Extraction รีวิว – งานแอคชั่นมันส์ๆ ตรงไปตรงมาพอให้หายคิดถึงของ Chris Hemsworth

Extraction เป็นงานภาพยนตร์ฉายทาง Netflix ที่ผมติดตามมาตั้งแต่ตอนประกาศสร้าง เพราะยอมรับว่าแค่เห็นรายชื่อทีมงานตั้งต้นก็อดรู้สึกว้าวไม่ได้ครับ เพราะมี 2 พี่น้อง Russo อดีตผู้กำกับ Captain America: Winter Soldier นั่งแท่นคนเขียนบท และมีชื่อของ Chris Hemsworth หรือเทพเจ้าธอร์ของหลายๆ คนเข้าชื่อในบทนำนั่นเอง อีกอย่างคือเรื่องนี้เข้ามาถ่ายทำในไทยหลายๆ ฉากในชื่อตั้งต้นว่า Dhaka (ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Extraction ในภายหลัง) ก็ยิ่งสนใจหนักเข้าไปใหญ่ แบบว่าช่วงนั้นค่อนข้างตามติดกองถ่ายผ่านโซเชี่ยลมากๆ ว่าทำอะไรกันอยู่ (ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรนักนอกจากกิจกรรมแก้เบื่อตอนรถติดของพี่คริสนี่แหละ) เวลาผ่านไปตัวภาพยนตร์เข้าสู่ช่วงโพสต์โปรดักชั่น ทำให้ข่าวคราวเงียบไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะเพิ่งลงจอ Netflix ให้ได้ดูกันในช่วงกักตัว ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ามาได้ถูกเวลาจริงๆ ครับ

ที่ว่าถูกเวลาก็เพราะว่าถ้าหนังไม่มาในช่วงกักตัว Covid-19 นี้ กระแสน่าจะดรอปไปพอสมควรครับ ด้วยความที่มันเป็นหนังแอคชั่นขายความเดือดสะใจในซีนบู๊เป็นหลัก ทำให้หากมันมาในช่วงที่เรามีภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์ให้ดูเยอะๆ เนี่ย Extraction จะถูกเปรียบเทียบและอาจถูกเบียดจนกระแสเงียบจากหนังฉายโรงแนวเดียวกัน รวมถึงหนังแฟรนไชส์ภาคต่อที่ก่อนหน้านี้ก็วางคิวรอฉายกันบาน ก่อนจะถูกวิกฤต Covid-19 เข้าเล่นงาน และกลายเป็นเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์ที่ฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมีโอกาสฉายแสงมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า Extraction เองก็ได้รับอานิสงนี้เช่นกัน กลายเป็นว่าพอไม่ได้ดูหนังโรงนาน เราก็โหยหาหนังแอคชั่นแบบตรงไปตรงมาไม่ต้องคิดอะไรมากแบบนี้เหลือเกิน

เนื้อเรื่องของ Extraction ก็ไม่มีอะไรมากครับพูดถึงลูกชายของหัวหน้าแก๊งค์ค้ายาของอินเดียซึ่งถูกแก๊งค์คู่อริจากบังกลาเทศจับตัวไป ร้อนถึงทางแก๊งค์ที่ต้องไปว่าจ้างทีมปฏิบัติการณ์พิเศษฝีมือระดับพระกาฬเพื่อเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งระหว่างที่แผนการกำลังดำเนินไปอย่างดิบดี เรื่องไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นครับ และนี่ก็คือเนื้อเรื่องเกือบจะทั้งหมดแล้ว…

แต่จะบอกว่า Extraction เป็นหนังแอคชั่นที่มีเนื้อเรื่องราบเรียบราวหนังเกรดรองที่มีอยู่ดาษดื่นก็คงไม่ถูกนัก และรู้สึกว่าเป็นการไม่เคารพทีมสร้างพอสมควร เพราะเอาเข้าจริงหนังเรื่องนี้ยังมีบางอย่างที่ทำเอาผู้ชมแอบว้าวและเซอร์ไพรส์อยู่ในที เช่นลีลาการบู๊จัดหนักของพี่คริสที่เห็นแล้วรู้เลยว่าฝึกมาหนักมาก รวมไปถึงฉากแอคชั่นในภาพรวมที่จัดว่าดีเลย โดยเฉพาะกลางเรื่องที่เอาเทคนิคมุมกล้องและการถ่ายทำเข้ามาช่วยจนมันสามารถถีบอารมณ์หนังให้ขึ้นไปเดือดในระดับที่หลายคนคงไม่คิดว่าภาพยนตร์สตรีมมิ่งจะไปถึงจุดนั้นได้ นัยหนึ่งแล้วจึงถือได้ว่า Extraction ก็มีความพิเศษในตัวอยู่ไม่หยอก

แต่ในทางกลับกันนอกจากความพิเศษในเรื่องการเนรมิตฉากแอคชั่นแล้ว เรื่องนี้ก็แทบไม่มีอะไรเด่นเด้งออกมาอีกเลย การเล่าเรื่องก็เป็นเส้นตรงแบบตรงไปตรงมา มีหักมุมนิดหน่อยแต่ไม่ยากเกินเข้าใจ ขณะที่กระบวนการสร้างความสัมพันธ์ให้กับตัวละครก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร อาจเพราะมีเวลาที่จำกัด ทำให้พอถึงฉากคุยกันหรือซีนอารมณ์เราไม่ได้รู้สึกว่าอินหรือเข้าถึงเหล่าตัวละครมากนัก ไม่ว่าจะตัวเอกหรือตัวรองก็ตาม ภาพรวมของมันจึงไปได้ไม่ไกลไปกว่าภาพยนตร์แอคชั่นสนุกๆ เรื่องหนึ่งก็เท่านั้น

แต่สำหรับชาวไทยเราอาจจะรู้สึกพิเศษกับหนังเรื่องนี้ขึ้นมาสักหน่อย เพราะการถ่ายทำในไทยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเรื่อง ทำให้เวลาเราเจอกับฉากที่คล้ายว่าจะคุ้นตาทว่าในภูมิทัศน์ที่ต่างออกไปก็ช่วยสร้างความตื่นตาให้ไม่น้อย เช่นฉากเมืองที่ก็ถ่ายในกรุงเทพฯ นี่แหละ แต่พอในเรื่องบอกว่าเป็นอินเดียหรือบังกลาเทศ เราก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรเพราะดันทำมาคล้ายจนเรารู้สึกคล้อยตามไปด้วยจริงๆ ก็คงต้องเอ่ยปากชมทีมโปรดักชั่นครับ ไม่ใช่งานลวกๆ เลย

ในภาพรวมนั้น Extraction อาจไม่ได้เป็นอะไรที่พิเศษไปกว่าหนังแอคชั่นดูสนุกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนอกเสียจากฉากบู๊ยิงกันหูดับตับไหม้ แต่การที่มันมาลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้ถูกเวลา ในช่วงที่ไม่มีหนังบล็อกบัสเตอร์เข้าโรงอย่างยาวนาน ก็ทำให้เราอดรู้สึกคิดถึงรสชาติที่แม้จะธรรมดาแต่ก็สวาปามได้เรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้จริงๆ