เลือกซื้อทัมป์ไดรฟ์อย่างไร…ไม่ให้โดนหลอก

[center][img]http://www.online-station.net/news/files/0503/1653_mp3-usb-drive.jpg[/img][/center][p]ตัวเล็กแต่พิษสงเหลือร้ายไม่เบา สำหรับเจ้า Handy Drive แม้อุปกรณ์ชนิดนี้ จะมีขนาดเท่าหัวแม่มือ แต่ความสามารถนั้นล้นเหลือ จนทำเอาสื่อบันทึกข้อมูลอื่นๆ ต้องดูด้อยค่าไปทันที แถมยังใช้งานง่าย บางรุ่นสามารถเล่น MP3 รับฟังคลื่นวิทยุได้ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเวลาไปที่ไหนก็เห็นใครต่อใคร เลือกแขวนเจ้า Handy Drive ไว้ที่คอกันทั้งนั้น[p]แฮนดี้ ไดรฟ์ (Handy Drive) เพนท์ ไดรฟ์ (Pen Drive) ทัมป์ไดรฟ์ (Thumb Drive) หรือ ยูเอสบี ไดรฟ์ (USB Drive) เป็นชื่อที่เรียกต่างๆ กันของสื่อบันทึกข้อมูล อีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีการทำงานคล้ายฟล็อปปี้ดิสก์ อ่านและเขียนหรือลบไฟล์ได้ทันที ส่วนการออกแบบโครงสร้างทั้งหมด ได้แนวคิดมาจาก Flash Memory เพียงแต่อาศัย การรับ-ส่งข้อมูลผ่านพอร์ต USB เป็นตัวกลาง จึงไม่ต้องอาศัยโปรแกรมใดๆช่วยเสริมทั้งสิ้น[p]สำหรับเหตุผลที่หลายคนเลือกใช้ USB Flash Drive ไม่ต่างกันนัก เพราะจากการ เดินสำรวจพูดคุยกับพ่อค้าขายอุปกรณ์ไอที ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า มันสะดวกใช้งานง่าย ดังนั้น จึงเป็นที่ต้องการของตลาดด้านนี้มากยิ่งขึ้น แต่ยิ่งนับวันแบรนด์ต่างๆเข้ามามาก โอกาสที่จะถูกเอาเปรียบจากผู้ค้าก็มากขึ้นด้วยในวันนี้ IT Digest จะขออาสาพาเหล่านักช็อปสินค้าไอที ไปพูดคุยกับตัวแทนบริษัทด้านไอทีชั้นนำ เพื่อทำความรู้จักกับตลาด USB Flash Drive ในบ้านเรา พร้อมแนะวิธีการเลือกซื้ออย่างไร…ไม่ให้โดนหลอก[p]นางอภิรดี อัศวเวทวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด บริษัท ซินเนค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ชั้นนำ กล่าวว่า ขณะนี้ USB Flash Drive ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงมาก แม้ราคาจะแพงมากกว่าฟล็อบปี้ดิสก์ แต่มีความสะดวกและทนทานมากกว่า ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งปัจจุบัน USB Drive ได้ถูกออกแบบพัฒนาให้เป็นมากกว่าสื่อบันทึกข้อมูลธรรมดา โดยมีฟังก์ชั่นที่เล่น MP3 และรับคลื่นวิทยุได้ด้วย ล่าสุด USB Drive มีความจุมากถึง 1 GB ขณะที่แผ่นซีดีมีความจุเพียง 700 MB โดย USB Drive ที่จำหน่ายอยู่ขณะนี้คือ 16 MB, 32 MB, 128 MB, 256 MB, 512 MB, และ 1,024 MB (1GB) เป็นต้น[p]ผอ. ฝ่ายผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด ซินเนค (ประเทศไทย) เล่าถึงภาพรวมการเติบโตของ USB Flash Drive ในเมืองไทย ระหว่างปี 2547-2548 ว่า มีการเติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยปัจจัยหนึ่งมาจากการเติบโตของเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี และโน้ตบุ๊กที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และอุปกรณ์ USB Drive จะเหมาะกับโน้ตบุ๊กมากกว่า ทั้งนี้ ในปี 2547 USB Drive ในเมืองไทยมียอดจำหน่ายถึง 6 แสนตัวต่อปี ส่วนในปี 2548 มีแนวโน้มว่าจะมียอดจำหน่ายถึง 9 แสนตัว ทั้งนี้ ซินเนคมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 40% โดยเป็นตัวแทนจำหน่าย USB Drive 4 แบรนด์ ได้แก่ คิงสตัน (Kingston) เลอเมล (Lemel) พรีเทค ( PreTech) และ เทรค (Trek)นางอภิรดี กล่าวถึงจุดแข็งของ USB Drive ทั้ง 4 แบรนด์ว่า คิงสตัน (Kingston) ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นแบรนด์ที่มีรางวัลการันตีมาก และมีความเก่าแก่ เลอเมล (Lemel) มีจุดแข็งที่มีความทนทาน แข็งแรง พรีเทค ( PreTech) เน้นแฟชั่นสีสันถูกใจกลุ่มวัยรุ่น ส่วน เทรค (Trek) จะเน้นฟังก์ชันที่มีลูกเล่นมาก และจากการที่ USB Drive มีการพัฒนาให้มีฟังก์ชันหลากหลาย ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม โดยจากที่จำกัดในกลุ่มคนทำงานในองค์กร อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป กลายเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่นอกจากจะใช้ USB Drive ในการบันทึกข้อมูลแล้ว ยังมีความต้องการจะโหลดเพลงด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้งานของ USB Drive ยังกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ในกรุงเทพฯ ประมาณ 80% แต่คาดว่า ในปี 2548 -2549 หากราคา USB Drive ลดลงมา และกระแสมาแรงมากขึ้น ก็จะกระจายไปยังตลาดต่างจังหวัดได้มากขึ้น[p]ผอ. ฝ่ายผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด ซินเนค(ประเทศไทย) กล่าวถึงแนวโน้มด้านการตลาดของสื่อบันทึกข้อมูลในปี 2548 ว่า USB Drive จะยังคงได้รับความนิยม และมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่จะมี สื่อบันทึกข้อมูลรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรง และมีแนวโน้มจะแซงหน้า USB Drive คือ เพอเซอนอล สตอเรจ (Personal Storage) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลฮาร์ดดิสก์ ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลในปริมาณถึง 20 GB และ แฟลช เมมโมรี่ (Flash Memory) ที่ใช้จัดเก็บข้อมูลในกล้องวีดีโอ และโทรศัพท์เคลื่อนที่[p]สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้บริโภคในการจะเลือกซื้อ USB Drive นางอภิรดี บอกว่า อันดับแรกควรคำนึงถึงความต้องการในการใช้งานก่อน เช่น หากเป็นนักเรียน นักศึกษา ก็น่าจะมีความต้องการใช้งานในระดับมาตรฐานคือ ความจุไม่เกิน 256 MB แต่ถ้าเป็นนักบัญชี หรือบุคคลที่ทำงานในองค์กรที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลในปริมาณมาก ก็ควรเลือกความจุประมาณ 1 GB [p]ผอ. ฝ่ายผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด ซินเนค (ประเทศไทย) กล่าวต่อว่า สิ่งที่ควรคำนึงต่อไป คือ ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูล โดยไดรฟ์รุ่นใหม่ๆ จะสามารถเขียนได้ที่ความเร็ว ประมาณ 5,500 กิโลไบต์ต่อวินาที และอ่านได้ที่ความเร็วประมาณ 6000 กิโลไบต์ต่อวินาที และไม่ควรกินไฟมากกว่า 5 โวลต์ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงฟังก์ชั่นเสริม เช่น สามารถเล่นเพลง MP3 บันทึกข้อมูล รวมถึงเมนูควบคุมระบบการจัดการข้อมูลอย่างสะดวก ความจำเป็นของ Security และ ระยะเวลาการรับประกัน ที่โดยเฉลี่ยทุกค่ายมีระยะเวลารับประกันประมาณ 2 ปี เป็นต้น[p]ด้าน นางสิริมา สงฆ์ประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ต่อพ่วง บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึงอนาคตของ ฟล็อบปี้ ดิสก์ในเมืองไทย ว่า คงมีการใช้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะแม้มีราคาถูก แต่มีข้อเสียในด้านจุข้อมูลได้น้อย ไม่มีความทนทานจึงอาจทำให้ข้อมูลที่สำคัญเกิดความเสียหายได้ ในขณะที่ USB Drive มีข้อได้เปรียบคือ มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็กเท่านิ้วหัวแม่มือ มีความจุมากกว่า CD-R ในบางรุ่น มีความเร็วสูง เช่น เวอร์ชั่น 2.0 มีอัตราความเร็วในการถ่ายโอน ข้อมูลได้ถึง 480 Mb/s เร็วกว่าเวอร์ชั่น 1.1 กว่า 40 เท่า แม้ยังมีบางรุ่นที่ใช้เวอร์ชั่น 1.1 อยู่ แต่ยังถือว่ารับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า ในรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกข้อมูลได้หลากหลาย เช่น Bootable , MP3, Voice Recorder และ Security[p]ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ต่อพ่วง เอเซอร์ กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจ USB Flash Drive ของเอเซอร์ ว่า มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ประมาณ 50% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีมากขึ้น ทำให้ตลาดขยายตัว โดยผลิตภัณฑ์ USB Drive ของเอเซอร์จะเน้นฟังก์ชัน MP3 เป็นหลัก จึงได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภคที่เป็นนิสิต นักศึกษา โดยเฉพาะรุ่น MF-550r ที่มีความจุ 256 MB เพราะนอกจากจะมีความจุที่พอเหมาะแล้ว ยังสามารถเล่นเพลง MP3 ฟัง FM และ Voice Record ได้ด้วย สำหรับในปี 2548 เอเซอร์จะรุกตลาด USB Drive ด้วยการให้ความสำคัญเกี่ยวกับบริการหลังการขาย เพื่อแนะนำผู้บริโภคในการเลือกซื้อ USB Drive ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น [p]สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้บริโภคในการเลือกซื้อ USB Flash Drive นางสิริมา กล่าวว่า อันดับแรกต้องถามตนเองก่อนว่าต้องการความจุเท่าไหร่จึงจะพอ เพราะหากซื้อ USB Drive ที่มีความจุมากเกินไป จะทำให้ต้องจ่ายเงินด้วยราคาที่สูงเกินความจำเป็น สิ่งที่ควรคำนึงข้อต่อไปคือ ฟีเจอร์เสริม เช่น ตัวไดรฟ์สามารถบูตเครื่องไดรฟ์ ระบบเข้ารหัสข้อมูล ระบบป้องกันข้อมูลด้วยรหัสผ่าน เป็นต้น สำหรับคนที่มีข้อมูลสำคัญ การป้องกันด้วยรหัสผ่านอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น การเข้ารหัสข้อมูลจะเป็นทางเลือกที่จะป้องกันข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงบริการหลังการขาย เพราะปัจจุบัน USB Drive มีแบรนด์ต่างๆให้เลือกซื้อมากขึ้น ทำให้ต้องระวัง เพราะหาก USB Drive มีปัญหาก็จะได้มาใช้บริการที่ศูนย์ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ควรตรวจสอบสภาพผลิตภัณฑ์ หากเป็น MP3 ก็ควรทดลองฟังก่อนก่อน โดยเฉพาะปุ่มปรับระดับเสียง และฟีเจอร์ต่างๆ ด้วย[p]ทั้งหมดนี้ คือข้อคิดเห็นจากตัวแทนบริษัทจำหน่าย USB Drive ชั้นนำ ที่สะท้อนมุมมองด้านการตลาดของ USB Drive ในบ้านเรา และข้อแนะนำดีๆ ในการเลือกซื้อ USB Drive กลับบ้าน อาทิ ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับปริมาณข้อมูลในการใช้จัดเก็บ กินไฟน้อย ราคาเป็นที่น่าพอใจ ความจำเป็นในการมีฟังก์ชันเสริม ระยะเวลาในการรับประกัน บริการหลังการขาย และสุดท้ายควรตรวจสอบสภาพผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ เป็นต้น (หากเป็นไปได้ควรขอทดสอบการใช้งานก่อน) เพราะหากคิดแต่เรื่องความสวย เก๋ เท่ อย่างเดียว ก็อาจต้องพบกับความผิดหวังได้ง่ายๆ[img]http://www.online-station.net/news/files/0503/1653_lax_usb_watch.jpg[/img]

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้