Star Wars ในมือ Disney เหลืออะไรให้เราติดตามอีกบ้าง
Star Wars: The Rise of Skywalker นั้นหลายๆ คนน่าจะได้รับชมกันไปแล้ว และรับรู้กันแต่เนิ่นๆ ว่านี่คือภาคที่จะจบการผจญภัยกว่า 4 ทศวรรษของสายเลือด Skywalker ซึ่งใครจะพอใจกับบทสรุปหรือไม่อย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ คือมันจบลงแล้ว ในแง่หนึ่งก็น่าใจหาย เพียงแต่ “The Saga end, The Story lives forever” ถึงการผจญภัยจะลบลงแต่เรื่องราวยังคงอยู่และดำเนินต่อไป Star Wars ยังคงมีอะไรให้เล่าอีกมากมายในจักรวาลกว้างใหญ่ เราเห็นเรื่องราวที่น่าสนใจจากทั้งคอมิกส์ฅ, นิยาย หรือแม้กระทั่งเกม จะหยิบมาทำสักชิ้นก็ล้วนน่าสนใจทั้งนั้น หรือจะต่อยอดเรื่องราวๆ ชนิดบิลด์ขึ้นมาใหม่ก็ยังจัดว่าน่าสนใจอยู่ดี แม้กระนั้นก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเรื่องราวต่างๆ ส่วนใหญ่จะถูกหยิบมาทำตอนไหน แต่ก็มีบางส่วนที่ทาง Disney ประกาศอย่างเป็นทางการเรียบร้อย และเราจะมาดูกันว่าตอนนี้ Disney เหลืออะไร (ที่ประกาศมาแล้ว) ให้แฟนๆ Star Wars ได้ดูกันบ้าง
ซีรีส์ The Mandalorian
ซีรีส์ประเดิมบริการสตรีมมิ่ง Disney Plus จากทาง Disney Plus ที่จะพูดถึง 5 ปีภายหลังจากเหตุการณ์ใน Return of the Jedi กับการการผจญภัยของ Bounty Hunter ชาว Mandalorian ซึ่งหลังๆ ดันถูก Baby Yoda แย่งซีนไปซะอย่างนั้น! ซีรีส์เรื่องนี้กำกับและเขียนบทโดย Jon Favreau ผู้กำกับ Iron Man และ The Jungle Book ตัวซีรีส์ Exclusive กับ Disney Plus ที่เดียว และจนถึงวันที่เขียนบทความนี้มีฉายไปแล้ว 8 ตอน ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากแฟนๆ ส่วนชาวไทยก็คงต้องรอกันต่อไปว่าเมื่อไหร่ Disney Plus จะมาให้บริการในไทยครับ
ซีรีส์ Kassian Andor
ซีรีส์สปินออฟจากภาพยนตร์สปินออฟอย่าง Rogue One อีกที โดยจะโฟกัสไปที่ตัวละคร Kassian Andor พระเอก(?) จากตัวภาพยนตร์นั่นแหละครับ ที่จะรับบทโดย Diego Lunar เช่นเดิม แต่ไม่ใช่แค่เขาที่กลับมาคนเดียว ยังมี Alan Todyk ที่จะกลับมาเป็นเจ้าดรอยขวัญใจหลายๆ คนอย่าง K-2SO ด้วย โดยในซีรีส์นี้จะเล่าเรื่องก่อนเหตุการณ์ใน Rogue One และแว่วๆ ว่าจะมาในสไตล์ทริลเลอร์ให้เข้ากับความเป็นสายลับของตัว Kassian นั่นเอง สำหรับกำหนดการณ์อื่นๆ นั้นยังไม่มีอะไรแน่นอน แต่หากเสร็จเรียบร้อย ช่องทางจะฉายคงหนีไม่พ้น Disney Plus ครับ
ซีรีส์ Obi-Wan
ซีรีส์ซึ่งทรานสฟอร์มตัวเองมาจากเศษซากของโครงการภาพยนตร์ Anthology ที่พังทลายลงหลังจากความล้มเหลวของ Solo: A Star Wars Story ซึ่งทำเอาทาง Disney ต้องมาคิดทบทวนโครงการกันใหม่ หลายๆ โครงการถูกเบรคหรือล้มเลิกไป โชคยังดีที่แม้จะลดสเกลลงแต่เรายังจะได้ดูเรื่องราวของ Obi-Wan Kenobi เจไดมาสเตอร์ผู้ที่มีบาบาทสำคัญในหลายๆ ช่วงแห่งสงคราม ซึ่งนี่น่าจะเป็นงานสุดท้ายจริงๆ ที่มีเอี่ยวกับ Skywalker Saga เพราะมีข่าวว่าตัวซีรีส์จะเล่าเรื่องราว 8 ปีภายหลังจากเหตุการณ์กวาดล้างเจได Order 66 นั่นเอง และนักแสดงที่เป็นไอคอนของบทบาทนี้ในวัยหนุ่มอย่าง Ewan McGregor ก็จะกลับมารับบทเดิมอย่างแน่นอนตามที่ได้ประกาศไว้ ใครที่เป็นแฟนของหนึ่งในเจได้ที่มีมีมมากที่สุดรายนี้ก็รอติดตามกันได้เลย ส่วนแพลตฟอร์มที่จะลงก็คงหนีไม่พ้น Disney Plus แน่นอน
ภาพยนตร์ไตรภาคชุดใหม่จาก Rian Johnson
ไม่ว่าคุณจะเกลียดหรือรัก The Last Jedi มากขนาดไหน Rian Johnson ก็ได้รับโปรเจค Star Wars ไปให้ดูแลอีกอยู่ดี สะท้อนถึงความไว้ใจของ Disney ที่มีต่อผู้กำกับท่านนี้มากทีเดียว อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผลงานอื่นๆ ของพี่แกก็ต้องบอกว่าแกเป็นผู้กำกับมือเทพคนหนึ่งเลย อย่างล่าสุดกับภาพยนตร์ Knives Out ก็จัดจ้านเอาเรื่องมากๆ หรือหากตัดความเป็น Star Wars ออกไปพูดถึงในแง่ภาพยนตร์เพียวๆ The Last Jedi ก็จัดเป็นผลงานที่… อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่งานที่แย่แน่นอน จนเราอาจพูดได้ว่า Rian Johnson นั้นเป็นผู้กำกับมือดีที่คงไม่เหมาะกับการทำภาพยนตร์ Star Wars ภาคต่อ หรือภาพยนตร์ชุดที่มีขนบหลายๆ อย่างครอบเอาไว้นัก จากสไตล์การชอบสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ รวมถึงการตีความหลายๆ อย่างที่แตกต่างออกไปของตัวแกเอง ซึ่งบางทีนั่นก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนอาจจะลองเชื่อใจแกอีกครั้งกับไตรภาคใหม่ที่มีขนบยึดโยงน้อยลงกว่า Skywalker Saga และต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่เป็นรากฐานเพื่อปูเนื้อเรื่องไปสู่การเป็นไตรภาคที่แข็งแรงถัดไปครับ ก็ได้แต่หวังว่าแกกับแฟนๆ จะมาเจอกันตรงกลางนะ
แม้อาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่จักรวาล Star Wars หลังจากนี้ในด้านภาพยนตร์กับซีรีส์ ผมว่าค่อยเป็นค่อยไปก็ดีแล้วครับ ไม่ใช่เหมือนช่วงไตรภาคนี้ที่พอ TFA ออกมากวาดเงินเป็นประวัติการณ์แล้วจะเร่งเครื่องทุกอย่างให้ออกตามกันมาติดๆ จนท้ายที่สุดในภาพรวมมันเหมือนโปรเจคที่ไม่มีการคุยกัน ไม่มีทั้งวิสัยทัศน์และทิศทางแน่ชัดที่ต้องการไป ดังเช่นช่วงสุดท้ายของ Skywalker Saga นี้ที่ก็ยังชวนให้อดเสียดายศักยภาพที่ควรเป็นไปของมันไม่ได้จริงๆ ก็ได้แต่หวังว่า Disney กับ LucasFilms จะเก็บเอาเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนและก้าวต่อไปในทางที่ถูกที่ควรนะครับ
