Last Letter รีวิว – แม้ความทรงจำในอดีตจะฝังตรึงสักเท่าไร แต่ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป

Last Letter รีวิว – แม้ความทรงจำในอดีตจะฝังตรึงสักเท่าไร แต่ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป

 

 

Last Letter เป็นภาพยนตร์จากทางญี่ปุ่นซึ่งเข้าฉายในอาทิตย์นี้ครับ โดยค่ายที่นำเข้ามาก็คือมงคลภาพยนตร์เจ้าเก่าเจ้าเดิม และต้องสารภาพตามตรงว่าความสนใจเบื้องต้นของผมที่มีต่อเรื่องนี้คือตํ่ามาก เห็นหน้าหนังดูจะเป็นหนังรักเศร้าๆ หม่นๆ ก็รู้สึกไม่ใช่ทางเท่าไหร่ คือดูได้ไม่ติดปัญหา เช่น ตับอ่อนฯ นี่คือดูจบแล้วชอบจัดๆ แต่ถ้าให้เลือกก็จะไปทางหนังบู๊หนังสงครามมากกว่า ทว่าคุณภรรยาเห็นตัวอย่างแล้วเผอิญอยากดู กอปรกับทางมงคลภาพยนตร์เชิญมาพอดีเลยลองเข้าไปดูสักหน่อย ผลลัพท์สุดท้าย แม้อาจไม่ถึงขึ้นนํ้าตาพรั่งพรู แต่เราก็มั่นใจว่านี่เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง 

 

รีวิว

 

Last Letter เล่าถึงยูริแม่บ้านวัย 40 ทั่วไปที่วันหนึ่งต้องเดินทางไปงานเลี้ยงรุ่นของพี่สาวตนเองซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไป เพื่อไปแจ้งข่าวดังกล่าวกับเพื่อนๆ ของพี่สาว ทว่าเหตุการณ์กลับจับพลัดจับผลู นอกจากไม่ได้บอกเรื่องพี่สาวแล้ว ทุกคนยังเข้าใจผิดว่าเธอเป็นตัวของพี่สาวเสียเอง หนําซํ้ายังต้องพบเจอกับชายที่หลงรักพี่สาวของเธอ แต่ก็ดันเป็นรักแรกของเธออีกเช่นกัน!

 

พล็อตเรื่องแค่ช่วง 5 นาทีแรกเราสัมผัสได้ถึงความอิรุงตุงนัง มีหลายปมที่จะต้องถูกแก้ไข แต่ตัวหนังก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ค่อยๆ เล่า ค่อยๆ คลายปม ค่อยๆ ทำให้เรารู้จักกับตัวละครของพี่สาวที่จากไปแล้วว่าครั้งหนึ่งในวัยเรียนเธอเคยเจิดจ้าขนาดไหน ผ่านการคุยกันทางจดหมายของ 3-4 ตัวละคร ที่ทำได้ลื่นไหลจนน่าประทับใจ จังหวะการเล่าเรื่องที่แม้ไม่มีจุดเร้าระทึกใจ แต่กลับตรึงคนดูได้อยู่หมัด ด้วยการใช้เอเลเมนจ์ทางซิเนมาโทรกราฟี่ มานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง การถ่ายภาพ แสงเงา บทพูด รวมไปถึงการแสดงของตัวหลักๆ ที่ต่างช่วยกันพาหนังไปสู่จุดสิ้นสุดได้อย่างสมูธน่าประทับใจ

 

รีวิว

 

การไต่ระดับและทรานซิชั่นในแง่ของอารมณ์และมู้ดแอนด์โทนของหนังก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องยกนิ้วให้ ว่าไปแล้ว Last Letter ไม่ใช่หนังเค้นอารมณ์ผู้ชมนัก เพราะเนื้อเรื่องในภาพรวมคือความเรียบง่าย ไม่มีจุดเร้า ไม่มีอภินิหาร หรือฉากตื่นเต้นใดๆ ซีเควนซ์ในหนังมันเหมือนผ่านจุดที่เข้มข้นมาแล้วตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย ส่วนที่เอามาเล่าคือ Aftermatch ที่ทุกคนเริ่มปลงและสำนึกถึงมันได้มานั่งคุยระลึกความหลัง ที่มีทั้งความสุข ความหวัง ความปรารถนา ความเศร้า ความทุกข์ ความผิดพลาด หรือแม้แต่ความฝันที่พังทลายกัน เป็นการนั่งคุยที่อบอวลด้วยมวลอารมณ์แต่ไม่เค้นให้คุณต้องแผดร้องหรือดำดิ่ง แม้กระทั่งฉากเรียกนํ้าตาที่เหมือนผู้กำกับจะเข้าใจว่าต้องให้ผู้ชมมีประสบการณ์ร่วม มันจึงไม่มีการเค้นไม่มีการฝืนและปล่อยเล่าไปตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่าถูกบีบรัดเกินไป ขณะที่คนเก็ตก็คือปล่อยไหลพรากไปเลย ส่วนตัวผมเป็นประเภทแรก มีแค่คลอเบ้านิดๆ แต่พอเข้าใจอารมณ์คนที่ดูแล้วฟูมฟาย

 

รีวิว

 

อีกสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของหนังคือตัวตนของมิซากิหรือพี่สาว ที่แม้จะจากไปตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง แต่กลับมีอิทธิพลต่อผู้คนรอบข้างราวกับตัวละครอีกตัว ก็คงเนื่องมาจากดีเทลของตัวมิซากิที่ถูกเล่าผ่านตัวละครในเรื่องมันมีความเป็นมนุษย์อยู่สูงมาก ความไม่แน่นอนนี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์จริงๆ เราเห็นภาพตรงนี้ได้ชัดเจนมากผ่านตัวละครของมิซากิ เมื่อเสริมทับกับบทจบการศึกษาที่ถูกอ่านถึง 2 รอบในเรื่องก็คือหดหู่ใช้ได้เหมือนกัน แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้นตัวเรื่องก็จะทำเหมือนมันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว และชีวิตจากนี้ก็ต้องดำเนินต่อไป

 

รีวิว

 

ในส่วนของนักแสดงเล่นดีกันทุกคนเลย ซึสึ ฮิโรเสะ ยังคงดีงามอย่างต่อเนื่อง แต่ที่เซอร์ไพรส์จัดๆ คงเป็นน้อง นานะ โมริ ที่ออร่ากระจุยกระจายมากๆ เสน่ห์ล้นสุดๆ จนต้องขอ “FC Kub” โดยเฉพาะฉากนึงที่เป็นซีนอารมณ์แล้วโคลสอัพหน้าน้องให้เห็นการแสดงอารมณ์ชัดๆ นี่คือสวยแบบตายไปเลย เอาว่าหนุ่มๆ ไปดู 2 คนนี้ก็น่าจะคุ้มกันแล้ว

 

รีวิว

 

ผมรู้สึกว่าชอบ Last Letter มากๆ จนแอบเซอร์ไพรซ์ตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ใช่คนที่จะอินกับซีเควนซ์ในเรื่องขนาดนั้น คือผมเองก็มีรักแรกในวัยเรียน แต่มันไม่ได้ฝังตรึงอะไรแถมแต่งงานไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกโหยหาอะไรตรงนี้เท่าไหร่ แต่จริงๆ มันอาจจะเพราะหนังเรื่องนี้พูดถึงอดีตในแง่ของสิ่งที่สามารถนึกถึงแต่ไม่ควรติดตรึงอยู่กับมันกระมัง สรุปแล้วผมคงชอบหนังเรื่องนี้เพราะ นานะ โมริ คาวาอิ้สุดๆ นี่แหละครับ ขอบคุณครับ เย้!

 

รีวิว รีวิว

 

Verdict
8.5/10

Last Letter รีวิว – แม้ความทรงจำในอดีตจะฝังตรึงสักเท่าไร แต่ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้