Grand Fantasia : แฉกันชัดๆ ทริคเด็ดเคลียร์ Prairie Cave ขั้นเทพ!!

สวัสดีเพื่อนๆ GFO ทุกคนครับ เพื่อนๆ ที่รักการผจญภัยบางคนอยากจะทราบวิธีการวิ่งดันเจี้ยนในระดับต้นๆ เพื่อเก็บเลเวลและหาวัสดุสร้างของไว้ใช้กัน วันนี้เราจะมานำเสนอวิธีการวิ่งดันเจี้ยนแรกของเกม GFO นั่นก็คือ Prairie Cave ให้เพื่อนๆ ได้รู้วิธีการทำดันเจี้ยนนี้แบบเทพๆ หาของได้แบบลื่นไหลไม่ติดขัด คิดว่าเพื่อนๆ คงอยากจะรู้กันแล้วถ้าอย่างนั้นเราไปลุยกันเลยครับ

    สำหรับที่ตั้งของ Prairie Cave นั้นอยู่ที่แมพหน้าเมือง Kaslow นั่นก็คือ Kaslow Plains ซึ่งที่ตั้งของดันเจี้ยนแสดงในวงกลมสีแดงตามรูปด้านล่างเลยครับ

เริ่มต้นรับเควสต์  Lv.17

     เราสามารถรับเควสต์ Prairie Cave ได้เมื่อเรามีเลเวล 17 โดยเควสต์จะเด้งขึ้นมาทางขวาของจอเป็นรูปหนังสือสีเหลืองๆ เล็กๆ โดยอัตโนมัติ ให้เราคลิกที่หนังสือและกดรับเควสต์ครับ จากนั้นเควสต์จะให้เราไปคุยกับ NPC 3 ตัว คือ

1.Tido ที่แมพ Kaslow Plains พิกัด X775, Y266 เมื่อคุยเสร็จแล้วให้เรารับเควสต์ต่อมาคือเควสต์ Lv24 Rumor about the lake mila
 
2.Yalashi ที่แมพ Steam mine mountain พิกัด X462, Y389 เมื่อคุยเสร็จให้เรารับเควสต์ต่อคือเควสต์ Lv22 Mystery of Lake Mila
 
3.Xiapuna ที่แมพ Moonlight Forest พิกัด X451, Y231 โดยเมื่อคุย เมื่อคุยเสร็จให้เรารับเควสต์ต่อคือเควสต์ Lv.23 Monster Beneath the Lake

    เมื่อคุยเสร็จให้เราเข้ามาในดันเจี้ยน Prairie Cave เพื่อทำการส่งเควสต์กับหิน Bodor Seal Stone ซึ่งเมื่อเราเข้ามาในดันเจี้ยนเราก็จะเจอหินก้อนใหญ่ๆ ดั่งในรูปด้านบนครับ และแต่ละเควสต์ที่เรารับมาต่อจากการคุยกับ Npc ทั้งสามตัวจะให้เราทำการฆ่าบอสภายในดันเจี้ยนและเก็บของเควสต์จากบอสทั้งหมด 3 ตัวคือ Lv.22 Antoraya, Lv.23 Ohmudo และ Lv.24 Rubis และเมื่อเราฆ่าบอสแต่ละตัวได้แล้วตรงจุดที่บอสอยู่จะมีหินให้ส่งเควสต์ด้วยให้เราส่งเควสต์รายตัวไปเลย

     เมื่อจัดปาร์ตี้ได้ครบ 5 คนแล้ว ก่อนจะเข้าดันเจี้ยนให้เช็คก่อนว่าทุกคนในปาร์ตี้มีเควสต์ครบในดันเจียนนี้ครบทุกคนไหม ถ้าจะเข้าไปฆ่าบอสใหญ่ก็ต้องดูว่าทุกคนในปาร์ตี้เคลียเควสต์ครบทุกคนหรือยัง สำหรับดันเจี้ยนนี้เราสามารถซื้อม้วน Scroll จากบอร์ดที่อยู่หน้าดันเจี้ยนเพื่อรับภารกิจได้เรื่อยๆ ซึ่งจะได้ค่า Exp และเงินจำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน

มาสำรวจภายในดันเจี้ยนกัน!!!

    ภายในดันเจี้ยนแห่งนี้จะมีทางวิ่งกระจายออกไป 4 ทางสู่บอสทั้งหมด 4 ตัวตามรูปทางด้านบน ซึ่งเราได้เอาข้อมูลและข้อควรระวังของบอสแต่ละตัวมาให้เพื่อนๆ ทราบกัน รวมถึงวิธีการวิ่งไปสู้กับบอสระหว่างทางต้องเจอกับอะไรบ้าง น่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ อย่างนั้นเราก็ไปดูกันเลยครับ

Antoraya Lv.22

    สำหรับบอสตัวแรกของดันเจี้ยนนี้ก็คือแม่แมงมุมยักษ์ Antoraya ซึ่งจะกบดานอยู่ที่ทางเดินตะวันออกของดันเจี้ยนแห่งนี้ เป็นบอสที่เลเวลน้อย และอ่อนที่สุดแต่ก็อย่าประมาทนะครับ สำหรับทางเดินไปหาบอสตัวนี้จะมีลูกแมงมุมกลุ่มละสามตัวคอยดักอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งจะใช้สกิลพิษใส่เรา หากติดพิษ HP ก็จะลดลง ควรให้ Priest ประจำปาร์ตี้ใช้สกิล Cure Poison ในการรักษา สำหรับลูกแมงมุมเราไม่จำเป็นต้องฆ่าหมดทุกตัวให้แท็ก์เข้าไปลุยแล้วค่อยๆ ฆ่าไปทีละกลุ่ม กลุ่มไหนที่เลี่ยงได้ให้เลี่ยงเพื่อเป็นการประหยัดเวลา สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือการใช้สกิลหมู่ (AoE) เพราะตามรายทางจะมีไข่แมงมุมสีเขียวๆ ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มๆ ถ้าหากว่าเราไปตีโดนมันแตกมันจะกลายเป็นลูกแมงมุมมากัดเรา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระและทำให้เสียเวลา

     Antoraya
จะโจมตีผู้เล่นด้วยการโจมตีแบบกายภาพ และทำให้ผู้เล่นติดพิษแต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมากนัก ถ้าเรามี Priest คอยฮีลก็ไม่มีไรน่าห่วง แต่สำคัญตรงที่ว่าเมื่อบอสมี Hp 30% ลงไปมันจะเริ่มใช้สกิลPlague แบบหมู่รอบตัวมัน สกิลนี้จะทำให้ผู้ที่โดนไม่สามารถรับการฟื้นฟู Hp ใดๆ ได้เลยนอกจากการกิน Potion ควรให้พระในปาร์ตี้ใช้สกิล Purify Body ในการรักษา

Ohmudo Lv.23

    ยักษ์หินตนนี้มีแหล่งกบดานอยู่ทางด้านบนของดันเจี้ยน ทางที่เดินไปหาบอสตัวนี้เป็นทางที่สั้นมากแต่จะมีมอนสเตอร์ยักษ์หินซึ่งมีพลังป้องกันทางกายภาพสูง และมีสกิลสตั๊นกลุ่มคอยดักอยู่ตลอดทาง แนะนำให้ฆ่าให้หมดทุกตัวเพราะระหว่างตีบอสหากมอนสเตอร์เหล่านี่มาจะทำให้ยุ่งยากมาก
 
     Ohmudo เป็นบอสเผ่าอิลิเมนต์ซึ่งมีพลังป้องกันทางกายภาพสูงมาก การที่ติดสายอาชีพ Mage มาในปาร์ตี้จะเป็นการช่วยลดระยะเวลาในการฆ่าบอสลงได้มาก และเมื่อบอสตัวนี้มี Hp 30% ลงไปมันจะเริ่มสาดสกิลSeal อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นที่อยู่ในระยะสกิลทุกคนไม่สามารถใช้สกิลใดๆ ได้ และไม่สามารถแก้สถานะนี้ได้ต้องรอให้มันหมดเวลาไปเอง เพราะฉะนั้นเหล่า Priest และ Mage ควรจะยืนอยู่ในระยะที่ห่างที่สุดที่จะใช้สกิลได้ เพราะถ้าพระโดนสกิลนี้แล้วฮีลคนแท็งก์ไม่ได้ก็มีโอกาสจะนอนกันหมดทั้งปาร์ตี้

Rubis Lv.24

    บอสหมากระดูกจอมโหดที่มีแหล่งกบดานอยู่ทางด้านซ้ายของดันเจี้ยน ซึ่งเป็นทางยาวและอันตรายมาก เพราะระหว่างทางจะมีพวกมอนสเตอร์หมากระดูกยืนจับกลุ่มกันอยู่ มอนสเตอร์เหล่านี้อันตรายตรงที่พวกมันมีสกิลMisfortune ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นใช้สกิลพลาด 80% (กดสกิวไม่ออก) พระประจำปาร์ตี้จะต้องระวังสกิวนี้ให้ดี แต่ถ้าหากว่าคนในปาร์ตี้ติดสกิลนี้ละก็ พระสามารถใช้สกิล Curse Killer ในการรักษาได้ สำหรับทางที่จะวิ่งไปนั้นให้ฆ่ามอนสเตอร์กลุ่มๆ ตามรายทางแต่ไม่จำเป็นต้องฆ่าทุกกลุ่ม กลุ่มไหนที่เลี่ยงได้ให้เลี่ยงแล้วเดินแอบกับผนังดันเจี้ยนไปจนถึงบอส

     Rubis
เป็นบอสเผ่าอันเดดที่มีพลังป้องกันทางกายภาพต่ำแต่มีพลังโจมตีทางด้านเวทมนตร์ค่อนข้างสูงประกอบกับมี สกิลที่ทำให้ผู้เล่นติดสถานะผิดปกติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Weak, Misfortune, Paralyze โดยพระต้องคอยทำหน้าที่รักษาสกิลเหล่านี้ให้กับเพื่อนๆ ในปาร์ตี้ หากติดสกิล Paralyze จะทำให้ความเร็วในการโจมตีและการเคลื่อนที่ลดลงกว่าครึ่งจะต้องรักษาด้วยสกิล Purify Body และเมื่อบอสมี Hp 30% ลงไปมันจะทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์แบบ AoE ซึ่งเป็นการโจมตีที่แรงมาก Priest และ Mage ถ้าเลเวลต่ำกว่าหรือไล่เลี่ยกับมันโดนดอกเดียวอาจจะลงไปกองได้จึงควรจะยืนห่างๆ

สู่ห้องหอบอสใหญ่

    ในขณะที่เพื่อนๆ วิ่งไปกำจัดบอสทั้งสามตัวที่กล่าวมาทางด้านบน เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นเม็ดกลมๆ สีฟ้าๆ ลอยอยู่ในบริเวณของบอส ซึ่งนั่นก็คือกล่องเก็บกุญแจ (ตามรูปด้านบน) ที่จะใช้เข้าห้องบอสใหญ่นั่นเอง แต่นอกจากมีกุญแจแล้วมีอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ใช้ในการเข้าห้องบอสใหญ่ก็คือเราจะต้องทำการเคลียร์เควสต์ทั้งหมดภายในดันเจี้ยนแห่งนี้ซะก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าไปสู้กับบอสใหญ่ได้ แต่การตีกล่องกุญแจนั้นก็มีข้อควรระวังอีกเช่นกัน คือเราควรจะตีกล่องกุญแจหลังจากที่ฆ่าบอสเสร็จแล้ว เพราะกล่องกุญแจจะทำให้ผู้เล่นติดสถานะผิดปกติ “?” ซึ่งจะทำให้ใช้สกิลใดๆ ไม่ได้พลังป้องกันและโจมตีลดลง และเดินช้า ดังนั้นถ้าเห็นกล่องกุญแจอยู่บริเวณใกล้เคียงกับบอสก็ควรระวังการใช้สกิลประเภท AoE ด้วย และเมื่อเราตีกล่องกุญแจแตกแล้วมันจะดรอปกุญแจเล็กๆมาให้เรา 5 อัน ซึ่งก่อนจะเก็บกุญแจควรจะเช็คดูระบบการแบ่งไอเทมในปาร์ตี้ให้เป็นแบบ ตามลำดับ (Round Robin) ซะก่อน เพราะไม่เช่นนั้นคนที่เก็บจะได้กุญแจไปทั้งหมดต้องเสียเวลามาเทรดให้เพื่อนๆ กันอีก และเมื่อได้กุญแจกันครบแล้วให้เราวิ่งไปทางตอนใต้สุดของดันเจี้ยนเพื่อไปหาหินที่ชื่อ Nameless Tomb ให้ทำการคุยกับก้อนหิน และถ้าเราเคลียร์ทุกอย่างครบตามเงื่อนไขเราก็จะสามารถเข้าไปในห้องของบอสใหญ่ได้ครับ

Emissary Greed Lv.30

    บอสใหญ่ตัวสุดท้ายที่โหดพอตัวสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลที่ต่ำกว่า โดยจะสังเกตเห็นว่าห้องจะมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม และมีเนินตรงจุดวาร์ปในบริเวณที่เราเข้าไปแนะนำให้ผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลยืนอยู่บนเนินนี้แล้วให้แท็ก์ทำหน้าที่ไปลากบอสมาให้อยู่ในระยะสุดการโจมตี เพราะบอสตัวนี้นอกจากมี Hp ที่เยอะ และเมื่อ Hp ของมันต่ำกว่า 30% ก็จะใช้กิลสตั๊นแบบหมู่ ซึ่งระยะของสกิลจะไกลมาก และจะใช้ถี่มากๆ แทบจะเรียกว่าทุกๆ 2 วินาทีเลยทีเดียว ถ้าพระติดเข้าไปในวงสตั๊นของมันแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึงการกดใช้สกิลเพียงแค่วิ่งหนีออกมาก็ทำได้ยากแล้ว สุดท้ายเมื่อเราเคลียร์บอสตัวนี้ได้ก็เป็นอันจบการผจญภัยภายในดันเจี้ยน Prairie Cave แห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไอเทมดรอปที่น่าสนใจ

1.ของสวมใส่สีฟ้าและอาวุธ Lv.20-30

2. หิน Saphael’s Energy of the Earth, Saphael’s Energy of the Sky เป็นหินที่ใช้ทำชุดเซ็ตสีส้ม Lv.20 ในส่วนเสื้อและหมวก)

3. หิน Saphael’s Essence of the Earth, Saphael’s Essence of the Sky (เอาไว้ทำเสื้อและหมวกสีส้มของเซ็ต Lv.30 ดรอปเฉพาะจาก Emissary Greed เท่านั้น)

    เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับข้อมูลที่เรานำเสนอให้เพื่อนๆ แบบละเอียดยิบๆ ชนิดไม่ตกหล่นกันเลยทีเดียว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ คงจะสนุกกับการวิ่งดันเจี้ยนนี้นะครับ สำหรับตอนต้องขอตัวไปลงดันเจี้ยนต่อก่อนนะครับ สวัสดีครับผม ^^

ขอบคุณบทความจากคุณ ChaLanTaRee ด้วยครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้