The Gentlemen รีวิว – ระเบิดความวายป่วงของคนมาหากัญ งานคืนฟอร์มครั้งสำคัญของ Guy Ritchie

The Gentlemen ภาพยนตร์เรื่องใหม่จากผู้กำกับสไตล์จัดจ้านอย่าง Guy Ritchie เข้าฉายแล้วเรียบร้อยในสัปดาห์นี้ โดยในภาพรวมนี่คือการคัมแบคอันทรงคุณค่าของพี่แกเลย เสมือนว่าได้กลับมาจับในสิ่งที่ถนัดมืออีกครั้งก็ไม่ปาน มันเป็นหนัง Gangster ที่อัดล้นไปด้วยสไตล์ของ Guy อย่างชัดเจน ไม่มากหรือน้อยเกินไป ทั้งการเล่าเรื่องและตัดต่อที่ฉับไว, บุคลิคตัวละครสุดเท่, รายละเอียดเล็กน้อยเช่นสำเนียงการพูดหรือการเล่นคำต่างๆ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนประกอบสร้างเป็นชิ้นงานของ Guy Ritchie ในแบบที่เราๆ ท่านๆ คิดถึงมาช้านาน

หลังแป้กสนิทไปกับ King Arthur และโผล่ไปทำ Aladdin ให้ Disney ดูเหมือนว่าตัวของ Guy Ritchie เองจะถวิลหากลิ่นอายรักเก่าๆ เสียเหลือเกิน The Gentleman จึงเปิดเรื่องมาด้วยความรุนแรงเลย ราวกับจะบอกกับผู้ชมเป็นนัยๆ ว่า “อั๊วกลับมาแล้วโว๊ยยยยย!” ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคันเร่งลง แล้วนำพาผู้ชมเข้าสู่โลกของเขาอย่างพิถีพิถันในระดับที่ระเลียดจนหลายๆ คนรู้สึกอึดอัด พลางคิดว่ามันอืดไปสักนิด ก่อนที่พอเครื่องติดแล้วจะไม่มีอะไรมาเบรคความระหํ่าบ้าบอในการมาหากัญครั้งนี้ได้อีก

บรรดาหนังในเครดิตของ Guy Ritchie มีสิ่งหนึ่งที่แกมักทำได้ดีคือการพาดาราเบอร์ใหญ่เบอร์รองมาร่วมจอกันในบทบาทที่เรียกว่าจัดจ้านเป็นที่น่าจดจำกันแทบทุกตัวละคร ชนิดที่ไม่มีใครน้อยหน้าใคร ถึงงานยุคหลังๆ จะไม่ค่อยมี แต่มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับ The Gentlemen ครับ แค่ใบปิดที่ยืนแรงกันก็พลันสัมผัสได้ถึงความสะแด่วแห้วแล้ว แต่ที่น่าจะเซอร์ไพรส์สุดคงเป็น Hugh Grant พ่อหนุ่มตาหวานขวัญใจแม่ยกยุค 90 ทั้งหลายจาก Nothing Hill ที่ขอพลิกบทบาทมาเป็นตัวละครป่วนประสาทกึ่ง Narrator แสบสันต์ยิ่งกว่าใคร แบบว่าลำพังแค่เมคอัพกับคอสตูม ก็ทำเอาคนจำแกแทบไม่ได้แล้ว

แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เด่นแค่พ่อ Grant เพราะ The Gentleman ยังมีดารานํ้าดีมาร่วมจอคับคั่งมากมาย ไม่ว่าจะ Matthew McConaughey ในบท Mickey Pearson เจ้าพ่อสายเขียวที่อยากลงบัลลังก์ Colin Farrell กับการเป็นโค้ชมวย หรือแม้แต่ Charlie Hunnam กับบทตัวเก็บกวาดมุข ซึ่งเราคงไม่ต้องพูดถึงคุณภาพของพวกพี่แกนักเพราะเต็มแก้วอยู่แล้ว แต่การจะได้เห็นพวกเขามารวมตัวกันในบทบ้าบอแถมปั่นจัดๆ วายป่วงกันทั้งเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และคงมีผู้กำกับไม่กี่คนที่ทำได้แก่นเซี้ยวถึงเพียงนี้ ต้องยกเครดิตเต็มๆ ให้กับ Guy Ritchie เลย

นอกจากนี้ หนังยังใช้ความเป็นเรต R ได้ค่อนข้างจะคุ้ม เพราะมุขกัดแซะมาเต็ม สีผิว เชื้อชาติ อะไรห่ามๆ นี่มาหมด ซึ่งหนัง Gangster ก็คงต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีเวลามาติ๋มใส่กันแน่ๆ ทุกเอเลเมนต์ของ The Gentelmen ทำออกมาได้ค่อนข้างถึง แม้หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่ายังไม่ถึงขั้นงานเก่าๆ ขึ้นหิ้งอย่างสมัยทำ Snatch แต่เราก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า The Gentelmen คืองานคืนฟอร์มชิ้นสำคัญของแก และหากใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์สไตล์แบบ “กายๆ” แล้วล่ะก็คุณไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ดูหนังที่ทั้งโคตรเท่ห์ และวายป่วงได้บ้าบอคอแตกสุดๆ เรื่องนี้ครับ