยู่ใน Diablo III กับนักรบสุดถึกและบึกบึน Barbarian ตัวจี๊ดของเรานั่นเอง แน่นอนด้วยความสามารถในการบู๊และเป็นสุดยอดแท็งค์เกอร์ จึงไม่พลาดที่จะเป็นตัวละครแรกๆ ให้เหล่านักเล่นมือใหม่และคอเกมมือเก๋าเลือกเล่นเป็นตัวละครแรกของเกม เพราะนอกจากจะเล่นง่าย สกิลไม่ซับซ้อน แต่ความโหดการันตีได้เลยว่า สุดยอด!
Demon Hunter
อาชีพใหม่สุดโหดที่รวมความสามารถของ Amazon และ Assassin เข้าด้วยกันอย่างลงตัว มีความสามารถโจมตีระยะไกลที่รุนแรง พร้อมกับวางกับดักเพื่อทำลายศัตรูและบัฟตัวเองให้เก่งแบบสุดๆ อีกทั้งยังรวมความสามารถการหลบหลีกและการโจมตีรัวแบบรวดเร็วไว้ด้วยกัน ทำให้อาชีพนี้เป็นสุดยอดนักฆ่า ที่ผู้เล่นหลายคนต่างหมายปอง เลือกเล่นเป็นอันดับแรกๆ
Monk
อีกหนึ่งอาชีพใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ Monk เป็นอาชีพที่เน้นการโจมตีระยะประชิดพร้อมการโจมตีคอมโบเป็นหลัก มีท่าโจมตีที่รุนแรงต่อเนื่องและรวดเร็ว มีท่าบัฟต่างๆ มากมายเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ ใครชอบบู๊มันส์ๆ ต่อยเตะกระจาย Monk เป็นอีกหหนึ่งตัวเลือกที่ไม่น่าพลาด เพราะนอกจากจะมีท่าโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วแล้ว ยังเป็นตัวละครเดียวที่มีบัฟฟื้นพลังตัวเอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวละครนี้เลยก็ว่าได้ ใครชอบลุยเดี่ยวแบบหล่อๆ ตัวละครตัวนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน
Wizard
จอมเวทย์สุดโฉดที่ Blizzard บอกว่ามันไม่เหมือนกับ Sorceress ในภาคก่อนแน่นอน แต่ยังไงผมก็ว่ามันก็ประเภทเดียวกันล่ะ กับความสามารถในการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์สุดอลังการ พร้อมที่จะเป่าศัตรูทุกตัวให้หายวับภายในการโจมตีครั้งเดียว ยังคงการันตีความโหดของตัวละครนี้ได้อย่างครบถ้วน และในภาคนี้ยังถูกปรับให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยสกิลที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ตัวละครนี้ถึกขึ้นกว่าเดิม ก็ยิ่งทำให้ Wizard เป็นตัวเลือกแรกในใจของคอเกมหลายคนทีเดียว
Witch Doctor
ปิดท้ายด้วยอาชีพพ่อมดสุดป่วนที่รวมเอาความสามารถของ Necromancer และ Druid ในภาคที่แล้วมายำความสามารถเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จุดเด่นของอาชีพนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและไม่เหมือนตัวละครอื่น นั่นก็คือความสามารถในการเรียกผู้ช่วยออกร่วมต่อสู้พร้อมกับความสามารถสาปส่งต่างๆ ทำให้ศัตรูติดสถานะผิดปกติอีกมากมาย ชนิดที่ว่าให้เรายืนนิ่งมองลูกจ๊อกกับศัตรูตีกันเองแล้วเรายืนนิ่งไม่ต้องทำอะไรก็เลเวลอัพได้สบายๆ แต่อย่าเผลอยืนนิ่งนานเกินล่ะ เพราะถ้าศัตรูหลงเข้ามาก็มีสิทธิ์ม่องเท่งได้ไม่รู้ตัวนะเออ *-*
ระบบการเล่น
รูปแบบการเล่นทั่วไปยังคงกลิ่นอายเดิมจาก Diablo ภาคก่อน ผู้เล่นจะต้องดำเนินเนื้อเรื่องไปตาม Act ต่างๆ มีเควสต์ให้ทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มีดันเจี้ยนมากมายให้ผู้เล่นได้คอยค้นหาเพื่อเปิดแผนที่ พร้อมกับมอนสเตอร์มากมายที่พร้อมให้คุณสับ และสับคุณให้เละได้ในเวลาเดียวกัน มอนสเตอร์ต่างๆ เมื่อตายจะไม่เกิดขึ้นมาตามเวลาเหมือนเกมออนไลน์อื่นๆ แต่จะฟื้นกลับมาให้คุณล่าเมื่อคุณเริ่มเควสต์ใหม่ หรือออกจากเกมและเข้าใหม่เท่านั้น ฉะนั้นทำความเข้าใจด้วยอย่าเผลอไปคิดว่ามันเป็นออนไลน์ล่ะ ถึงแม้มันจะต้องออนไลน์เล่นก็เถอะ
ความยากของตัวเกม
ตัวเกมในภาคนี้จะแบ่งลำดับความยากออกเป็น 4 ลำดับ นั่นคือ Normal สำหรับผู้เล่นใหม่ เมื่อเล่นจบก็จะสามารถปรับระดับไปเล่นในความยากกว่าเดิมได้ โดนจะแบ่งเป็น Nightmare, Hell และ Inferno ตามลำดับ ยิ่งผู้เล่นไต่ระดับไปถึงระดับสูงก็จะมีโอกาสที่จะได้รับไอเทมดีๆ สำหรับสวมใส่มากยิ่งขึ้น แต่ความยากของตัวเกมนั้นก็โหดร้ายพอที่จะทำให้ผู้เล่นปวดใจในการเล่นได้เลย แต่ถ้าเป็นผู้ที่ชอบเสพความฮาร์ดคอร์อยู่แล้วละก็ ห้ามพลาด!
การเก็บเลเวล อัพสเตตัส และอัพสกิล
ในภาคนี้การเก็บเลเวลยังคงเป็นเช่นเดิมคือไล่จัดการศัตรูหรือทำเควสต์ต่างๆ เพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ แต่ทว่าการอัพสเตตัสของตัวละครจะไม่ได้อัพแบบอิสระเหมือนกับภาคก่อนๆ ตัวเกมจะอัพสเตตัสให้กับตัวละครอัตโนมัติให้เหมาะสมกับตัวละคร ดังนั้นใครที่คิดจะอัพสเตตัสเองตัดผ่านไปได้เลย เพราะในภาคนี้การที่จะปั้นตัวละครของเราให้เก่งได้นั้นขึ้นอยู่กับของสวมใส่และการเซ็ตสกิลเป็นหลัก
ในส่วนของสกิลสำหรับภาคนี้ได้แบ่งให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ได้ 6 ช่องด้วยกัน ผู้เล่นสามารถเลือกใช้สกิลได้อิสระ แต่ในตอนแรกจะใช้ได้แค่ 2 ช่องเท่านั้น ต้องอัพเลเวลไปตามลำดับก่อนถึงจะปลดล็อกทั้ง 6 ช่องได้ ซึ่งในส่วนของสกิลเองก็จะปลดล็อกให้ใช้ตามเลเวลเราเช่นเดิม แต่การอัพเลเวลของสกิลในแบบภาคก่อนได้ถูกตัดออก แล้วใช้ระบบเซ็ตรูนเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสกิลเข้ามาแทน ซึ่งบอกได้เลยว่าระบบนี้น่าสนใจมากๆ เพราะมันจะทำให้ผู้เล่นไม่ถูกจำกัดกับการเล่นสกิลแต่สายเดิมเช่นภาคก่อนๆ
ระดับของไอเทม
ในภาคนี้ยังแบ่งระดับของไอเทมเป็น 7 ระดับ นั่นคือตั้งแต่ระดับธรรมดา Inferior, Normal, Superior, Magic, Rare, Legendary และ Set Item โดยจะแบ่งเป็นสีให้เห็นชัดเจน ยิ่งเป็นไอเทมระดับสูงความสามารถของไอเทมชิ้นนั้นก็จะหลากหลายและดีมากขึ้น แต่ทว่าโอกาสที่จะได้ไอเทมดีๆ หรือไอเทมระดับสูงนั้นก็ยากเช่นกัน แต่ผู้เล่นสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับไอเทมดีๆ ได้โดยการใส่ไอเทมที่มีความสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับไอเทม หรือเล่นในระดับความยากที่สูงขึ้นนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโอกาสดรอปก็ขึ้นอยู่กับดวงผู้เล่นล้วนๆ ครับ *-*
ระบบออนไลน์และมัลติเพลเยอร์
ถึงแม้ว่าภาคนี้ผู้เล่นต้องออนไลน์เข้า Battle.net ก่อนถึงจะเล่นเกมนี้ได้ แต่ผู้เล่นไม่จำเป็นที่จะต้องออนไลน์เล่นกับผู้อื่นตลอด ผู้เล่นสามารถดำเนินเนื้อเรื่องไปคนเดียวได้ตามสะดวก เหมือนกับภาคก่อนๆ ได้อย่างอิสระ แต่ทว่าถ้าผู้เล่นอยากไปเล่นกับเพื่อนหรือผู้เล่นอื่น ตัวเกมก็มีระบบ Social ให้แอดเพื่อนเข้ามาใน Friend List ถ้าเพื่อนคนนั้นออนอยู่เราจะเห็นชื่อเขาปรากฏในหน้า Social ให้เลือกไปที่ชื่อเขาก็จะสามารถชวนหรือขอเข้าไปร่วมเล่นกับเพื่อนคนนั้นได้ทันทีซึ่งสะดวกมากๆ การเล่นแบบมัลติเพลเยอร์จะถูกจำกัดให้เข้าร่วมเล่นได้พร้อมกัน 4 คนเท่านั้น ยิ่งคนเล่นมากความยากของเกมก็จะปรับขึ้นตามจำนวนผู้เล่นเช่นกัน แต่ค่า EXP และไอเทมที่จะได้รับก็สูงขึ้นเช่นกันด้วย
ระบบ Auction House
เป็นระบบที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ Diablo III เลยก็ว่าได้ ซึ่งระบบนี้ผู้เล่นสามารถทำการซื้อขายไอเทมกับผู้เล่นอื่นได้ โดยที่เราสามารถที่จะใช้เงินในเกมหรือเงินจริงในการซื้อของในนี้ได้อย่างอิสระ ระบบนี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถทำเงินได้อย่างมากมายและสามารถหาของดีๆ มาใช้ได้แม้ว่าเราจะไม่มีดวงในการดรอปไอเทมดีๆ แต่ถ้ามีเงินก็สามารถมาช้อปของดีๆ ใส่ได้ตามสบาย ซึ่งระบบนี้มีความน่าสนใจตรงไหนลองมาดูกันครับ
Search
มีไว้สำหรับการค้นหาไอเทมที่ต้องการซื้อโดยจะสามารถเลือกประเภทของอุปกรณ์หรืออาชีพก็ได้ โดยจะแบ่งหัวข้อย่อยได้ดังต่อไปนี้
Equipment - อุปกรณ์สวมใส่ สามารถเลือกได้ว่าเราอยากจะได้ชิ้นส่วนชนิดไหน ราคาถูก-แพงที่สุด, DPS (Damage per Second) เยอะที่สุด, หาจากคุณสมบัติพิเศษของอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้ซึ่งสามารถเลือกพร้อมกันถึง 3 แบบ รวมทั้งระดับของไอเทมว่าเป็น Set หรือ Legendary (แพตช์ล่าสุดเลือกได้แค่ 2 ระดับนี้เท่านั้น)
Gems - อัญมณีสำหรับเพิ่มความสามารถของอุปกรณ์สวมใส่ สามารถเลือกค้นหาได้ว่าต้องการอัญมณีสีไหน คุณสมบัติอะไร
Crafting&Dyes - อุปกรณ์สำหรับสร้างไอเทมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือเครื่องประดับ
Pages&Recipes - แบบแพลนสำหรับการสร้างอาวุธ เครื่องป้องกัน
Gold - ระบบการใช้เงิน Gold ในการซื้อ แต่ระบบนี้ยังไม่เปิดใช้งาน
Sell
หน้าต่างโชว์ไอเทมในกล่องและไอเทมบนตัวละครของเรา ผู้เล่นสามารถดึงไอเทมที่ต้องการไปใส่ในช่องเพื่อตั้งขายได้ แต่ไอเทมนั้นจะต้องทำการซ่อมให้เรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถนำมาตั้งราคาได้ และส่วนการขายนั้นจะแบ่งออกเป็น Starting Price คือราคาตั้งต้นสำหรับให้คนอื่นบิตราคา กับ Buyout Price คือราคาสำหรับซื้อเลยทันที ซึ่งการตั้งขายนั้นผู้เล่นสามารถตั้งขายได้มากสุด 10 ชิ้น และมีเวลาในการวางขาย 2 วันต่อ 1 ชิ้น เมื่อตั้งไปแล้วจะมีเวลาให้ตัดสินใจยกเลิกใน 5 นาที ถ้าเลยไปแล้วสินค้านั้นจะถูกนำไปตั้งขาย 2 วันถึงจะได้คืนหรือจนกว่าสินค้าจะถูกซื้อไป
* Auction House มีข้อจำกัดในการขายสินค้าพร้อมกันได้แค่ 10 ชิ้นเท่านั้น โดยแยกเป็น Gold Auction House 10 ชิ้น และ Real Money Auction House 10 ชิ้น
Auctions
หน้าต่างสำหรับดูรายละเอียดรายการไอเทมที่เราวางขาย และไอเทมที่เราทำการประมูลไว้ ซึ่งในหน้าจะมีรายละเอียดให้ดูทั้งหมด ทั้งราคาและระยะเวลาในการวางขายหรือปิดประมูล
Completed
หน้าต่างรายงายผลการขายและประมูลสินค้าของเรา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่อง ในช่องซ้ายที่เขียนว่า Completed Item จะเป็นหน้ารายงานว่าสินค้าขายได้เงินเท่าไหร่ หรือสินค้าขายไม่ออก ก็จะถูกตีกลับไปที่กล่องไอเทมของเรา ส่วนในช่องขวาจะเป็นหน้ารายงานสถานะการซื้อขายทั้งหมดของผู้เล่น
Real Money Auction House
เรียกได้ว่าส่วนนี้ทุกคนคงสนใจมากที่สุด เพราะเป็นการได้เงินจริงมาใช้จากของในเกม โดยส่วนนี้ทาง Blizzard ได้เก็บค่าธรรมเนียมในการขายเบื้องต้นคือ Equipment นั่นจะเก็บค่าบริการ 1 USD ต่อ 1 ชิ้น ส่วนของอื่นที่ไม่ใช่ Equipment จะหักค่าธรรมเนียม 15% ของราคาขาย ราคาขั้นต่ำในการขายคือ 1.25 USD ต่อการวาง
ซึ่ง Real Money ที่ได้จากการขาย จะไปอยู่ในบัญชี Balance ของ Blizzard ก่อนแล้วค่อยโอนไปบัญชี Paypal ของผู้เล่น โดยส่วนของเงินที่อยู่ในระบบ Balanceของ Blizzard ไม่สามารถนำออกมาเป็นเงินจริงได้นะครับ แต่สามารถเอาไปใช้ซื้อของในเครือ Blizzard ได้ตามปกติ (แต่ต้องเป็น Digital Item เท่านั้น ไม่สามารถนำไปซื้อเกมกล่องได้) แต่ถ้าผู้เล่นใช้บริการ Paypal ระบบจะสามารถเอาเงินออกมายัง Paypal ได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมจาก Paypal อีกต่อหนึ่ง (อีก 15%) ในการนำเงินออกมา
ทั้งนี้ในการใช้ Real Money Auction House นั้นมีข้อจำกัดอยู่บ้าง คือเงินที่อยู่ในระบบ Balance ของ Blizzard นั้นมีจำนวนเงินสูงสุดได้แค่ 250 USD ถ้ามีเงินอยู่ภายในถึงกำหนดแล้วจะไม่สามารถทำการขายของเพิ่มเป็น Real Money ได้ จำเป็นต้องโอนออกหรือใช้ซื้อของเสียก่อน
สรุประบบนี้ทำให้การซื้อขายในเกมง่ายขึ้นกว่าภาค 2 เยอะเลยล่ะครับ บางคนคงเคยสัมผัสมาแล้วในภาค 2 ว่าการขายของชิ้นหนึ่งในภาคนี้นั้นลำบากเสียเหลือเกินที่ต้องมาคอยตะโกนปาวๆ ในห้องล็อบบี้เป็นชั่วโมงกว่าจะขายออกไป 1 ชิ้น โชคร้ายเจอโกงก็หนักเข้าไปอีก ระบบนี้ก็ถือว่าเป็นการ Safe ตัวเองได้ดีเลยทีเดียว โดยส่วนตัวถือว่า Blizzard ทำการบ้านมาดีมากในส่วนของการ Support Player แต่ว่าสำหรับมือใหม่นั้นก็ถือว่าระบบยังมีความซับซ้อนอยู่มากพอตัว ที่ผู้เล่นใหม่จะทำความเข้าใจและใช้งานให้สะดวก ซึ่งผมก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับพี่ๆ น้องๆ ชาว Diablo III นะครับผม