รีวิวหนัง Resident Evil: Welcome to Raccoon City – คงดีกว่านี้ถ้าไม่ได้ชื่อ RE

พูดถึงซีรีส์ Resident Evil ผมมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งว่ากับคนที่ไม่ได้ตามวงการเกมเขารู้สึกยังไงกับมันบ้าง เพราะต้องยอมรับว่ามันเป็นเกมที่ชื่อถูกนำมาอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะหนังโรงอันลือลั่นหลายภาคของมิลล่า หรือจะเป็นหนังอนิเมชั่นบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ซึ่งขาหนึ่งก็ไม่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเกม ขณะที่อีกขาหนึ่งก็ทำมาเพื่อเสริมเกม คำถามก็คือถ้าเป็นคนที่ดูหนังอย่างเดียวเขาจะรู้สึกอย่างไรกับชื่อนี้

Resident Evil: Welcome to Raccoon City
Resident Evil: Welcome to Raccoon City

ชอบไหม? ยึดติดกับภาคของมิลล่าไหม? งงไหมกับไทม์ไลน์ ผมไม่แน่ใจนักว่าจะรู้สึกอย่างไร มันอาจไม่ได้เป็น IP เข้มขลังเหมือนฝั่งเกม พอลองคิดในมุมแบบนั้น การกลับมาของ Resident Evil: Welcome to Raccoon City มันคงเต็มไปด้วยคำถาม ว่าทำไมต้องกลับมาเมืองนี้อีก ในขณะที่ฝั่งชาวเกมเองก็คงมีคำถามเช่นกัน ว่ากลับมาคราวนี้จะทำเคารพต้นฉบับได้รึยัง

คำตอบของผู้กำกับซึ่งประกาศตัวว่าเป็นแฟนคลับ RE ก็คงเป็นการพบกันครึ่งทาง แต่เป็นครึ่งทางของสะพานไม้ที่ทอดผ่านหุบเหว หนังมันก็เลยออกมาครึ่งๆ กลางๆ ไม่สมประกอบเลยสักด้านแบบนี้

***บทความนี้ไม่มีสปอยล์

Resident Evil: Welcome to Raccoon City

ออกตัวไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟน RE ขนาดนั้น แต่ก็พอรู้จักมักจี่และมีฉากจำที่พอผ่านตาอยู่บ้าง จึงพออนุมานเอาได้ว่าภาคนี้ทำฉากและเนื้อเรื่องเหมือนในเกมมากกว่าฉบับของมิลล่าแบบคนละเรื่อง แน่นอนว่ามีดัดแปลงอยู่ไม่น้อยเพื่อง่ายต่อการถ่ายทอดเรื่องราวในฟอร์แมตของภาพยนตร์ แต่เท่านี้ก็พอทำให้แฟนเกมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง

ช่วงแรกถึงกลางๆ ของเรื่องยอมรับว่าทำออกมาได้เข้าท่าเลย บรรยากาศทึมๆ ไม่น่าไว้วางใจ ซาวด์ประกอบที่พร้อมจะสะกดผู้ชมให้อยู่ในความประหวั่น และในเวลาถัดมาก็พร้อมจะเร้าให้ความตื่นเต้นพุ่งสูงขึ้นในชั่วไม่กี่อึดใจ การกระทำของตัวละครในเรื่องเต็มไปด้วยปริศนาและคำถามที่รอการเฉลยว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้น ผมรู้สึกอยู่ครู่ใหญ่ๆ ถึงความอึดอัดในการรับชมเพราะบรรยากาศที่อาจจะไม่ใช่แนวผมนัก ทว่านั่นคือความสำเร็จของหนังในแง่การบิลด์อัพความสยอง

Resident Evil: Welcome to Raccoon City

ตัวหนังทำได้ดีด้วยจังหวะแบบข้างต้นมาจนถึงประมาณกลางๆ ทว่าพอเข้าสู่องค์สุดท้าย กราฟต์ของหนังกลับรูดลงอย่างรวดเร็วเหมือนพอร์ทคริปโตที่โดนทุบ ทั้งๆ ที่เข้าสู่ซีนไคลแมกซ์ซึ่งเอาจริงๆ หนังก็ปล่อยของมาพอสมควร แต่ดันผสมผสานกันไม่ลงตัวจนเละเทะไปซะอย่างนั้น

เอาเข้าจริงสิ่งที่ขัดหูขัดตาของหนังมาตั้งแต่แรกก็คือแคสต์ทีมนักแสดง ซึ่งว่ากันตรงๆ มีคนที่ผ่านงานใหญ่ๆ มาบ้างอยู่คนเดียวคือ คาย่า สโคเดลาริโอ ในบทของ แคลร์ เรดฟิลด์ พิจารณาก็สมควรแล้วที่ให้เป็นตัวเอกหลักและเธอก็ทำได้ดีทีเดียว ในขณะที่ตัวสบทบคนอื่นๆ กลับถ่วงให้ภาพรวมของหนังมันดูแย่ลง ไม่ว่าจะด้วยฝีมือการแสดงหรือโดนบทที่ดัดแปลงมาทำร้าย เช่น ลีออน ที่ผมมองว่าถึงตัวนักแสดงเบ้าหน้าจะไม่เหมือนแต่พี่แกก็ยังมีมาดที่สามารถถูกทำให้หล่อเท่ห์ได้ แต่ดันโดนบทกระทืบจมดินไปอีก งานนี้จะโดนสาปส่งก็ไม่แปลกเลยที่ทำกับตัวละครแม่ยกเพียบเป็นแบบนี้

แต่ถึงอย่างนั้นหากไม่นับแคลร์ ลีออนก็คือตัวละครที่มีสีสันที่สุดแล้ว เพราะตัวอื่นในแง่หนึ่งอาจจะแย่ยิ่งกว่าเนื่องจากไม่มีอะไรให้จดจำเลย

Resident Evil: Welcome to Raccoon City

จุดนี้ทำให้เห็นความจริงเลยว่าความสนุกของ RE ที่เราๆ ชื่นชอบกันส่วนใหญ่มาจากคาแรคเตอร์ที่แข็งแกร่งของแต่ละตัวละคร ที่ต่างมีสตอรี่และภาพจำของตัวเอง มันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของซีรีส์เลย พอตัวหนังภาคนี้ลองล้างภาพจำของคาแรคเตอร์ต่างๆ ออกและตีความใหม่ พร้อมเบนจุดโฟกัสไปที่เนื้อเรื่องเต็มๆ เราจะพบว่า เมื่อเราดูมันในปี 2022 เนื้อเรื่องแบบนี้มันเบสิคเกินกว่าจะตื่นเต้นอะไรแล้ว แถมช่วงท้ายยังเร่งการเล่าและเร่งจบเหมือนอยากไปเล่าเพิ่มในภาคต่อ จังหวะเฉลยก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือรู้สึกว้าวอะไรสักนิด เนิบจนท้อแท้ใจ

Resident Evil: Welcome to Raccoon City

จะมีเข้าท่าหน่อยก็จังหวะจั๊มป์สแกร์ที่พอทำให้ตกใจได้บ้างเพราะยัดมารัวๆ เน้นจำนวนเข้าว่า ก็คลาสสิคดี รวมไปถึงซาวด์และดนตรีที่ผมว่าดีเกินหน้าเกินตาตัวหนังมาก ดูในโรงก็คือกระหึ่มสะใจ โดยเฉพาะจังหวะแผดร้องของซอมบี้ที่ก็มีขนลุกแทบทุกครั้งที่ได้ยิน อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าบรรยากาศของหนังคือเข้าท่า และเสียงก็เป็นส่วนช่วยชั้นยอดที่จะทำให้คุณรู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง ดังนั้นถ้าหากรอดูสตรีมมิ่งอยู่ที่บ้าน จุดนี้ก็อาจจะตอบโจทย์ไม่ได้เต็มที่นัก

พอลองคิดดูว่าถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ใช้ชื่อ RE ก็อาจทำให้รู้สึกว่าเป็นหนังเกรด B ที่มีทั้งความน่ากลัวแบบคลาสสิค ความเลยเถิดบ้าบอจนเลอะเทอะ ซึ่งก็ตอกย้ำอีกว่าซีรีส์นี้สำหรับแฟนเกมแล้วคาแรคเตอร์ตัวละครเอกเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าบ้งตั้งแต่แคสต์ โอกาสปังก็ยากสุดๆ ในขณะที่คนเป็นสายหนังที่ไม่คุ้นชินกับเกม เผลอๆ เวอร์ชั่นมิลล่าอาจจะตอบโจทย์มากกว่าซะด้วยซ้ำไป เพราะภาคนี้ในแง่ของเนื้อเรื่องที่เผยออกมาก็คือเป็นหนังซอมบี้ล้างโลกที่พล็อตเบสิคมากๆ ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่อาจจะรู้สึกสนุกมากกว่าคนที่เป็นแฟนเกมขึ้นมาหน่อยนึงตรงที่ไม่มีฟิลเตอร์ภาพจำของกลุ่มตัวละครเอกในเกมมาฉุดกราฟต์นี่แหละ สรุปก็คือไม่ว่าจะแง่ใด “หนัง” แฟรนไชส์นี้ก็ควรหลบไปพัก ขณะที่เกมเมอร์ก็กลับไปเล่นเกมที่คุณรักเถอะ

ขอขอบคุณ Major Cineplex ที่สนับสนุนการชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ครับ

Resident Evil: Welcome to Raccoon City

VERDICT

5/10

ดูรอบหนัง และจองตั๋วได้ คลิกที่นี่ https://bit.ly/ResidentEvilOS

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้