เรื่องเล่าขานตำนานในเกม : งัดแงะตำนาน FFIV เกมดีรีเมคบ่อย

 

     ช่วงครึ่งปีหลังนี้มีเกมภาษาน่าเล่นหลายเกมครับ ทั้งเกมซีรีส์ใหม่ เกมภาคต่อ รวมทั้งเกมเก่าที่ถูกนำมาทำใหม่ วันนี้ผมจะมาพูดถึงเกมเก่าที่ว่านี้ นั่นก็คือ Final Fantasy IV ซึ่งได้รับการยอมรับจากแฟนๆ หลายท่าน
ยกให้เป็นไฟนอลภาคที่คลาสสิกที่สุดทั้งเนื้อเรื่องและระบบการเล่น ในเกมนี้ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ ผมจะหยิบเอาบางส่วนมาบอกเล่าให้ได้อ่านกันสนุกๆ กันนะครับ

ที่มาของชื่อจตุรมาร

     ไคนัทโซ, สกัลมิเรียวเน่, บัลบาริเซีย และลูบิคันเต้ ทั้งสี่ตนนี้เป็นลูกน้องของกอลเบซ่า โดดเด่นสุดในกลุ่มต้องยกให้ลูบิคันเต้ เพราะพี่แกได้ชื่อว่าเป็นตัวร้ายที่สุภาพบุรุษที่สุดในไฟนอลแฟนตาซี หากอยากรู้ว่าเพราะอะไร ก็ต้องหาภาคสี่มาเล่นครับ แล้วจะซึ้งน้ำใจพี่แดง

 

      ชื่อของเจ้าสี่ตัวนี้ ที่เห็นว่ามันอ่านยากๆ ก็มีที่มานะครับ มาจากเรื่อง “The Divine Comedy” เป็นกวีนิพนธ์โดย ดันเต้ อลิเกียรี (Dante Alighieri) ชาวอิตาลี ถือเป็นผลงานระดับมหากาพย์ชิ้นเอกของโลก ประพันธ์ขึ้นมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 บ้านเราอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเรื่องนี้เท่าไร สาเหตุส่วนนึงก็เพราะว่ายังไม่เคยมีการแปลออกมาเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านกัน แต่ชื่อตัวละครในเรื่องนี้รับรองว่าคุ้นแน่ ตัวเอกของเรื่องเป็นนักกวีชื่อว่า "ดันเต้" (Dante) คุ้นมั้ยล่ะครับ

      เรื่องราวใน Divine Comedy จะกล่าวถึงการเดินทางท่องเที่ยวเยือนนรกสวรรค์ของดันเต้ บอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาได้ประสบมา ซึ่งจะอิงตามคติความเชื่อทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก Divine Comedy จะแบ่งออกมาทั้งหมด 3 องค์ใหญ่ Infeno (นรก), Purgatorio (ชำระบาป) และสุดท้าย Paradiso (สวรรค์)

      การเดินทางของดันเต้ไม่ได้เดียวดายครับ เขามีมัคคุเทศก์นำทางไปด้วยคนนึง ชื่อว่า "เวอร์จิล" แฟนๆ Devil May Cry คงร้องอ๋อแล้วล่ะสิ เวอร์จิลใน Divine Comedy เป็นนักกวีเหมือนกับดันเต้ แต่เป็นนักกวีที่มีชีวิตอยู่สมัย 70 ปีก่อนคริสตกาล เขาได้พาดันเต้ไปเยี่ยมชมนรกแต่ละขุมว่ามีสภาพเป็นอย่างไร

      Infeno นรกนี้จะมีทั้งหมด 9 วง ในวงที่ 8 จะมีชื่อว่า Malebolge (แปลว่า คูหาแห่งความชั่วร้าย) เป็นขุมนรกที่อยู่ชั้นลึกมากๆ ลึกจนถึงใจกลางโลก มีลักษณะเป็นถ้ำขนาดยักษ์แบ่งย่อยเป็นอีก 10 คูหา ใช้เป็นสถานที่ลงโทษผู้กระทำบาปหนา รวมทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเหล่าปีศาจร้าย โดยปีศาจพวกนี้จะเป็นยามเฝ้านรก เรียกว่ากลุ่ม Malebranche (แปลว่า กรงเล็บแห่งความชั่ว) ซึ่งไคนัทโซ, สกัลมิเรียวเน่, บัลบาริเซีย และลูบิคันเต้ ก็อยู่ในพวกนี้ด้วย ซึ่งลักษณะของเจ้าสี่ตนนี้ คาดว่าอาจารย์อามาโน่คงอ่านมาจากบทกวีใน Divine Comedy แล้วจินตนาการวาดรูปออกมาในลายเส้นแบบฉบับของตนเอง

ชื่อของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

     อัศวินมังกรไคน์ ตัวละครสำคัญในภาคสี่ สำคัญมากจนต้องมาเป็นโลโก้ของภาคสี่ ไคน์ ถ้าภาคอังกฤษจะเขียนว่า “Kain” แต่ต้นฉบับภาคญี่ปุ่นเขียนว่า “Cain“ถ้ายึดชื่อตามที่เขียนในต้นฉบับจริงๆ ก็ต้องอ่านว่า “คาอิน” แต่ผมก็ยังคงอ่านว่าไคน์อยู่ดีแหละครับ มันติดปากไปแล้วจ้ะ Cain ชื่อนี้มันมีที่มานะครับและผมเชื่อว่าอัศวินมังกรไคน์ถูกออกแบบมาจากตำนานนี้

 

     ในพระคัมภีร์ไบเบิล คาอิน (Cain) เป็นชื่อบุตรชายคนโตของอาดัมกับอีฟ เขามีน้องชายชื่อว่าอาเบล
คาอินได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นเกษตรกรทำไร่ทำสวน ส่วนอาเบลจะมีหน้าที่เลี้ยงดูแกะ มีอยู่ครั้งนึงทั้งสองคนนี้ได้ถวายของสักการะแด่พระเจ้า โดยคาอินได้ถวายพืชผักผลไม้ ส่วนอาเบลถวายแกะ พระองค์ทรงโปรดของขวัญของอาเบลมากกว่า จนทำให้คาอินรู้สึกอิจฉาริษยายิ่งนัก เขาจึงวางแผนสังหารน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง โดยหลอกล่อให้ไปที่ไร่แล้วจัดการเชือดทิ้งดับสนิท จากนั้นเอาศพฝังซ่อนไว้ในผืนดินแถวนั้น ถือเป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของมวลมนุษยชาติก็ว่าได้

     พระเจ้าทรงรับรู้บาปที่คาอินได้แอบก่อไว้ พระองค์ลงทัณฑ์เขาโดยการตีตราและขับไล่ออกจากดินแดน
คาอินต้องผจญกรรมอย่างสาหัส ร่อนเร่พเนจรไม่สิ้นสุดจนกว่าจะได้รับการอภัย บทบาทของอัศวินมังกรไคน์ในเนื้อเรื่องไฟนอลสี่ ก็มาแนวๆ หลอกล่อทรยศหักหลังแถมตอนจบไคน์ก็ร่อนเร่พเนจรออกเดินทางฝึกตน คล้ายๆคาอินในตำนาน

หอคอยบาเบล

     ทะยานไปถึงดวงจันทร์ด้วยพลังแห่งคริสตัลและหอคอยบาเบล เป็นดันเจี้ยนที่เท่ดีครับ หอคอยบาเบล (บาบิล) ในไฟนอลสี่ เป็นสถานที่ที่เอาไว้ใช้ในการเดินทางไปดวงจันทร์ของคนยุคก่อน ในเรื่องไม่มีบอกว่าใครเป็นคนสร้าง แค่รู้ว่าต้องรวบรวมคริสตัล ถึงสามารถใช้งานหอคอยนี้ได้ ตำนานหอคอยบาเบล น่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาเยอะแล้ว งั้นผมเล่าแบบอีกมุมมองหนึ่งให้ฟังแล้วกัน

      กล่าวกันว่า หลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จนทุกอย่างเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ มวลมนุษยชาติได้อพยพไปอาศัยอยู่รวมกันทางตะวันออกกลาง บริเวณที่ราบใหญ่ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟตริส มองในแง่ความน่าจะเป็นไปได้ทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ แถวๆ นั้นในสมัยก่อนอาจจะเป็นพื้นที่ที่น้ำแห้งลงไปไว อีกทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินพอมีอยู่ ผู้คนจึงพร้อมใจกันไปอยู่ที่นั่น

     เป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ หากเจอภัยร้ายข้างนอกมาคุกคาม จะพร้อมใจสามัคคีร่วมด้วยช่วยกัน แต่ถ้าสงบเมื่อไรก็จะทะเลาะกันเอง โลกหลังน้ำท่วมคงเลวร้ายน่าดู ดังนั้นผู้คนถึงรักกันดี ช่วยกันฟื้นฟูอารยธรรม พลิกฟื้นดินแดน คาดว่าซากอารยธรรมเก่ายังคงพอหลงเหลืออยู่บ้างไม่ได้ถูกทำลายลงไปกับมหาอุทกภัย เหล่าผู้คนจึงได้สานต่อวิทยาการเหล่านั้น

     หอคอยบาเบลคงเป็นผลพวงจากเทคโนโลยีในอดีตของโลกก่อนยุคน้ำท่วม แต่พวกเขาจะสร้างกันไปเพื่ออะไร? สถานที่สำคัญ ที่ต้องใช้คนร่วมแรงร่วมใจมหาศาลขนาดนั้น จะมีอะไรเป็นศรัทธายึดเหนี่ยวให้ผู้คน
เต็มใจมาลำบากลำบนช่วยกันทุ่มเท ถ้าไม่ใช่เรื่องความอยู่รอดของชีวิตล่ะครับ ถ้าบนโลกมันหาที่อยู่ที่กินกันไม่ค่อยได้ ความหวังของมนุษยชาติมีรึจะไม่เสี่ยงหาทางไปนอกโลก

      ในโลกยุคปัจจุบันที่เราอาศัย ลองนึกดูเล่นๆ ครับ อะไรที่มันสูงๆ ใหญ่ๆ สามารถส่งวัตถุออกไปนอกโลกได้นั่นแหละ สิ่งที่ผมต้องการจะบอกว่า ในอีกแง่มุมนึงหอคอยบาเบลมันอาจจะเป็นสถานที่แบบนั้น เหตุผลที่หอคอยบาเบลสร้างไม่เสร็จจริงๆ น่าจะเป็นเพราะวิทยาการจากโลกยุคก่อนน้ำท่วม มีบางส่วนสูญหาย พอเอาไปสร้างและใช้งานจริงทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เป็นไปได้ว่าระเบิดตูมทุกอย่างหายเกลี้ยงหมด จนต้องพับโครงการนี้ไปที่สุด มันเป็นเรื่องน่าคิดว่าทำไมตำนานน้ำท่วมโลกถึงเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่แทบทุกชาติ รวมทั้งหอคอยสูงลิบลิ่วที่ผู้คนสามัคคีกันทำก่อนแยกย้ายไปอยู่กันคนละที่คนละทาง หรือว่าเรื่องพวกนี้มันเคยเกิดขึ้นมาจริงๆ ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเรา?

สตาร์วอร์ส?

     ไหนๆ ผมก็พาออกนอกโลกไปอวกาศแล้ว ปิดท้ายคอลัมน์ด้วยเรื่องหยิกแกมหยอกซีรีส์ไฟนอลสักนิดแล้วกันว่าด้วยแรงบันดาลใจจากสตาร์วอร์สเป็นอันรู้ดีในหมู่แฟนๆ ว่าทีมงานไฟนอลนั้นคลั่งไคล้สตาร์วอร์สสุดๆ
ตั้งแต่ภาคแรกยันจนมาถึงภาคล่าสุด ต้องมีกลิ่นอายของหนังเรื่องนี้ปนมาชวนให้คิดเสมอ ภาคสี่นี้ก็เช่นกัน
ขอพูดถึงสักเรื่องสองเรื่อง เอาแค่พอหยิกแกมหยอกขำๆ นิดหน่อย

      ว่าด้วยชื่อเรือเหาะ Red Wings ขอบอกว่าทีมงานไฟนอลเอาชื่อนี้มาจากสตาร์วอร์สโต้งๆ เลยเชียวแหละ “Red” มาจาก Red Squadron หมายถึงฝูงบินที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ พระเอกของสตาร์วอร์สสังกัดอยู่ “Wings” มาจาก X-wing ชื่อยานบินที่พวกลุคใช้รบในยุทธการยาวิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญใน Episode IV: A New Hope พอเอามารวมกันจึงเป็น “Red Wings” กลายมาเป็นชื่อกองเรือเหาะของเซซิล

 

      ก่อนจากขอทิ้งท้ายอีกเรื่องหนึ่งแล้วกัน ขอหยิกอีกนิดน่ะ Final Fantasy 4 กับ Star Wars Episode IV: A New Hope ไม่รู้จะบังเอิญหรือจงใจมากเกินไปหรือเปล่า นอกจากจะเลขภาค 4 เหมือนกันแล้ว ฉากต่อสู้สำคัญสุดท้ายของเรื่องดันเกิดที่ดวงจันทร์เหมือนกันอีก ดวงจันทร์เป็นดันเจี้ยนสุดท้ายในไฟนอลสี่ และในสตาร์วอร์สสถานที่เกิดยุทธยาวินเป็นดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์แก๊สยาวิน ชื่อว่า “ยาวิน 4“ แหม… มันช่างลงตัวกันได้พอดีเลยเนอะ 😉

 

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้