ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้ เกมมือถือ หรือที่เรียกว่า โซเขียลเกม ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเกมเล็กเกมใหญ่ หรือผู้คนเพศไหนวัยอะไร ถ้าหากมีโทรศัพท์สมาร์ตโฟน ก็มักจะมีเกมมือถือติดเครื่องกันแทบทุกคน และในหมู่เกมเมอร์เองก็มีหลายคนเช่นกันที่เล่นเกมมือถือเป็นหลักมากกว่าเกมบนคอนโซลหรือคอมพิวเตอร์
ถ้าหากว่าโรคติดเกมปกติ ทำให้ผู้ป่วยขาดการยับยั้งชั่งใจควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้ โรคติดเกมมือถือ ก็คือโรคที่น่ากลัวกว่า เพราะนอกจากจะมีอาการที่คล้ายกับโรคติดเกมปกติแล้ว โรคนี้ยังทำให้ผู้ป่วยสูญเสียสิ่งที่มากกว่าสุขภาพจิต และนั่นก็คือ “เงิน” เพราะเกมมือถือส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักจะมีระบบที่ให้ผู้เล่นเติมเงินเพื่อซื้อคอนเทนต์ต่าง ๆ ภายในเกม
เหล่าผู้ป่วยโรคติดเกมมือถือหรือโซเขียลเกมที่ได้เหยียบขุมนรกที่เรียกว่าการเติมเงินในเกม นอกจากเงินทองและเวลาที่สูญเสียไปแล้วนั้น พวกเขายังต้องเจอกับความยากลำบากอะไรอีกบ้าง?
ตัวอย่างกรณีของผู้ที่ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคติดเกมมือถือ
- ชายชาวญี่ปุ่นวัย 60 ปีจากฮอกไกโด (ทำธุรกิจส่วนตัว/รายได้ต่ำกว่า 1 ล้านเยนต่อปี) เคยมีการเติมเงินกว่า 3 แสนเยน (ประมาณ 9 หมื่นบาท) และในตอนนั้นเขาเกือบเป็นโรคหัวใจเลยทีเดียว
- ชายชาวญี่ปุ่นวัย 30 ปีจากจังหวัดไอจิ (พนักงานสัญญาจ้าง/รายได้ประมาณ 4 ล้านเยนต่อปี) ก่อนที่จะมาเล่นเกมมือถือ เขาไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับมันและไม่คิดว่าจะต้องเติมเงิน ตอนแรกมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกหมดความสนุกกับงานอดิเรกนั้น จนได้พบกับเกม RPG บนมือถือเกมหนึ่ง และในช่วงที่เล่นเกมมือถือมาหลายปี ก็เสียเงินไปกว่า 4 ล้านเยน (ประมาณ 1.2 ล้านบาท)
- หญิงชาวญี่ปุ่นวัย 30 ปีจากจังหวัดไซตามะ (พนักงานประจำ/รายได้ประมาณ 3 ล้านเยนต่อปี) มีการเติมเงินให้กับเกมซีรีส์ Idol Master และ FGO รวมกว่า 4 ล้านเยน (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) โดยจำนวนเงินที่เติมไปนั้นมีจำนวนสูงกว่ารายได้ของตัวเองเสียอีก แต่หลังจากที่เปลี่ยนงานและรายได้น้อยกว่าเดิม ก็เลยเลิกเติมเงินในเกมไป
“ที่เติมก็เพราะช่วงเวลาที่เติมเงินแล้วไขกาชาได้ตัวที่ต้องการ ตอนนั้นรู้สึกดีใจและมีความสุขมาก แต่มันก็คือดวง ถ้าไม่รู้จักเกมพวกนี้ก็คงไม่ได้เติมเกม และมีเงินเก็บแน่นอน”
แต่ว่าก็มีกรณีที่น่าสนใจ ที่ถึงแม้จะยอมรับว่าติดเกมมือถือและมีการเติมเงินในเกมเป็นจำนวนมาก แต่ผู้เล่นคนนั้นก็ยังคิดในแง่ดี ซึ่งคนคนนั้นก็คือชายชาวญี่ปุ่นวัย 40 ปี (สื่อมวลชน/รายได้ประมาณ 9 ล้านเยนต่อปี) ที่มีการเติมเงินในเกมรวมกว่า 6.4 ล้านเยน (ประมาณ 1.9 ล้านบาท) โดยสาเหตุที่เติมส่วนหลักมาจากที่เขาคิดว่าเขาอาจจะได้เป็นเรื่องพูดคุยบน SNS!?
“ผมเล่นเกม Idol Master Cinderella Girls มา 1 ปี เสียเงินไปกว่า 2.4 ล้านเยน ส่วน FGO 2 ปีเสียเงินไป 3 ล้านเยน ผมเคยเลิกเล่นไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากเลิกไปหนึ่งปีครึ่งและกลับมาเล่นอีกที ก็เติมเงินไปกว่า 1 ล้านเยนครับ เหมือนกับระเบิดตัวตายเลย”
ซึ่งตอนที่เติมเกมนั้น เขาได้บอกว่าสภาพจิตใจในตอนนั้นยังคงคิดในเรื่องแง่บวกอยู่ แม้ว่าจะเติมเงินเหมือนระเบิดตัวตาย เพราะถ้าหากเรื่องของเขามีการพูดถึงกันบน SNS เขาก็จะมีความพอใจในระดับหนึ่งเมื่อผู้คนพูดถึงเขาว่าเป็น “ผู้ติดการเติมเงิน”
“นับว่าเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่คนทั่วไปจะเข้าใจชุดความคิดของผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดเกมมือถือ”
ที่มา: news.livedoor.com
TrunksTH
