เจาะลึกระบบสายอาชีพ King of Kings 3 คลาส 1 และ 2 ก่อนวันชี้ชะตาว่าเลือกเป็นผู้พิทักษ์สายใด

 

สวัสดีแฟนๆ ค่ะ  King of Kings 3 สำหรับใครที่ตั้งตารอคอยภาคต่อของสุดยอดเกมออนไลน์ที่ยังตราตรึงใจใครหลายๆ คนอยู่ล่ะก็ วันที่ 29 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ก็จะเป็นวันเปิด CBT ครั้งแรกของ KOK3 ในประเทศไทยกันแล้วนะคะ และเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยของผู้รอคอย วันนี้แมวหลับและทีมงาน Online Station มีข้อมูลสายอาชีพของเกม KOK3 มาฝากกันด้วยค่ะ ไปชมกันเลยค่ะ 

ระบบสายอาชีพ 《KOK 3》

ระบบอาชีพของ《KOK 3》มีอาชีพดั้งเดิม 3 อาชีพคือนักรบ  ผู้วิเศษ และนักบวช  อาชีพดั้งเดิมทุกอาชีพมีโอกาสเปลี่ยนอาชีพได้สองครั้ง  ทุกครั้งที่เปลี่ยนอาชีพจะสามารถเลือกอาชีพก้าวหน้าได้ 3 อาชีพ  สุดท้ายสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็นหนึ่งใน 27 อาชีพสำหรับการเปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 2   ระบบอาชีพที่สมบูรณ์แบบจะครอบคลุมไปถึงอาชีพทั้งหมด

ขณะเดียวกันทุกอาชีพใน 39 อาชีพ ต่างมีวิธีการอัพสกิลอย่างน้อย 3 แบบ และวิธีการเพิ่มคุณสมบัติหลากหลายแบบ ในขณะเดียวกันลักษณะท่าทางที่ชัดเจนก็จะนำมาซึ่งวิธีเล่นที่แปลกใหม่ที่มากเกินกว่าร้อยแบบ
 

ตารางสายอาชีพ

สายนักรบ

 

สายผู้วิเศษ

 

สายนักบวช

แนะนำอาชีพพื้นฐาน (คลาส 1)

《KOK 3》  มีทั้งหมด 27 อาชีพ  หนึ่งในนั้นมีอาชีพพื้นฐาน 3 อาชีพ  เปลี่ยนอาชีพครั้งที่1  9 อาชีพ  เปลี่ยนอาชีพ  ครั้งที่2  27 อาชีพ  ต่อไปนี้เป็นการแนะนำอาชีพพื้นฐาน ดังนี้


1.  นักรบ

      เขาจะต้องยืนประจำอยู่เขตหน้า  สามารถได้ยินเสียงโห่ร้องของศัตรูและระยะห่าง  เอาเลือดเนื้อแลกกับเกียรติศักดิ์ เอาอาวุธวาดชัยชนะ  อาวุธเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของเขา  เข้าสู่เส้นทางนักรบแล้ว  ก็จะต้องมีสติ  กระบี่อยู่  เขาก็อยู่

2.  ผู้วิเศษ

     
      เขาหลงใหลไปกับพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย  จิตใจที่แข็งแกร่งนำมาซึ่งพลังอันลึกลับ  วัตถุบนโลกไม่มีค่าพอต่อพวกเขา  มีเพียงเวทย์มนต์เท่านั้นที่จะสามารถบรรลุสัจธรรม  สิ่งที่กีดขวางอยู่ข้างหน้า  ต่างก็จะได้รับพิธีลบล้างพลังโกรธแค้น


3. นักบวช

     
      ความบาดเจ็บของผู้อื่น คือความเจ็บปวดของเขา  นี่เป็นสิ่งที่เขาตระหนักถึง  ในความรักและเมตตาของเทพ  นักบวชจึงมีพลังในการรักษา  แต่บางครั้งนักบวชก็จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเทพ  ในความคุ้มครองของเทพ  จะลงโทษนักโทษที่ไม่สามารถลบล้างความผิดได้

 

แนะนำการเปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 1 (คลาส 2) มีทั้งหมด 9 อาชีพ

1. เปลี่ยนอาชีพสายอัศวินครั้งที่ 1

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้

 

พาลาดิน

     
      อัศวินที่มีจิตใจงดงาม คอยช่วยเหลือทุกข์สุขของประชาชน  มีปัญญาความสามารถส่วนหนึ่งที่เทพประทานให้  ตลอดทั้งชีวิตคอยดูแลแต่ความสุขของประชาชนจนทำให้เขาได้เรียนรู้วิชาการท่องเที่ยวและวิชาการแพทย์  แต่ในด้านความสามารถในการใช้อาวุธและต่อสู้ในการสู้รบนั้นไม่ได้มีการพัฒนามากนัก  พาลาดินที่มีเลเวลสูงจะมีความสามารถในการป้องกันละปกป้องที่เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นด้วย ความสามารถในการเป็นผู้นำและปกป้องสามารถทำให้การสู้รบของกลุ่มมีโอกาสที่จะชนะมากขึ้น นอกจากนี้  พาลาดินเวลาที่ต่อสู้กับศัตรูที่เป็นปีศาจมารและวิญญาณชั่วร้ายสามารถสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้อย่างมหาศาล


อัศวิน

     
      หลังจากที่อัศวินได้เรียนวิชาควบขี่ได้สูงสุดจนกลายเป็นอัศวินที่เก่งกาจแล้ว สามารถอาศัยความเร็วของพาหนะเพื่อเพิ่มพลังทำลายให้ตัวเองได้  ถ้าในขณะที่ขี่ม้าหรือพาหนะอื่นๆไม่เหมาะที่จะใช้อาวุธสั้น  ดังนั้นอาวุธที่เหมาะสมกับอัศวินก็จะเป็นอาวุธประเภทหอกยาวหรือทวนยาว หรืออาจเป็นอาวุธประเภทน้ำหนักมาก อัศวินขึ้นขี่พาหนะเวลาต่อสู้สามารถใช้พาหนะมาวิ่งแข่งปะทะกันได้ (charge)
 

เบอร์เซิร์ค

     
      อัศวินผู้เต็มไปด้วยความกล้าหาญละทิ้งสกิลป้องกันทั้งหมดและไปสนใจการใช้อาวุธที่มีพลังทำลายล้างแข็งแกร่ง ความคิดนี้ทำให้พวกเขาเกิดความคิดที่จะต่อสู้สามารถทำให้คุ้มกับการที่ตัวเองทิ้งมา เบอร์เซิร์คถึงแม้ว่าจะไม่สนใจการป้องกันแล้ว แต่กลับกลัวนักทำลายล้าง เบอร์เซิร์คที่มีเลเวลสูงก็จะมีพลังชีวาที่ใช้ในการต่อสู้มาก  หลังจากเสียงคำรามกึกก้องอันบ้าคลั่ง คนที่อ่อนแอก็จะถูกเขาทำลายล้างสิ้น และนั่นต้องมีการหลั่งเลือดถึงจะมีการเริ่มต้น


2. เปลี่ยนอาชีพสายผู้วิเศษครั้งที่1

มีทั้งหมด 3 อาชีพดังนี้


จอมเวทย์

      ผู้วิเศษที่มีอานุภาพพลังเวทย์มนต์ขั้นสูงจะสามารถใช้วิชาเวทย์มนต์สายพ่อมดที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงได้ ซึ่งเป็นสายวิชาเวทย์มนต์ที่น่ากลัวมาก เป็นคำสาปที่ใช้กันมากในสมัยโบราณ  เนื่องจากกำลังของพลังสายวิชาเวทย์มนต์นั่นไม่ได้มาโดยธรรมชาติเวลาที่ร่ายเวทย์ก็จะเสียพลังเป็นพิเศษ นักเวทย์ที่มีขั้นสูงมักมีกำลังที่ผสานพลังด้านมืดด้วย เวลาใช้ขึ้นมาจึงได้อันตรายยิ่งนัก ขยับหรือว่าไม่ขยับก็ทำให้นักร่ายเวทย์ไม่สามารถเพิ่มความเสียหายได้  ผู้วิเศษขั้นสูงก็ยังต้องอาศัยพึ่งพานักเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงอย่างมาก


นักดาบเวทย์

      นักเวทย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังเวทย์มนต์ชอบเลือกเรียนวิชาดาบขั้นพื้นฐานเพื่อฝึกฝนตนเอง จึงมีนักเวทย์ที่เฉลียวฉลาดบางคนนำอานุภาพพลังเวทย์มนต์มาใช้กับดาบหรือนำอานุภาพของดาบมาใช้เป็นพลังเวทย์มนต์  การทำแบบนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มพลังทำลายล้างให้กับดาบเวทย์แล้วยังสามารถก่อเกิดวิชาเวทย์พิเศษที่แข็งแกร่งกว่าอีกด้วย เมื่อก่อนนักเวทย์ไม่รู้มาก่อนว่าต้องใช้อาวุธกับการต่อสู้แบบไหน ดังนั้นจึงไม่มีเวลามาศึกษาพลังเวทย์มนต์อื่นๆ ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่พลังเวทย์มนต์ในดาบที่คมกริบได้มีพลังมากกว่าร่างกายของคนที่อ่อนแอทั่วไปมากขึ้น ประเภทวิชาเวทย์มนต์ที่สามารถใช้ได้จึงได้น้อยลงแต่อานุภาพของมันกลับน่ากลัวมากยิ่งขึ้น


จอมขมังเวทย์

     
      ผู้วิเศษที่ชำนาญด้านเวทย์มนต์ได้มาลองศึกษาเกี่ยวกับคำสาป ซึ่งวิชาเวทย์ที่ปลอดภัยวิชาหนึ่ง  นักเวทย์ที่ใช้พลังเวทย์ใส่ในคำสาปสมัยโบราณ เมื่อใช้จะมีผลกระทบต่อกายภาพทั้งหลาย วิชาเวทย์ชนิดนี้จะมีส่วนหนึ่งที่สามารถใช้ต่อจิตใจและด้านรักษาได้  และวิชาคำสาปขั้นสูงไม่เพียงแต่จะมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงแล้วยังมีพลังเวทย์ทั่วไปที่ซ้ำกันด้วย  วิชาคำสาปนี้จะมีผลระเบิดจากด้านใน พื้นที่ในการระเบิดกว้างขวาง  ดังนั้นเมื่อใช้คำสาปที่รุนแรงนี่ล่ะก็ย่อมจะได้ชัยชนะในการต่อสู้อย่างแน่นอน ข้อเสียของอย่างหนึ่งของพลังทำลายล้างในคำสาปนี้คือไม่สามารถควบคุมศัตรูได้แน่นอนแต่ก็ยังถือว่าทำให้พ่ายแพ้ได้ และไม่เป็นอันตรายไม่มีพลังเวทย์สะท้อนกลับ  วิชาคำสาปนี้พูดได้ว่าเป็นวิชาที่ปลอดภัยวิชาหนึ่ง


3. เปลี่ยนอาชีพสายนักบวช

มีทั้งหมด 3 อาชีพ ดังนี้

บิชอพ

      นักบวชที่มีใจห่วงใยทุกข์สุขของคนในโลกมากกว่าเหล่าเทพ  จนในที่สุดได้เข้าสู่เส้นทางการเมือง และคอยช่วยเหลือประชาชนที่ยากลำบาก เป็นตัวละครที่จะคอยอยู่ข้างกายพระราชาแต่ละประเทศ  หน้าที่คือคอยคุ้มกันความปลอดภัยของพระราชา และด้วยเหตุนี้เองทำให้บิชอพต้องทำหน้าที่ในการสู้รบด้วย ดังนั้นเมื่อนักบวชที่อยู่ในสายอาชีพนี้จะมีความสามารถป้องกันตนเองและผู้อื่นได้ นอกจากจะมีพลังต่อสู้ที่ไม่แพ้ใครแล้ว บิชอพยังมีความสามารถในการโจมตีและรักษาที่ดีเยี่ยมทีเดียว นับว่าเป็นผู้ที่พึ่งพาได้อีกคนหนึ่ง


ผู้รอบรู้

       นักบวชที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคัมภีร์โบราณทุกชนิดในที่สุดก็ได้กลายผู้ที่เก่งเรื่องของโบราณที่ยิ่งใหญ่ จากการที่พวกเขารู้เกี่ยวกับคัมภีร์นั้นทำให้พวกเขาได้รับฉายาว่าผู้รอบรู้และมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้รับส่งคัมภีร์ แต่นั่นเป็นเพียงความสามารถอย่างหนึ่งของพวกเขา จากการที่รู้และศึกษาเกี่ยวกับสมัยก่อนมามากทำให้เข้าใจพลังเวทย์ทุกชนิดโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับด้านการรักษา ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่อยากใช้พลังเวทย์ทำร้ายให้ใครบาดเจ็บ แต่เมื่อถึงเวลานั้นตอนที่เขาใช้พลังเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับเต็มไปด้วยพลังเวทย์มนต์อันแรงกล้า

พระสงฆ์

       เหล่าพระสงฆ์ได้ตัดสินใจที่จะอุทิศตนในการติดต่อกับพระเจ้า พวกเขาได้ผ่านบททดสอบที่สำคัญมากมาย ในที่สุดก็ได้รับพลังขจัดเหล่าร้ายและพลังพิทักษ์โลกซึ่งพลังทั้งสองต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นความสามารถข องการสร้างและทำลายล้างรวมเป็นหนึ่ง และทำให้พวกเขาได้แสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ นอกจากนักบวชเลเวลสูงนอกจากจะมีความสามารถในการรักษาเหมือนนักบวชทั่วไปแล้วขณะเด ียวกันก็ยังสามารถใช้วิชาทำลายล้างจากเทพได้อีกด้วย ตามตำนานเล่าว่านักบวชผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะมีพลัง2 อย่างนี้ แต่ว่า ถึงตอนนี้ มันก็เป็นเพียงแค่ในตำนานเท่านั้น

 

สำหรับบทความหน้าพบกับสายอาชีพขั้นที่ 2 (คลาส 3) ของ 《KOK 3》ทั้งหมด 27 อาชีพค่ะ


**ขอขอบคุณทีมงาน Cubinet ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลค่ะ**

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้