Spam FEVER: เด็กบ้า เจ้าแม่ฮา คาริสม่าล้นเหลือ!

Highlight
– ทาสแมว
– ที่ตลกออกหน้าออกตาเพราะอยากให้ทุกคนสนุกกับโชว์
– อยากให้แฟนๆ ทุกคนได้ลองถามบอสเกี่ยวกับเรื่องภูมิศาสตร์

 

 

    ให้พูดจริงๆ แล้วแม้ผมจะโอชิป๊อปอย่างที่ใครๆ รู้กัน แต่ในแง่งานสัมภาษณ์ ขอบอกไม่ปิดบังว่า สแปม FEVER คือคนที่อยากคุยด้วยที่สุด จากประสบการณ์ที่ไปงานซึ่งมี FEVER เข้าร่วมหลายต่อหลายครั้งก็รู้สึกมาตลอดว่าสแปมคือเด็กสาวที่น่าสนใจมากๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะในแง่การเอนเตอร์เทนคนดู, การเป็น MC ให้วง หรือการทำคอนเทนต์ลง SNS ส่วนตัว ซึ่งเรียนตรงๆ อีกครั้งว่าเจือความ ‘กาว’ กว่าเพื่อนร่วมวงไปหลายระดับ แต่นั่นแหละคือสเน่ห์ที่เราไม่อยากมองข้าม

 

     วันนี้เธอนั่งอยู่ต่อหน้าผม พร้อมให้สัมภาษณ์เป็นคนรองสุดท้าย น่าสนใจจริงๆ ว่าการพูดคุยกับเด็กสาวผู้เปรียบประหนึ่งระเบิดแห่งเสียงหัวเราะคนนี้จะนำพาเราไปยังขอบเขตขัณฑสีมาใด ผมเหล่สายตาขึ้นมองใบหน้าของเธอที่เจือรอยยิ้มจางๆ พลางสูดหายใจลึกๆ

 

     แล้วทำใจให้พร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่ภาวะโรลเลอร์โคสเตอร์ทางอารมณ์ไปกับเด็กคนนี้

 

 

ตลกไม่ตลอด 

 

 

     ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าในหลายๆ ครั้งการเริ่มต้นยากที่สุด เฉกเช่นเดียวกับการพูดคุยกับคนที่มีความวาไรตี้ในตัวสูง รอยยิ้มจางๆ ของสแปมแม้จะงดงามแต่ก็ส่งแรงกดดันเข้าอัดผมไปพร้อมๆ กัน จึงขอเลือกคำถามที่แม้อาจจะดูตรงไปนิดแต่ผมเองก็อยากรู้ไม่น้อยว่าน้องจะตอบอย่างไร ‘มีคนบอกใช่ไหมว่าสแปมเวลาอยู่นิ่งๆ แล้วสวยเหมือนเป็นอีกคน’ ผมถามออกไปพลางจับจ้องอากัปกิริยาฝั่งตรงข้ามแม้จะเป็นมุมที่ย้อนแสงเล็กน้อยก็ตาม

 

      “จริงเหรอคะ? ใช่ค่ะ แต่เวลาขยับหนูก็สวยอยู่ค่ะ เป็นคนสวยตลอดเวลาเลยค่ะ เรื่องเป็นคนบ้าๆ บอๆ นี่ก็ไม่จริงค่ะ แค่อยากให้มันมีความสนุกอยู่รอบๆ หนูก็เลยเล่นไปเรื่อยค่ะ”

 

     สแปมตอบกลับมาพร้อมภาษากายและสีหน้าซึ่งสื่อทุกอย่างตามที่พูดออกมาหมดไม่มีเม้ม ผมคิดว่านั่นคือความพิเศษของเธอ และก่อนมาอยู่ FEVER ทำอะไรอยู่? คือคำถามถัดมาที่ผมยิงออกไป

 

     “เป็นนิสิตน่ารักธรรมดาค่ะ เป็นเด็กธรรมดาเลยค่ะ เรียนไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ก็มีคนมาชวน แต่ตอนแรกคิดไปว่ายังไม่เอาดีกว่า คือหนูส่งคลิปออดิชั่นวันสุดท้ายเลย อาจเพราะด้วยอายุแล้วด้วยทำให้เป็นกังวลว่าเออมันจะโอเคเหรอ? ยังไปได้อีกเหรอ? อะไรอย่างเงี้ยค่ะ แต่สุดท้ายก็ เออลองดูหน่อย”

 

     แล้วก็มาอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ ถึงจะไม่ได้พูดต่อแต่สีหน้าของสแปมก็ดูจะสื่อออกมาแบบนั้น คือก็รู้สึกมาสักพักแล้วว่าน้องเป็นคนควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้เก่ง ในแง่การคอนโทรลให้ออกมาตามอารมณ์หรือฝืนมันไว้ตามแต่โอกาส อย่างไรก็ดีคำถามถัดมาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องข้างต้นนัก

 

     ‘คิดว่าตัวเองเป็นตลกมั๊ย?’ ผมยังคงถามอะไรไปตามอารมณ์ ไม่ได้เรียบเรียงนักอย่างเคย

 

     “บางเวลาค่ะ คือเป็นคนตลกแต่ไม่ตลอด… แต่ก็ตลอดอ่ะคะ (ขำ) เมื่อกี๊หนูเลียนแบบปายนะคะ (ขำอีกที)” เพราะเวลาอยู่บนสเตจเหมือนจะเป็นคนที่เอนเตอร์เทนคนดูอยู่ตลอด “ใช่ค่ะ ก็อยากให้ทุกอย่างมันสมูธ ไปเรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ไม่มีเดดแอร์ ไม่มีกระตุก พยายามแบบถ้ามีช่องว่างก็ต้องเล่นอะไรไว้ก่อน” แต่เราตบได้ทุกมุขเลยนะ เจ๋งมากๆ ผมนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาพลางพูดออกไป เพราะรู้สึกว่าน้องเก่งจริงๆ 

 

     “ใช่ค่ะ ตบเพื่อนด้วยค่ะ ล้อเล่นค่ะๆ”

 

     นั่นไง โดนเข้าให้แล้ว…

 

 

กัปตันวง?

 

     หนึ่งในความสามารถที่น่าจะประจักษ์ในสายตาใครหลายๆ คนของสแปมก็คือการเป็น MC หลักให้กับวงในตอนขึ้นสเตจ แม้หลังๆ จะเริ่มเกลี่ยๆ ให้เมมเบอร์อื่นๆ ในวงได้มีบทพูดมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าน้องคือเบอร์ต้นๆ ของวงในด้านนี้ระดับว่าคิดอะไรไม่ออกก็โยนให้สแปมไปก่อน เดี๋ยวปัญหาก็คลี่คลาย จนแฟนๆ หลายคนให้การชื่นชมมากๆ ในประเด็นข้างต้น

 

     “ขอบคุณค่ะ จริงๆ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ดีที่ว่านี่มันคือยังไง แต่ก็อย่างที่บอกว่าหนูอยากให้มันไปได้เรื่อยๆ ไม่อยากให้ติดขัด มีจังหวะไหนถ้าคิดอะไรออกก็จะพูดขึ้นมาค่ะ แต่ก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

 

     ‘แล้วกับการที่ถูกบอกว่าควรได้เป็นกัปตันวงล่ะ?’ เพราะความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้กับวงได้หลายครั้ง ทั้งยังถึงด้วยวัยวุฒิ ทำให้แฟนๆ หลายคนมีพูดเรื่องนี้กันขึ้นมาบ้างในวงสนทนา ซึ่งจริงๆ ผมเองก็เห็นด้วยอยู่มาก แต่ดวงตาสแปมกลับเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

     “เอ้ย!?” และเปล่งเสียงอุทานดังออกมาเล็กๆ “หนูรู้สึกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของวง หรือการดูแลวงเนี่ย เป็นหน้าที่ของเมมเบอร์ทุกคนในวงนะคะ เรื่องตำแหน่งนี้เนี่ยจะมีหรือไม่มี ทุกคนก็มีหน้าที่นำพา FEVER ให้ไปต่อค่ะ หนูคิดอย่างนั้น” ก่อนแสดงทรรศนะเชิงแบ่งรับแบ่งสู้แต่กลับกลายเป็นดันไปย้ำถึงสิ่งที่ถามไปให้เด่นชัดขึ้นเสียอย่างนั้น เพราะอีกเรื่องที่ช่วยเสริมแนวคิดนี้ก็คือเวลาตั้งแถวในการออกงานเรามักจะเห็นสแปมยืนอยู่ด้านหน้าของน้องๆ เสมอ

 

     “หนูอาจเป็นพวกความมั่นใจสูงมั้งคะ ไม่น่าเกี่ยวกับวัยวุฒิหรือวุฒิภาวะ เพราะจริงๆ แล้วน้องๆ ในวง Fever ก็เป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากนะคะ เป็นกลุ่มเด็กที่หากเราอยากให้เขาตอบ เราแค่ส่งให้ เขาก็จะตอบทันที ไม่มีเขินอาย”

 

     ถึงตรงนี้ผมรู้สึกทึ่งในการตอบคำถามของสแปมมากขึ้นเป็นเท่าทวี แม้จะคิดว่าน้องเป็นคนมีของมาก่อนหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าถ้อยแถลงในการตอบจะแหวกคาแรคเตอร์ของนางได้ขนาดนี้ สุดยอดจริงๆ

 

 

ทาสแมวผู้ยิ้มส่งจากบนเวที

 

     สแปมมีแมวชื่อ ‘ตะแง้ว’ ซึ่งเป็นแมวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง โดยก่อนหน้านี้ทางบ้านของเธอเลี้ยงหมามาโดยตลอด ตะแง้วจึงเป็นแมวตัวแรกที่เธอได้เลี้ยง และแน่นอนเธอรักมันมาก “คือเรารู้สึกว่าสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่ถึงคนทั้งโลกเกลียดเรา แต่เขาก็ไม่เคยหันหลังให้เรา กลับบ้านไปก็ยังมีเขาอยู่กับเราตลอด”

 

     นั่นน่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยคลายเครียดให้กับสแปมไม่มากก็น้อย แต่นอกจากนี้เธอยังมีงานอดิเรกอื่นๆ อีกเช่นการอ่านนิยาย หรือแต่งนิยาย โดยเธอเลือกที่จะเสพคอนเทนต์เบาๆ เช่นแนวตลก-รักวัยรุ่นทั่วไป เพราะรู้สึกว่าแค่ชีวิตปัจจุบันทั้งเรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัวก็มอบความเครียดให้เธอมากพออยู่แล้ว

 

     ไม่ว่าใครก็ต้องมีด้านลบๆ เข้ามาในชีวิต แม้แต่กับระเบิดหัวเราะเคลื่อนที่อย่างสแปม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดเธอจึงอยากใส่ให้สุดกับอะไรก็ตามที่ทำให้เธอมีความสุข เพราะเมื่อเราถามถึงโมเมนต์ที่ปลื้มที่สุดตั้งแต่มาเป็นไอดอล เธอแทบจะตอบไม่คิดว่ามันคือห้วงเวลาบนเวที

 

     “ปลื้มที่สุดคือเวลาทีเราอยู่บนเวที แล้วเรามองลงมาเห็นคนกำลังจับตาดูเรา เห็นคนยิ้มให้เรา หรือร้องเพลงตามเราค่ะ ยิ่งเวลาแสดงเพลง Start Again หรือ Ghost World แล้วเขาร้องท่อนฮุคกันดังมากๆ เราก็จะแบบ (ทำท่าปลื้ม) แต่คือตอนนั้นเราจะต้องดึงอารมณ์ให้อยู่กับเพลง แม้ว่าในใจเราจะอยากยิ้มกว้างๆ ไปเลยค่ะ”

 

     ในตอนที่ตอบกลับมาสแปมแสดงออกถึงความปลื้มออกมาทางภาษากายจริงๆ และแววตาเธอก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อผมได้มีโอกาสไล่ย้อนกลับไปดูพวกคลิปแฟนแคมต่างๆ ก็พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ กับการที่ปลื้มจนอยากยิ้มแต่ก็ต้องกดอารมณ์ไว้เพื่อทำการแสดงต่อไป ถึงได้บอกว่าเป็นเด็กที่คอนโทรลการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้เก่งกาจคนหนึ่งเลยยังไงล่ะ

 

 

ต่อเรือกับบอส?

     การที่เรือลำหนึ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาในใจแฟนๆ มันต้องมีโมเมนต์เกิดขึ้นบ้างระหว่างเมมเบอร์ 2 คน หากไม่แพงก็ต้องดูแรร์ หากไม่แรร์ก็ต้องมาบ่อยๆ กรณีสแปมกับบอสดูจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า เมื่อเราถามถึงประเด็นข้างต้นเจ้าตัวก็ยืนยันว่าที่เห็นชอบอยู่กับบอสก็เพราะอีกฝ่ายแกล้งสนุกดี…

 

     “คือจริงๆ นะคะพี่ หนูอยากแบบ ถ้าเกิดมันมีกิจกรรมอะไรที่ได้มาเจอกับพวกเราในระยะใกล้ชิด หนูก็อยากให้ทุกคนลองแกล้งบอสดู มันสนุกมากจริงๆ นะ ขนาดแบบแม่หนูเข้าไปนั่ง แม่หนูยังแกล้งบอสเลยอ่ะ จริง! ลองถามปัญหาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์กับบอสดูก็ได้” สิ้นประโยคนี้ของสแปมเมมเบอร์อีก 5 คนที่นั่งรออยู่บริเวณเดียวกันก็พากันขำโดยมิได้นัดหมาย “ลองถามกันดูนะทุกคน คำตอบของบอสมันสนุกมากจริงๆ ค่ะ (แล้วก็ขำแรง)” 

 

     เอาเป็นว่าถ้าพากันขำเบอร์นี้ก็อย่าลืมไปลองทำตามน้องว่ากันดูนะครับ เผื่ออาจจะเจออะไรดีๆ ก็เป็นได้… เดี๋ยว! หยุดขำกันก่อนพวกเธอ!

 

พยายามมีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ

     หลังถามคำถามเอามันส์มาสักพักเราคิดว่าควรจะขมวดปมกันได้แล้ว เพราะด้านนอกก็เริ่มเข้าสู่ยามเย็นทุกขณะ นั่นหมายความว่าเวลาของเราก็น้อยลงทุกทีๆ เราจึงถามคำถามเบสิคออกไปว่าสแปมชอบเพลงอะไรมากที่สุดใน 3 เพลงของวง

 

     “หูย จริงๆ ชอบทุกเพลง แต่ว่าเลือก Start Again แล้วกันค่ะ เพราะว่าเป็นเพลงแรก แล้วแบบมันทำให้เราที่เพิ่งเข้ามารู้จักคำว่าไอดอล เพิ่งเคยอัดเพลงครั้งแรก เพิ่งเคยต้องทำตัวให้อินกับเพลงครั้งแรก หรือเรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงครั้งแรก ก็เลยค่อนข้างที่จะรู้ลึกรักและเอ็นดูเพลงนี้… แต่เพลงอื่นก็รักนะคะ”

 

     ‘แล้วคิดว่าวงต้องไปถึงจุดไหนเราถึงจะรู้สึกว่า โอ้ ประสบความสำเร็จแล้วนะ!’ ผมถามต่อทันทีโดยไม่เว้นช่องให้น้องได้พักนัก เพราะต้องการคำตอบแบบดิบๆ ไม่จำเป็นต้องเจียระไนมากมาย

 

     “ประสบความสำเร็จแล้วเหรอ… ในความรู้สึกของหนูคิดว่าว่ามันประสบความสำเร็จทุกๆ ครั้งที่มีแฟนๆ ฟังเพลงหรือว่าดูเรา มันไม่มีจุดสูงสุดอ่ะ เราก็แค่รู้สึกว่าทำดีแบบนี้ไปเรื่อยๆๆๆๆๆ ให้มันพัฒนาไปเรื่อยๆ ความสำเร็จมันสำเร็จตั้งแต่ที่เราได้ทำตามฝันของเราแล้วค่ะ มันบรรลุแล้วสำหรับหนู แต่ถ้าวงดีขึ้นไปก็ยิ่งจะรู้สึกดีใจมากขึ้นค่ะ แต่เอาจริงๆ ก็รู้สึกสำเร็จแล้วค่ะ แค่ได้เป็นเมมเบอร์ เป็น FEVER ได้แสดงร่วมกับเมมเบอร์ทุกๆ คนก็โอเคแล้ว”

 

     เวลาสแปมตอบคำถามจริงๆ จังๆ เธอจะกระทำด้วยอีกอารมณ์หนึ่งราวกับเป็นคนละคนเวลาเล่นมุข อีกทั้งคำตอบที่เราได้ก็ทำให้ต้องแปลกใจทุกครั้งกับสารที่ถูกสื่อออกมาจนอดทึ่งไม่ได้เลยจริงๆ เป็นสเน่ห์ที่ผมคงไม่อาจค้นพบหากไม่ได้มานั่งสัมภาษณ์เธอแบบที่เป็นอยู่

 

 

     คำถามสุดท้ายถูกถามออกไปว่า ‘วาดภาพอนาคตตัวเองเป็นอย่างไร?’ แม้จะเป็นกระทู้ที่แทบจะซ้ำซากกับทุกๆ คนแต่ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากถามไม่เบื่อ เพราะลายมือแต่ละคนไม่เหมือนกัน มุมมองที่มองเห็นก็ต่างกัน ดังนั้นภาพที่ถูกวาดไว้ของแต่ละคนจึงไม่อาจใช่ภาพเดียวกัน

 

     “ถ้าตอนที่ยังอยู่ใน FEVER ก็แค่อยากเห็นทุกๆ คนใน FEVER มีความสุขในสิ่งที่ทำอยู่ไม่ว่าจะอีก 5 ปี หรือ 10 ปี 30 ปี ขอให้เมมเบอร์ทุกคนรวมถึงตัวแปมมีความสุขกับสิ่งที่ทำในตอนนั้นมันก็โอเคแล้วค่ะ อาจไม่ต้องดังขนาดตูมตาม แต่ว่ามันมีความสุขตอนนั้นน่ะ แค่มีความสุขก็พอแล้ว แปมเชื่อว่าการทำอะไรมันต้องมีความสุขอยู่ในนั้น ถ้าเราไม่มีความสุขเราก็คงไม่อยากจะอยู่ตรงนั้น มีความสุขก็พอแล้วค่ะ ส่วนความฝันอื่นๆ ของแปมก็เปลี่ยนไปตามอายุ อย่างตอนเด็กก็อยากโตมาเป็นครู เริ่มเข้ามัธยมก็อยากเป็นหมอ พอเริ่มจะเอนฯ จริงๆ ก็ปุ๊บ! อยากเป็นนักร้อง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูจะเป็นอะไร แต่หนูเชื่อว่าสิ่งที่หนูทำ หนูจะมีความสุขกับมันค่ะ”

 

 

     สแปมจบบทสัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มนางงาม และเราคงไม่ต้องสรุปความอะไรมากกับความเป็นสแปม เพราะคำตอบและสารที่ถูกเธอสื่อออกมาก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว และเพราะเธอยังคงสนุกกับบทบาทที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่าแฟนๆ จะพยายามทำให้สแปมมีความสุขต่อไปอีกนานๆ เช่นกัน

 

     “ฝากวง FEVER กับเมมเบอร์ทั้ง 12 คนด้วยนะคะแล้วก็บอสมีความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์เยอะมากนะคะ ก็อยากให้ทุกๆ คนมาถามบอสเยอะๆ บอสเองก็อยากจะตอบคำถามนี้ค่ะ เพราะบอสมีความรู้ที่ไม่มีใครรู้มาก่อนเยอะมาก อย่าลืมไปถามนะคะ เย้!”

 

     นี่แหล่ะ Spam FEVER ล่ะ

 

 


 

ติดตามสแปมได้ที่: SPAM FEVER
ติดตามวง FEVER ได้ที่: FEVER
ผู้ให้สัมภาษณ์: สแปม
ผู้สัมภาษณ์: ท่านหลอด
ภาพนิ่ง,วิดิโอ: ท่านหลอด, ซาโตชิ
ทั่วไป: ติดตี๊ Mugen
เอื้อเฟื้อสถานที่: The Street Ratchada

 


 

บทสัมภาษณ์เพิ่มเติมเมมเบอร์ FEVER: ใบบัว, ซี, ปาย, ซู
 

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้