รีวิวหนัง Thor: Love and Thunder – ความฮาที่ดรอปลง แต่แลนดิ้งได้สวยงาม

สำหรับ Thor แล้ว เรื่องที่น่าเซอร์ไพรซ์ที่สุดคือการเป็นฮีโร่คนแรกของ MCU ที่มีจำนวนหนังเดี่ยวแตะเลข 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองหันย้อนกลับไปมองช่วงแรกที่เจ้าตัวมีความเป็นไม้ประดับขั้นสุด และมีหนังเดี่ยวเหมือนเพื่อเติมความเป็น Avengers ให้ครบๆ เท่านั้น

Thor: Love and Thunder

ต้องขอขอบคุณ ไทกา ไวติติ ผู้กำกับภาค Ragnarok ที่ค้นหาจุดลงตัวของธอร์ได้เจอ แม้ว่าส่วนตัวแล้วผมจะไม่ได้รู้สึกสนุกกับ Ragnorok เท่ากับคนอื่นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันดีและมีที่ทางมากกว่า 2 ภาคแรกจริงๆ (ถึงผมจะโคตรเอนจอยกับความห่วยแตกของ The Dark World ก็เถอะ) มันเหมือนเป็นภาคแรกที่เราได้รู้จักธอร์แบบจริงๆ จังๆ และไม่น่าแปลกใจที่ใครหลายๆ คนจะคาดหวังกับภาคต่อ Love and Thunder ไว้อย่างมาก

***บทความนี้ไม่มีสปอยล์

ความพิเศษของภาคนี้คือเราได้เห็น นาตาลี พอร์ตแมน กลับมารับบท เจน ฟอสเตอร์ อีกครั้งแต่ในรูปแบบที่น่าสนใจขึ้น ลุ่มลึกขึ้น ตัวหนังอุทิศเวลาส่วนหนึ่งใหญ่ๆ ให้กับพาร์ทความรักของทั้งธอร์และเจน ไม่ว่าจะภาพแฟลชแบ็คในอดีต หรือการปฏิสัมพันธ์กันในปัจจุบัน ซึ่งจุดนี้ช่วยเสริมมิติของตัวละครธอร์ในแง่ความความรักให้มันหนักแน่นขึ้นไปอีก

Thor: Love and Thunder

ในขณะที่ตัวร้ายอย่าง กอร์ ก็โอเคเลย เรื่องการแสดงคงไม่ต้องห่วงหาอะไร คริสเตียน เบล มาก จะกี่ซีนก็เอาอยู่อยู่แล้ว แต่อาจน่าเสียดายไปหน่อยที่หนังไม่ได้นำพลังความดราม่าที่พรี่เบลส่งมาไปขยี้ต่อมากนัก ด้วยธีมของหนังและสไตล์ทีเล่นทีจริงของ ไวติติ เอง ซึ่งเป็นเหมือนดาบ 2 คม คือบรรยากาศดูพร้อมจะเฮฮาตลอดเวลา เหมือนไม่มีที่ทางให้พาร์ทดราม่าได้เปล่งประกายเลย

Thor: Love and Thunder

แต่ในทางกลับกัน เพราะมีทิศทางที่ชัดเจนแบบนั้นตัวหนังจึงมีความแข็งแรงในแบบฉบับของตัวเอง โดยเฉพาะในพาร์ทตลก ซึ่งแม้อาจจะไม่เรี่ยราดเท่าภาค Ragnarok แต่ก็มีความแม่นยำ และตัวละครแทบทุกตัวก็พร้อมจะมีซีนของตัวเองไม่ว่าจะมากหรือน้อย สิ่งนี้ช่วยเสริมความเพลินให้กับตัวหนังเป็นอย่างมาก เพราะเอาเข้าจริงแล้วเส้นเรื่องของ Love and Thunder มันเรียบง่ายจนเข้าขั้นธรรมดาไปเลย หากไม่ชูรสด้วยคอนเทนต์รายทาง และไม่ใช่สไตล์ของ ไวติติ กำกับ มันอาจจะขึ้นแท่นเป็นหนังน่าเบื่อสุดของ MCU เลยก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามแม้เนื้อเรื่องจะแบบราบแต่ตัวหนังกลับหาทางลงให้กับคอนฟลิคของเรื่องได้อย่างสวยงามน่าประทับใจ และพร้อมต่อยอดไปอีกต่างหาก เลยรู้สึกว่ามันเจ๋งมาก และชวนให้ลุ้นจริงๆ ว่า Saga ของเทพสายฟ้ารายนี้จะเป็นยังไงต่อ กลายเป็นว่าเรายังร้องเรียกธอร์ในภาคที่ 5 และพี่เขาก็เตรียมจะกลับมาแน่นอน

ในส่วนของเอนด์เครดิต 2 ตัว ด้วยความที่ไม่ได้ตามคอมิกส์ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันเตรียมจะพาไปเจอกับอะไรบ้าง แต่ไม่มีการแกงแน่นอน ซ้ำยังน่าจะตอกหมุดความชัดเจนในเฟสนี้ของหนังมาร์เวลว่าพวกเขากำลังจะมุ่งไปทางใดอีกด้วย

Thor: Love and Thunder ยังไม่ใช่หนังที่รู้สึกว่าโคตรเทพขนาดนั้น แม้จะมีข้อดีเยอะแยะ แต่ช่วงเนือยชวนเปื่อยก็มี แถมเส้นเรื่องก็แบนราบจนดูง่ายมากๆ กระนั้นมันก็เป็นหนึ่งในหนังเฟส 4 ของ MCU ที่มีความแข็งแรงที่สุด และตอกย้ำความชัดเจนของทิศทาง MCU ต่อจากนี้ มันอาจไม่ได้รู้สึก Hype มากมายอะไร แต่ก็เป็นความบันเทิงที่คุ้มค่าต่อการรับชมในโรงภาพยนตร์อยู่ดี

Thor: Love and Thunder

ขอบคุณ Major Cineplex ที่สนับสนุนการชมภาพยนตร์ในโรงครั้งนี้


VERDICT

7.5/10

ดูรอบหนัง และจองตั๋วได้ คลิกที่นี่ https://bit.ly/ThorOS

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้