มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง – มัวแต่กันท่าความฮาเลยอยู่แค่กลางตาราง

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง – มัวแต่กันท่าความฮาเลยอยู่แค่กลางตาราง

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง อีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยทรงเข้าท่าประจำช่วงเกือบๆ จะปลายปี ที่พอดูตัวอย่างกับเห็นโลโก้ชื่อเรื่องแล้วก่อเกิดความรู้สึกอยากจะชมแปลกๆ เพราะอย่างหลังดูจงใจออกแบบให้คล้ายๆ หรืออาจจะมีกลิ่นอายความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกไม่ยึดติดกับอะไรที่ไทยๆ ดี ขณะที่ตัวอย่างก็ให้เห็นนักแสดงคุณภาพคับแก้วไม่ว่าจะตัวเด่นตัวรอง ล้วนเป็นตัวเป้งๆ ในวงการทั้งนั้น โดยเฉพาะน้องเก้าที่อยากบอกอย่างไม่ปิดบังว่าผมสนใจเป็นพิเศษ แฮร่ อีกหนึ่งประการคือเป็นภาพยนตร์ที่คุณยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพชรนั่งแท่นโปรดิวเซอร์เฉกเช่นเดียวกับหนังบิ๊กเซอร์ไพรซ์ปีก่อนอย่าง ไบค์แมน ที่ก็ฉายช่วงเดียวกันนี้แหละ คือผมเป็นแฟนหนังแกในยุครุ่งเรืองระดับหนึ่ง (แสบสนิทฯ, 32 ธันวา) ดังนั้นแล้วจากองค์ประกอบทั้งหมด ผมจึงค่อนข้างคาดหวัง อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ดีกรีความฮาระดับน้องๆ ไบค์แมนก็ยังพอทำเนา หรืออย่างน้อยๆ ที่สุด คือเข้าไปนั่งดูน้องเก้าบนจอใหญ่ๆ ก็คงไม่เสียหายอะไร 

 

ซึ่งก็นั่นแหละครับ ได้แค่อย่างหลังสมใจ…

 

ผมพิมพ์เล่นๆ ใน SNS ส่วนตัวหลังออกจากโรงภาวลัยรอบสื่อฯ ของมิสเตอร์ดื้ออารามประมาณว่าแค่มีน้องเก้าเล่นเรื่องนี้ก็ควรได้ 10/10 แล้ว แต่ในประโยคข้างต้นมันก็สามารถตีความได้เช่นกันว่านอกจากเก้าแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับผมอีก

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

มิสเตอร์ดื้อมีปัญหาคล้ายๆ กับหนังในแนวเดียวกันหลายๆ เรื่องคือประเด็นเรื่องหลักๆ ที่ขาดพาวเวอร์ เบาหวิว แถมยังเสริมทับด้วยการที่คราวนี้มันดูไกลตัวอีกต่างหาก หลีกไม่ได้ที่ต้องหยิบไบค์แมนมาเทียบ เพราะเอาเข้าจริงเรื่องนั้นก็มีปัญหาด้านหล็อตหลักเบาหวิวเหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นประเด็นที่ทัชคนดู ผู้ชมหลายคนเคยมีความรู้สึกเดียวกันกับตัวละคร ทำให้เข้าถึงและอินด้วยง่ายกว่า อีกทั้งไบค์แมนยังกลบส่วนด้อยด้านพล็อตด้วยการอัดมุขแบบเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปเลย เพื่อทำให้มันดูหลุดจากตรรกะรวมถึงเหตุผลหลายๆ อย่าง ผลสุดท้ายผู้ชมส่วนใหญ่ก็จะมีความรู้สึกว่า “ก็หนังตลกอ่ะ เอาไรกับมันมาก” ซึ่งมันคือผลสำเร็จของการที่หนังดำรงสถานะหนังตลกนั้่นเอง

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

แต่ถ้าหากหนังตลกที่ต้องอาศัยความตลกดันทำได้ไม่ถึง ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นหนังที่แทบไม่มีอะไรเลย เช่นมิสเตอร์ดื้อนี่แหละ คือเอาเข้าจริงมันก็มีจุดที่ฮาอยู่ และก็ตลกจริงๆ เพียงแต่มันเป็นตลกที่ยิงเล่นมุขเป็นซีนย่อยๆ ไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องอะไร คือพอมันดูเหมือนไอ้สิ่งที่ตลกจริงๆ ไม่ได้อยู่ในซีนเรื่องหลักหรืออยู่กับตัวละครหลัก มันก็เลยกลายเป็นสะเปะสะปะ ฮามั๊ยฮา แต่ก็คือขำแล้วก็จบไป

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

พอมาผนวกกับพล็อตที่เบาแถมคาแรคเตอร์ตัวเอกอย่างไอ้ดื้อก็เหมือนโดนบทกลั่นแกล้ง เป็นตัวละครที่ไม่ได้มีพัฒนาการ บทจะคิดได้ก็คือหักดิบ แถมนอกจากความดื้อกับกันท่าอันน่ารำคาญ ผู้ชมไม่ได้เห็นด้านดีๆ ของตัวละครนี้เลย พอคนไม่อินก็จะไม่อยากเอาใจช่วย พลางไม่เข้าใจนางเอกไปอีกว่าทำไมถึงบังเกิดความรู้สึกดีๆ กับคนพรรณนี้แม้ว่าจะในฐานะครอบครัวก็เถอะ

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

ในส่วนของนักแสดงที่ขนกันมาเป็นกระบุงส่วนตัวคิดว่าทำได้ตามมาตรฐานไม่ดีดีงามแต่ก็ไม่ได้แย่ ส่วนหนึ่งก็คือเรื่องบทที่ไม่ได้มีส่วนในการขับพลังนักแสดงเท่าไหร่ หรือถ้าหากจะนับว่านนกุลสามารถแสดงเป็นไอ้ดื้อให้คนรำคาญแบบดุษดีได้ระดับนี้ก็คงเป็นความสำเร็จกระมัง?

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

ผมเพิ่งย้อนกลับอ่านบทความรีวิวไบค์แมนเมื่อปีก่อน แล้วก็สัมผัสได้ว่าตัวเองรู้สึกดีมากที่หนังสไตล์นี้กลับมาควรค่าแก่การรับชมอีกครั้ง มาวันนี้ผมค่อนข้างเสียดายที่มิสเตอร์ดื้อทำไม่ได้ใกล้เคียงกับที่หวังเอาไว้ คามพยายามเป็นหนังตลกฟีลกู้ดค่อยๆ ถูกบ่อนทำลายโดยคาแรคเตอร์ของไอ้ดื้อเองที่ผมขอยกให้เป็นแกนกลางความอิหยังวะของเรื่องทั้งหมดโดยแท้ทรู จนเมื่อทุกอย่างจบลงมันกลายเป็นความว่างเปล่าที่ไม่สามารถสัมผัสมวลอะไรได้แทน และแม้จะชอบน้องเก้าในเรื่องนี้มากขนาดไหน แต่คงต้องขออภัยที่ความรู้สึกสุดท้ายบิดให้กลายเป็นคำว่า “สนุก” ไม่ได้จริงๆ

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

 

5/10

 

มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้