สวัสดีครับทุกท่านพบกับผมอีกครั้งกับบทความพิเศษของเกม Diablo3 ตอนนี้ Diablo3 วางขายมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ผมเชื่อว่าผู้เล่นที่ได้ครอบครองเกมหลายๆ คนคงจะเล่นกันจนถึงความยากระดับยากสุดแล้วและเข้าใจถึงความสนุกและข้อเสียของ Diablo3 พอควรแล้ว ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนคงเคยได้อ่านบทความหรือข่าวเกี่ยวกับข้อเสียของ Diablo3 มากมาย ซึ่งบทความนี้จะวิเคราะห์ทุกอย่างเกี่ยวกับส่วนนั้นเพื่อให้คนที่ยังไม่ได้เล่น สามารถเข้าใจและตัดสินใจได้ว่าสุดท้ายแล้ว Diablo 3 คือเกมที่คุณต้องซื้อหรือไม่?
หมายเหตุ
1.บทความนี้มีเนื้อหา Spoil จำนวนมากหากผู้อ่านคนใดไม่อยากโดนสปอยกรุณาหลีกเลี่ยงส่วนแรกที่เป็น Spoil นะครับ
2.บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ท่านใดมีความคิดเห็นอื่นๆ สามารถคอมเม้นต์พูดคุยกันได้เต็มที่เลยนะครับ
!!!!Spoiler Alert!!!!
Plot Hole
ส่วนนี้สำหรับผู้ที่เล่นเอาความสนุกนั้นคงไม่คำนึงถึงแน่นอนแต่สำหรับแฟนที่ตามซีรีย์และศึกษาเนื้อเรื่องมาต้องคำนึงถึงแน่นอน โดยเนื้อเรื่องของ Diablo3 นั้นเป็นเนื้อเรื่อง 20 ปีหลังจาก Diablo 2 นั้นพูดได้ว่ามี Plot Hole (จุดที่ไม่สมเหตุสมผลในเนื้อเรื่อง) หลายจุด ซึ่งผมเจอจุดที่เด่นๆ สามจุดดังนี้
Plot Hole จุดที่ 1
Dark Wonderer ตัวละครที่ชุบชีวิต Diablo ในภาค 2 ซึ่งในภาค 2 ได้บอกอย่างชัดเจนว่า Dark Wonderer นั้นคือตัวละครที่เราเล่นในภาคแรกแต่ภาค 3 อยู่ๆ ดริฟกลายเป็นเจ้าชายแห่ง Tristam ที่บทหายไปตอนช่วยภาค 1
Plot Hole จุดที่ 2
Black Soulstone บรรจุวิญญาณจอมมารทั้ง 5 ตัวในภาค 2 ตรงนี้งงสุดๆ ในเมื่อในภาค 2 เราก็ได้ทำลายวิญญาณของ Diablo และ Mephisto ไปแล้วแน่นอนแต่ไหงอยู่ๆ Aria กลับไปเก็บมาได้เก็บยังไง? โดยเฉพาะ Baal ที่ตายในห้อง World Stone ยิ่งไม่เข้าใจว่าไปเก็บมาตอนไหน ตอนที่ดันกำลังถล่มเร้อ?
Plot Hole จุดที่ 3
Izual กลับมาได้ไง? ภาค 2 เราปลดปล่อยวิญญาณไปแล้วนี่ แถมไม่มีอะไรบอกด้วยว่ากลับมาได้ไง เป็นงงเลย
จบ Spoil
การดำเนินเนื้อเรื่อง
การดำเนินเนื้อเรื่องใน Diablo 3 นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคำครหาถึงความไม่สมเหตุสมผลในบทพูดอยู่เยอะมากๆ เพราะตลอดการเล่นของเรานั้น บอสทุกตัวและตัวละคร NPC นั้นจะคอยบอกกับเราเสมอว่าเราต้องไปที่ไหนทำยังไง จนบางครั้งทำให้ตัวบอสเสียคาแรคเตอร์ไปเลยเช่น Act2 บอสต้องโกหกเก่งแต่กลับโกหกไม่เก่งเลย Act3 บอสต้องเจ้าแผนการแต่กลับบอสแผนซะหมดเปลือก ทำให้ตรงนี้เกมเสียความท้าทายไป
แต่ถ้ามองในทางกลับกัน Diablo นั้นไม่เคยมีความยากในเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาค 2 แล้ว เควสทุกอย่างมีบอกเป้าหมายอยู่แต่แรกเพียงแต่ภาคนี้อำนวยความสะดวกให้มากเกินไปเท่านั้นเอง ซึ่งพอมองย้อนกลับไปว่าแฟนๆ เล่น Diablo 2 เมื่อไรนั้นก็จะเห็นว่า Diablo3 ยังเล็งกลุ่มผู้เล่นตั้งแต่อายุ ต่ำกว่า 15 ถึงแก่ๆ เลยทีเดียวทำให้จุดนี้เป็นทั้งข้อเสียและข้อดีของเกมไป
การอัพและใช้สกิล
การตั้ง Hotkey การใช้สกิลใน Diablo 3 นั้นต่างจาก Diablo 2 โดยสิ้นเชิง ซึ่งมีหลายคนบ่นกันมากว่า Set ได้แค่ 6 ช่องแถมยังเปลี่ยนยากอีกต่างหาก อีกทั้งยังไม่สามารถเลือกอัพสกิลเองได้อีกต่างหาก เรียกได้ว่าอิสระในการเลือกสายแบบเกม RPG ปรกตินั้นหายไป
แต่จริงๆ แล้วไม่เลยเกมปลดล็อคเมื่อเลเวลถึงทำให้เราไม่ต้องมานั่งปวดหัวเวลาเล่นรอบแรกว่าสกิลจะเป็นยังไงและต้องอัพยังไงถึงจะดีที่สุด พูดง่ายๆ คือทำให้ผู้เล่นประหยัดเวลาในการเล่นไปแบบมหาศาลเลย
สกิลปลดล็อกเมื่อเลเวลถึง
อย่างไรก็ดีการที่สามารถพกสกิลได้เพียงครั้งละ 6 สกิลก็เป็นเหมือนการบังคับให้เกมยากขึ้นไปในตัวเพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนสกิลได้ในทันทีซ้ำพอ Lv 60 แล้วเราต้องมาพะวงถึงบัฟเพิ่มของดรอปอีกทำให้ความยากของเกมเพิ่มขึ้น
การอัพ Status
ภาคนี้ไม่สามารถอัพ Stat ได้เองอีกต่อไปแต่กลับได้รับ Status เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เลเวลอัพซึ่งแน่นอนแฟนๆ หลายๆ คนต่างเสียใจที่ไม่สามารถสร้างสายแปลกได้ แต่ใน Diablo 2 เองนั้นเราก็อัพ Stat หลักๆ ก็เพียงเพื่อใส่ของหรือทำให้โจมตีแรงขึ้นเพียงเท่านั้น ทำให้ภาคนี้การที่เราไม่ต้องอัพ Stat เพื่อให้ใส่ของแต่ต้องไปหาของเพื่อที่จะเก่งขึ้นแทนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเรากำลังเล่นเกม MMO สมัยใหม่ทั่วไป
เกมนี้ต้องออนไลน์ตลอดเวลา
เป็นหนึ่งในข้อบังคับของ Blizzard ที่หลายๆ คนไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะแน่นอนว่า Diablo เป็นเกม Action RPG ปรกติไม่ใช่เกม MMO ทำไมต้องออนไลน์ตลอดเวลาด้วย แถมพอออนไลน์บางครั้งเน็ทเราก็แลค ยิ่งถ้าเล่นโหมด Hardcore ที่ตัวละครตายแล้วตายเลยอีกยิ่งไม่อยากเสี่ยงเลยเลย
ความสนุกในการสู้กับ Monster
ขึ้นชื่อว่าเป็นเกม Action RPG แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นความสนุกในการเล่นสู้กับมอนสเตอร์นั่นเอง โดยภาคนี้ยังคงกลิ่นอายของ Diablo ไว้เต็มเปี่ยมไม่มีตก ทั้ง Rare Mob ทั้งมอนสเตอร์ที่เยอะมาก แถมสกิลยังใช้กันได้อย่างเมามันส์เสียยิ่งกว่าภาคก่อน เรียกได้ว่าเล่นเพลินสุดๆ ไปเลย
ความมันส์ในการเล่น Multi Player
โดยปรกติแล้วเกมส่วนใหญ่จะมีความยากสำหรับ Multi Player แยกออกมาแต่สำหรับ Diablo แล้วเกมจะปรับความยากเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อมีเพื่อนเราเข้ามาเล่นด้วย และยิ่งมีคนเยอะก็จะยิ่งยากขึ้นตามไปด้วย แน่นอนว่าเรามักจะเกลียดเกมที่ยากเกินไปจนต้องปาจอยทิ้งแต่ Diablo นั้นหากไม่ใช่ความยาก Inferno (ที่กำลังโดนปรับ) แล้วละก็ความยากที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ทำให้ยากขึ้นเกินไป แถมมอนที่ฆ่ายากๆ ยังเพิ่มความมันส์ขึ้นของเกมในเล่นไปอีก
เนื้อหาของเกม วน Loop ไม่มีความแปลกใหม่
เป็นข้อเสียของเกมอย่างหนึ่งของเกม เพราะเกมมีเนื้อเรื่องที่ตายตัว แถมยังดำเนินเนื้อเรื่องง่าย ทำให้คนที่ชอบการเล่นเกมเอาเนื้อเรื่องหรือต้องการความแปลกใหม่หรือด่านลับนั้น ไม่ชอบ Diablo 3 สักเท่าไหร่
เคลียร์แล้วไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเล่นใหม่ความยากเพิ่มขึ้น
บอสกระจอกเหลือเกิน
เป็นสิ่งที่น่าตกใจมากในภาคนี้เพราะบอสนั้นไม่เก่งเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นแค่ Diablo ในความยากระดับ Hell ขึ้นไปเท่านั้น แต่สิ่งที่ยากกลับเป็น Rare Mob ทีเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด ซึ่งยากซะจนอยากทุบคีย์บอร์ดกันเลยทีเดียว
ของแรนด้อมอย่างไม่มีขีดจำกัด
อันนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของเกม ข้อดีคือเราสามารถได้ของที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะการ Random แต่ข้อเสียคือเกมมีความสามารถเยอะมากจนหาของยากมากถึงยากสุด ๆ และของที่ด้อมมาแปลกจนกลายเป็นขยะก็เยอะมากเช่นกัน
ความยากระดับ Inferno
ความยากระดับ Inferno อันเป็นความยากระดับสูงสุดนั้นยากเกินไปจนทำให้หลายๆ คนท้อ แถมยังทำให้หลายๆ คนเสียอารมณ์เพราะการจะผ่านนั้นต้องฟาร์มของอย่างเอาเป็นเอาตายจนนึกว่าเล่นเกม MMO อยู่เลย
สไตล์การเล่นจำกัดเพราะสกิลมีน้อย
ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนคิดไปเองและตั้งข้อครหาโดยไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน จริงๆ แล้ว Diablo 3 นั้นระบบสกิลของเกมดีมากด้วยการที่สกิลทุกสกิลมี Rune 5 แบบซึ่งแต่ละแบบนั้นเสริมสกิลจนเรียกได้ว่าเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปเลย ยิ่งรวมไปกับรูปแบบการแรนด้อมของไอเทมและการไม่จำกัด Status เพื่อใส่ของทำให้เราสามารถปรับStatus และสกิลได้ตามใจชอบ
ซึ่งที่ผมเคยเจอแปลกที่สุดก็คงไม่พ้น Demon Hunter ที่ควรจะถือธนูยิง แต่กลับมาถือขวานมือเดียวกับโล่แล้วยืนปาระเบิดแทน อย่างวิบางคนไม่ชอบวิ่งหลบก็หาของและเซ็ทสกิลสาย Tank ส่วนอีกคนชอบแบบทริกก็ใช้ของแบบรีเจน Arcane ไวและใช้สกิลประเภทลดความเร็วอีกฝ่ายแทน เรียกได้ว่าเราสามารถเล่นอะไรก็ได้ตามใจชอบเลยครับ
การซื้อขายไอเทม
ในภาคก่อนการที่เราจะหาไอเทมดีๆ นั้นยากมากซึ่งหลายๆ คนต้องเข้าไปในเว็บบอร์ดเพื่อติดต่อซื้อขายของ ซึ่งยุ่งยากและกว่าจะเจรจากันเสร็จก็นานแถมบางครั้งยังโดนโกงอีกด้วย ในภาค 3 มีระบบ Auction House เข้ามาช่วยทำให้ซื้อขายของง่ายขึ้นมากแต่แลกกับเกมต้องออนไลน์ตลอดเวลานั่นเอง
Pay to Win
ระบบ Auction House ระบบที่นำเข้ามาใหม่เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายของในภาคนี้ ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นข้อเสียไปเนื่องจากเกิดรูปแบบเศรษฐกิจในเกมเดินได้ด้วยเงินตรา โดยเฉพาะภาคนี้ที่เงินหายากกว่าเดิมจนเงินนั้นมีค่ามาก ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Pay to Win หรือการทุ่มเงินเพื่อซื้อของดีๆ มาเล่นนั่นเอง (ซึ่งให้อารมณ์ MMO มากเลย)
สรุปแล้ว Diablo 3 นั้นยังคงสนุกมากในรูปแบบของ Diablo สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ชอบการพัฒนาตัวละครของตัวเองแบบไร้ขีดจำกัดหรือเปลี่ยนสไตล์การเล่นแบบไม่อั้นนั้น Diablo 3 ถือเป็นเกมที่คุณต้องเล่นแน่นอน แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบการทำอะไรซ้ำซาก ต้องการเห็นด่านใหม่ มอนใหม่ๆ ที่ต้องอัพเดตตลอดเวลา หรือต้องการแค่เล่นจบละก็อย่าเล่นเลยครับ เกมมีอะไรให้คุณค้นหามากกว่านั้นเยอะ