Cee FEVER: เส้นทางของเกมเมอร์ผู้ผันตัวเป็นไอดอล!

 

Highlight
– เพจของ Cee FEVER มีการสตรีมเกมบ้างเป็นครั้งคราว
– เกมแนวเนื้อเรื่องพอมีหยิบมาเล่นบ้าง โดยเฉพาะเกมที่มีตัวละครหล่อๆ
– อยากสร้างเกมที่เป็นของคนไทย

 

     เมมเบอร์คนที่ 2 ที่ได้พูดคุยกันต่อในร้านบอร์ดเกม My Magic ต่อจาก “ใบบัว” ก็คือ “ซี” จำได้ว่าได้เจอน้องจริงๆ ครั้งแรกตอนที่ทางวง FEVER มาสวัสดีปีใหม่ถึงออฟฟิศของ Online Station และน้องเองก็บอกว่าติดตาม OS อยู่เหมือนกัน ดังนั้นแล้วเราจึงไม่แปลกใจนักเมื่อได้รู้ว่าน้องเองก็ชอบเล่นเกม และก่อนมาสัมภาษณ์วันนี้เราเองได้ทำการบ้านโดยการไล่ย้อนดูคลิปสตรีมเกม “ปีศาจขอร้อง V” และพบว่ามันยังไม่จบ ดังนั้นแล้วคำถามเปิดหัวของเราจึงอดถามนางไม่ได้จริงๆ ว่าคลิปครั้งหน้าจะมาเมื่อไหร่

 

     “หูยยยยพี่~~” น้องร้องเสียงหลงกลับมาทันที นัยว่าเปิดมาก็เอางี้เลยหรือ? “คือเอาจริงๆ ก็เล่นเก็บไว้แล้ว แต่ว่ารอตัดต่ออยู่ค่ะ หนูว่าหนูก็เล่นไปไกลอยู่น๊า เกินครึ่งอ่ะ” 

 

     เธอตอบพร้อมกับทำหน้าขอให้เชื่อ ซึ่งเป็นสีหน้าที่เรามักเห็นกันบ่อยๆ ยามเธอมาขายของที่บูธ เมื่อแซวต่อว่าทำไมคอมเมนต์ในคลิปมีแต่ซีขึ้นรัวๆ เธอก็ตอบกลับมาแกมขำประมาณว่า 

 

     “หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนคุยกับตัวเอง ถึงไม่มีใครคุยกับหนู แต่หนูก็คุยกับตัวเองได้นะ” แล้วก็หัวเราะออกมา 

 

     ผมคิดว่าเราเริ่มบทสนทนากันได้ดี 

 

 

ไอดอลเกมเมอร์

 

     ช่วงนี้ชอบเล่นเกมแนวไหน? แล้วรอเกมอะไรบ้าง คำถามง่ายๆ เพื่อสำรวจลึกตัวตนของเกมเมอร์ในคราบไอดอลให้มากขึ้น เพราะแม้เราจะเห็นเธอเล่นเกมแนวแอคชั่นข้างต้น แต่ก็ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเธอน่าจะเล่นเกมแนวอื่นอยู่อีก ซึ่งก็ไม่ได้ผิดนัก 

 

     “ชอบเล่น MOBA ค่ะ พวกแนวเนื้อเรื่องก็มาเรื่อยๆ ถ้าตัวละครหล่อเนื้อเรื่องดีก็มีกำลังใจเล่นแล้ว (หัวเราะ) แต่ส่วนใหญ่ จะ MOBA เป็นหลักค่ะ ส่วนเกมที่รอตอนนี้ อืม… ยังไม่ได้ดูตารางล่าสุดเลยค่ะ เพราะไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนี้ก็จะหมกมุ่นอยู่กับ Devil May Cry V แต่ก็มี Sekiro บ้าง” พอเอ่ยถึง Sekiro ก็ต้องทริกเกอร์คันปากอยากถามถึงจำนวนการตาย และ 

 

     “โฮ่… นับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ” 

 

     คือคำตอบที่ออกจากปากพร้อมอารามยิ้มแห้ง ไม่เป็นไรนะเราเข้าใจ

 

 

จริงจังเกมมิ่ง

 

     เรามักจะรับรู้เสมอเวลาเล่นเกมว่ามันให้หรือมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง แม้กระนั้นเราก็ยังมีความสนใจในเรื่องเดียวกันนี้จากมุมมองของผู้อื่นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอดอล 

 

     “หนูรู้สึกว่าการเล่นเกมทำให้หนูได้เพื่อนค่ะ อย่างการเล่น MOBA เนี่ย เราต้องมีตำแหน่ง 5 Position ถูกไหม แล้วคือทั้ง 5 ตำแหน่งนี้เราต้องมีความรู้ใจกัน และต้องไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์ เราสื่อสารกันมากขึ้น โอเคฉันช่วยเหลือคุณ คุณช่วยเหลือฉันอะไรอย่างเนี้ยน่ะค่ะ” 

 

 

     ต้องยอมรับว่าการได้เพื่อนมันคือการได้สังคมอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งอันเป็นรูปธรรมซึ่งเกมในยุคอินเตอร์เน็ตเฟื่องฟูมอบให้กับวัยรุ่นทั่วๆ ไป จนคล้ายว่าเป็นเรื่องดาษดื่นในสายตาคนนอก แม้เราจะรู้กันดีว่าหลายๆ ครั้งการได้เพื่อนต่างสถานที่ต่างวงการอาจนำมาซึ่งกันเปิดมุมมองใหม่ๆ จากการพูดคุย เป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างหนึ่งของวัยรุ่น แต่เหตุผลข้างต้นนี้อาจจะกลายเป็นไร้สาระทันทีเมื่อนำไปพูดคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ คน เราสนใจจริงๆ ว่าน้องจะพูดอย่างไรกับผู้ใหญ่ว่าเกมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น 

 

     “สำหรับหนูเนี่ย เกมจะเลวร้ายหรือไม่เลวร้ายมันขึ้นอยู่กับคนเล่นค่ะ รวมถึงว่าเราใช้วิจารณญาณขนาดไหนตลอดการเล่น แน่นอนว่าถ้าเขาสร้างมา มันก็ต้องมีประโยชน์ของมันจริงมั๊ยอ่ะ อย่างมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กเนี่ยเขาก็บอกว่าถ้ามีลูกจะให้ลูกเล่นเกม มันมีเกมมากมายที่หนูเล่นตั้งแต่เด็กอย่าง Monopoly หรือเกมอะไรก็ตามที่สอนการใช้ชีวิต ฝึกการวางแผน หรือมีมนุษย์สัมพันธ์ค่ะ สำหรับหนูมันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเกมเลวร้ายหรือไม่เลวร้าย มันขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นคนนั้นมีวิจารณญานรึเปล่า หรือแบ่งเวลาได้รึเปล่า?” แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเกมสร้างสรรค์อย่างเดียวบนโลกใบนี้ เกมคุณภาพดีที่อุดมความรุนแรงมันก็ยังมีอยู่ เช่น GTA 

 

     “หนูว่า GTA มันเหมือนเกมที่สร้างมาเพื่อให้เราสามารถทำสิ่งที่เราไม่สามารถทำในชีวิตประจำวันได้ เก็ทป่ะคะ? เหมือนเอาไว้ระบาย เพราะภายในเกมมันไม่มีกฎพื้นฐานทางสังคมน่ะค่ะ”

 

 

ปัจจุบันผู้เล่น อนาคตผู้สร้าง

 

     ตัวซีเองแม้จะเล่นเกมแนวๆ MOBA เป็นหลักโดยมีแนวเนื้อเรื่องแซมๆ มาบ้าง แต่ตัวเธอเองก็ไม่ปฏิเสธว่าเคยเล่นเกมออนไลน์อยู่เหมือนกัน เช่นเดียวกับอาการหัวร้อนที่แม้จะเป็นคนดูอารมณ์ดีอย่างเธอก็ยังอาการออกบ่อยๆ 

 

     “แน่นอนสิคะ ต้องหัวร้อนบ้างอยู่แล้ว คือในห้องหนูก็จะมีตุ๊กตาใหญ่ๆ อยู่ตัวหนึ่ง พอหนูเริ่มหัวร้อนก็จะเข้าไปจัดการกับมันค่ะ (ทำท่าบีบคอ) จะไม่ค่อยไประบายใส่คนอื่นเท่าไหร่” ซียืนยันถึงความหงุดหงิดที่จะไม่เอาไปลงกับใคร แต่จะเกิดอาการวู่วามเติมเงินเกมบ้างเป็นครั้งคราว 

 

 

     อย่างไรก็ดีในคลิปแนะนำเมมเบอร์ของช่อง FEVER ส่วนของซีเอง ตัวเธอเคยบอกไว้ว่าอยากทำเกมที่เป็นของคนไทยจริงๆ เราจึงถามต่อว่าทุกวันนี้ยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ 

 

     “ทุกวันนี้ก็ยังคิดเหมือนเดิมอยู่ค่ะ แล้วหนูก็เรียนเอกเกมอยู่ด้วย… เอ่อ ไม่ใช่เอกเกมสิ เหมือน Art for Game อะไรอย่างเนี้ยค่ะ ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็มีโปรเจคอยู่เรื่อยๆ ที่จะไปทำกับเพื่อนๆ เอกเกมน่ะค่ะ เพื่อที่จะสร้างเกมขึ้นมาเป็นของตัวเองค่ะ” 

 

     ก็เหมือนกับใบบัว นอกจากเรื่องการเป็นไอดอลตอนนี้ เธอเองก็ยังมีสิ่งสำคัญเป็นแพสชั่นให้กับชีวิต และความตั้งใจนั้นส่งผ่านออกมาผ่านสีหน้าและแววตาได้อย่างชัดเจน “รอเล่นเกมหนูด้วยนะ” เธอส่งท้ายหัวข้อนี้ด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

 

 

     อย่างไรก็ดีในตอนนี้อีกพาร์ทของเธอคือการเป็นไอดอลแ]ะเราคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะขอวกมาคุยถึงเรื่องนี้

 

เพราะอยากช่วยเหลือจึงเลือกมาเป็นไอดอล

 

     เราได้ยินกันหลายๆ ครั้งว่าเพลง ‘365 วันกับเครื่องบินกระดาษ’ ของวงไอดอลเจ้าตลาดอย่าง BNK48 นั้นมักถูกชื่นชมว่าความหมายดีมีเนื้อหา, คำร้อง, ทำนองที่กินใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟังหลายต่อหลายคนให้ลุกขึ้นมาทำความฝันของตัวเอง และตัวตนของ ซี FEVER ก็ดูจะมีเพลงนี้เป็น 1 ในพาร์ทที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตเช่นกัน 

 

     “ก่อนหน้านี้หนูต้องเกริ่นก่อนเลยว่า ก่อนที่หนูจะมาอยู่ใน FEVER เนื่ย หนูไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติเท่าไหร่นอกจากเล่นเกม หนูต้องช่วยที่บ้านทำงาน ช่วยคุณพ่อทำงาน จนมาถึงจุดหนึ่งที่คุณพ่อก็เข้ามาบอกว่า เออ ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติได้แล้วนะ เพราะว่าหนูช่วยคุณพ่อทำงานตั้งแต่ ม.4 จนถึง ม.6 ที่นี้หนูก็ไม่รู้ทางว่าจะทำยังไงดี แต่ช่วงนั้นคือหนูก็มีเพื่อนที่เป็นโรคซึมเศร้าด้วย หนูเลยอยากช่วยเขา เลยศึกษาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ จนมารู้จักกับวงไอดอล และเพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ ซึ่งหนูรู้สึกว่ามันเป็นแรงบันดาลใจมาก ก็เลยอยากลองไปอยู่ในจุดที่สามารถเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ค่ะ นี่คือคำตอบในการใช้ชีวิตวัยรุ่นของหนูค่ะ” 

 

 

     ซีตอบกลับมาอย่างมั่นใจโดยไม่มีลังเล คล้ายกับจะบอกเราทางอ้อมว่านี่คือเหตุผลสำคัญที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีอื่น เช่นเดียวกับตอนที่ถามว่าจุดเด่นในการเป็นไอดอลของซีคืออะไร “ก็คือตัวหนูค่ะ” เป็นคำตอบสั้นๆ ทว่ากลับหมดจรดกระบวนความ เพราะเป็นซี… นี่แหละจึงโดดเด่น

 

     ซียังบอกต่อว่าเธอชอบเพลง Start Again มากที่สุดจาก 3 เพลงของวง “เพราะว่ามีช่วงเวลาที่หนูล้มลุกคลุกคลานมาเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่สุดท้ายสิ่งที่ทำให้หนูมาอยู่จุดนี้คือหนูต้องเริ่มต้นใหม่กับทุกๆ อย่าง เลยกลายเป็นว่าหนูชอบเพลง Start Again เพราะมันตรงกับตัวหนู” 

 

 

     ขณะที่ชีวิตหลังเดบิวต์สเตจก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก “เอาจริงๆ ก็คิดว่าไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หนูก็ยังไปมหาวิทยาลัย ไปเรียน ทำงาน แต่ว่าสิ่งที่ต่างคือเราก็ต้องแบ่งเวลามาโฟกัสกับสิ่งที่เราทำตรงนี้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ห้ามละทิ้งภาระหน้าที่แต่เดิมของเรา นั่นก็คือการเรียนค่ะ” กระนั้นเธอก็ยังยืนยันกับเราว่าซ้อมหนักขึ้นมาก “ใช่ค่ะพี่ เยอะขึ้น หนักขึ้นหนักมากๆ หนูบอกเลย ต้องมีวินัยในตัวเองที่สูงขึ้นค่ะ”

 

 

     อย่างไรก็ตามมันดูจะไม่เป็นปัญหากับเธอสักเท่าไหร่ อีกทั้งคำถามถึงความตั้งใจในการเป็นไอดอลของเธอก็ถูกกลบทิ้งไปด้วยการตอบคำถามทิ้งท้ายเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้ที่เธออยากเห็น “คือหนูอยากจะให้เพลงของพวกเราเนี่ย เข้าสู่ในวงบุคคลทั่วไปมากขึ้น อยากกระจายฐานคนฟังมากขึ้น แล้วก็ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากเจอกับแฟนคลับมากขึ้น อยากทำกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับมากขึ้นค่ะ”

 

     คิดอย่างไรเธอก็เป็นอย่างนั้น แสดงออกออกมาทั้งอย่างนั้น เป็นเด็กที่ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองจนน่าชื่นชม นี่แหละ ซี FEVER ที่แฟนๆ หลงรักล่ะ!

 


 

ติดตามซีได้ที่: Cee FEVER
ติดตามวง Fever ได้ที่: FEVER
ผู้ให้สัมภาษณ์: ซี
ผู้สัมภาษณ์: ท่านหลอด
ภาพนิ่ง,วิดิโอ: ท่านหลอด, ซาโตชิ
ทั่วไป: ติดตี๊ วาตานาเบ้
เอื้อเฟื้อสถานที่: ร้าน My Magic, The Street Ratchada

 


 

บทสัมภาษณ์เพิ่มเติมเมมเบอร์ FEVER: ใบบัว

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้